“ยูมิน” อัดอั้นร้องไห้ขี้มูกโป่ง ยันไม่ได้อ้างเป็นแฟนเกาะ “ฟิล์ม” ดัง เพราะจะโกอินเตอร์ไปเกาหลี มั่นใจน่าจะไปได้สวยกว่า เผยคบกันมา 4 ปี สุดเสียใจทำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแปดเปื้อน จวกฟิล์มโกหก ลั่นต้องตัดใจจากฝ่ายชายเพราะเพราะเป็นหญิงยุคใหม่ฉลาดไม่ใช่นางทาสที่จะรักฝ่ายชายถึงฝ่ายชายจะพูดไม่ดี
จู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าเป็นแฟนกับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” พ่อหมูฉึกๆ ชื่อของ “ยูมิน ทวิกานต์ กุลชล” จากเวทีทีนซูเปอร์สตาร์ที่ไม่เคยมีใครรู้จักก็เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาทันที ถึงแม้ฟิล์มจะออกมาปฏิเสธแบบเทปคนละม้วนก็เถอะ ล่าสุดนิตยสารซุบซิบฉลองครบรอบ 8 ปี ก็ติดต่อให้ไปเดินแบบ เจ้าตัวก็ออกมาเปิดเผยเรื่องฟิล์มอีกครั้งพร้อมกับร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“ตั้งแต่ตอนแรกที่มีข่าวออกมาว่าหนูแฉ จะบอกว่าไม่ได้แฉอะไร ที่หนูจะบอกวันนี้คือไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมแต่จะแก้ทุกอย่างที่ไม่ใช้ข้อเท็จจริง อย่างแรกเลยที่เขาบอกว่าเขาคุยกับหนูตอนที่เขาบวช ในหลักของศีลธรรมเราคุยกับพระไม่ได้อยู่แล้วค่ะ หนูก็มีจรรยาบรรณพอที่จะไม่คุยกับพระ ซึ่งที่คุยครั้งล่าสุดก็คือก่อนเขาบวช 1 วัน คือเขามาลาหนู แล้วหนูเองก็เข้าบ้านประกวดซูเปอร์สตาร์ 3 เดือนคุยกับใครไม่ได้อยู่แล้ว”
“เขาติดต่อทางครอบครัวหนู ไม่ได้คุยกับหนูเลย ถ้าย้อนกลับไปถึงความสัมพันธ์ ณ ตอนนั้น หนูไม่ขอย้ำชัดนะแค่คร่าวๆ ว่า หนูโตมา 21 ปี พ่อแม่สอนหนูมาหลายอย่างหนูรู้อะไรมากมาย แต่เรื่องเดียวที่หนูจะไม่รู้เลยคือคนๆหนึ่งที่เข้ามาตลอดเวลา 4 ปีที่รู้จักกัน 1ปีที่เขาเข้ามาในชีวิตเรา คนเราจะไม่ฉลาดเลยเหรอว่า เขาเข้ามาแบบไหน แบบพี่น้องหรือแบบไหน มันไม่เหมือนกัน”
“ตอนที่เขาเข้ามาในชีวิตหนูส่วนใหญ่เราก็จะคุยกัน แต่ไม่เจอกันบ่อย เจอกันแค่มีเวลาบ้าง อย่างเวลาเขามาดูบ้านเขาก็จะนึกถึงหนู นัดไปเจอกัน ตอนนี้เขามาซื้อบ้านอยู่ใกล้หนูมากแต่ยังไม่ได้อยู่ค่ะเพราะบ้านยังไม่เสร็จ หนูก็แนะนำให้เขาไปซื้อแต่ตอนนั้นหนูยังไม่ได้คิดอะไร เห็นว่ามีพี่ๆในวงการอยู่เยอะ มันมีความเป็นส่วนตัว”
ปัดเกาะกระแสอีกฝ่ายดัง ลั่นไม่คิดมองอนาคตวงการบันเทิงที่ไทยเพราะคิดว่าตนน่าจะเหมาะสมกับงานบันเทิงที่ประเทศเกาหลีมากกว่า ซัด “ฟิล์ม รัฐภูมิ” หาว่าเป็นแค่ตัวประกอบ สวนกลับแล้วตอนที่อีกฝ่ายเข้าวงการใหม่ๆ เรียกว่าอะไร
“ถามว่าเสียใจไหม ณ วันนี้ หนูจะบอกว่ามันชาไปแล้ว แล้วเรื่องที่ว่าหนูเกาะกระแสเขาดัง หนูอยากให้ตัดเรื่องนี้ไปเลย หนูไม่เคยหวังว่าหลังจากวันนี้หนูจะมีงานหรือทุกคนจะมองหนูแง่ดี หนูไม่เคยหวังงานในวงการบันเทิงในไทย เพราะหนูเคยไปร่วมงานที่เกาหลีมา แล้วก็รู้สึกว่าที่นั่นน่าจะเป็นที่ ที่หนูจะมีเส้นทางสวยงามกว่าเมืองไทย เพราะเมืองไทยพูดตรงๆ ว่านักแสดงเยอะแล้วทางไม่ได้กว้างพอสำหรับเรา หนูไม่อยากให้มีเบื้องหลังหรืออะไรที่มาทำให้เราไม่สะอาด ถ้าหนูไปที่นั่นหนูจะคลีนอัพตัวเองอยู่แล้ว ก็คิดว่าถ้าที่นี่มันยังไม่สดใสหนูอาจจะไปหลังเรียนจบปีหน้า”
“หนูไม่ได้อยากเป็นนักร้องนะ อยากเป็นนักแสดงมากกว่าอาจรับเป็นจ๊อบๆ หรืองานหนังหรือโฆษณามากกว่า ส่วนที่เขาว่าหนูเป็นแค่ตัวประกอบหนูจะบอกว่า หนูมีบทมีตัวละครเล่นนะ อย่างนี้สำหรับเขาเรียกว่าตัวประกอบเหรอ ถ้าอย่างนั้นแต่ก่อนที่เขาเข้าวงการครั้งแรกเรียกว่าอะไร แล้วการที่จะผิดจะถูกคุณเป็นลูกผู้ชายไม่ควรพูดถึงผู้หญิงแบบนั้น”
เผยผู้หญิงยุคใหม่ต้องฉลาด ไม่ใช่ยุคนางทาสที่ผู้ชายทำอะไรผิดก็ยังให้อภัย บอกไม่คิดจะทำดีอีกต่อไป
“หลังจากนี้จะมองหน้ากันติดไหม เอาเป็นว่าทุกอย่างขอให้เป็นเรื่องที่เก็บเอาไว้ในความรู้สึก สิ่งที่เป็นไปก็ยอมรับ ว่าเขาพูดอะไรมา เราต้องฉลาดต้องเป็นผู้หญิงที่ฉลาดแล้ว สมัยนี้เราจะมาเป็นผู้หญิงที่ว่า เธอจะเป็นยังไงฉันก็รัก มันไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่ยุคนางทาสแล้วที่เขาพูดไม่ดีทำไม่ดีแล้วยอมรับ พี่ๆ ก็จะรู้ว่าหนูพูดความจริงตลอด”
“หนูคิดอยากจะติดต่อหาเขานะ แต่ทุกครั้งที่คิดก็จะมีความคิดอีกอย่างว่าสิ่งที่เขาพูดทุกอย่างมันอยู่ในหูหนู ว่าหนูคิดไปเองหนูอย่างนั้นอย่างนี้หลายอย่างมากมาย แล้วทำไมหนูต้องทำดีกับคนแบบนี้ มันพอแล้วเต็มที่แล้ว ไม่อยากคุยด้วยซ้ำว่าทำไมเขาพูดแบบนี้ แต่หนูก็เข้าใจเขาส่วนหนึ่งนะ คนเราไม่มีใครปั้นน้ำเป็นตัวได้ทั้งหมดหรอก ต้องมาจากตัวเองส่วนหนึ่งด้วย ไม่มีใครบังคับให้หนูโกหกได้”
เผยจากเรื่องที่เกิดขึ้นกระทบต่อวงศ์ตระกูล แต่ไม่อยากให้นามสกุลแปดเปื้อนกับข่าวฉาว แจงที่ออกมาพูดครั้งนี้เพราะเห็นใจครอบครัว
“เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกับครอบครัวพอสมควร สำหรับตัวหนู หนูคิดว่าเราเข้มแข็งพอนิสัยเราเหมือนผู้ชาย ไม่แคร์ว่าใครจะมองอะไร แต่คนจะเข้าใจยังไงหนูว่าเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว มีเทคโนโลยีมากมายที่ทำให้คนฉลาดขึ้น หนูเชื่อว่าคนดูไม่โง่ทุกคนไม่โง่แค่พูดได้ไม่ได้เท่านั้นเอง ซึ่งที่หนูออกมาพูดครั้งนี้เพราะหนูเห็นใจครอบครัว เพราะที่บ้านก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน หนูไม่อยากให้นามสกุลหนูเขาไปแปดเปื้อนกับคำโกหก หรือบางอย่างที่ทำเพื่อธุรกิจ อยากจะให้แยกตัวหนูและวงศ์ตระกูลหนูซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน(น้ำตาคลอ)”
“หนูเกรงใจเขามากๆ เพราะพาใครคนหนึ่งมาให้เขารัก และวันหนึ่งมาทำให้ใครคนหนึ่งต้องเจ็บ เกรงใจมากไม่อยากให้พ่อแม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ (หันหลังร้องไห้) ที่เขาบอกว่าแม่หนูโทรไปหาเขา ที่จริงเขาโทรมาหาแม่หนูเอง ที่เขาพูดไปหลายอย่างมันไม่เป็นความจริง ถามว่าพ่อแม่ปลื้มเขามากหรือเปล่า ก็ไม่ถึงขนาดนั้นพ่อแม่หนูไม่ได้คลั่งดารา คำแรกที่หนูบอกฟิล์มคือคุณไม่ใช่ฟิล์มรัฐภูมินะ คุณคือผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ได้เพอร์เฟคด้วยหนูอยากจะมีตัวเลือกอยากมีคนอื่นต่อ ไม่ใช่เจอฟิล์ม รัฐภูมิแล้วจะต้องหยุดที่เขา”
แจงไม่เคยทราบมาก่อนว่าหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” แอบคบหา “แอนนี่ บรู๊ค” มาก่อน เผยเพิ่งรู้ตอนที่เป็นข่าว บอกอีกฝ่ายเคยโทรมาอธิบายให้ฟังกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้เปลี่ยนไปเพราะคำโกหก
“ตอนที่เขามีข่าวกับแอนนี่หนูก็ทราบพร้อมทุกคน รู้จากทีวีพร้อมทุกคน ซึ่งเขาก็ได้โทรมาอธิบายว่าไม่ได้หลอกนะ อย่างนั้นอย่างนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหนูก็ไม่ได้สนใจ แต่หนูแคร์ตรงที่ว่าการที่เรารู้จักกับใครสักคนที่รู้สึกดี เรามองอนาคตมันไกล พอเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วเราไม่รู้อะไรต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าผลเป็นลบแล้วอนาคตหนูจะเป็นยังไงต้องเป็นลบเหมือนกันเหรอเพราะหนูรู้เป้าหมายชีวิตคือการไปเกาหลี”
“หนูยืนด้วยตัวหนูเองได้ ถามว่าเข็ดไหมหนูไม่ค่อยมีความรู้สึกเรื่องความรัก เป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจเพราะหนูทุ่มไปกับงาน หนูอยู่คนเดียวได้ ถ้าหนูยังไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่อยากเอาอะไรมาพ่วง วันนี้อยากถึงเขาขอบคุณทุกอย่างที่ทำอะไรดีๆ ให้ เคยทำให้รู้สึกดีหนูยังเหมือนเดิม ยังเป็นคนเดิมที่เขารู้จักแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทุกอย่างที่เขาพูด หนูยังเชื่อประชาชน สื่อมวลชนเหมือนเดิมว่าทุกคนไม่โง่ หนูเชื่ออะไรเป็นความจริงไม่เป็นความจริง”