“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ลั่นดังได้เพราะ “พจน์ อานนท์” และ “เฮียฮ้อ” ปั้นเท่านั้น และไม่รับคำท้าของ “สมยศ ศรีสมบรูณ์” ที่ให้สาบานต่อหน้าวัดพระแก้ว บอกทำไปก็ไม่รู้จะได้อะไรขึ้นมา ส่วนที่ “ยูมิน”ควักอีเมล์รักมาแฉนั้น เจ้าตัวบอกเคยยอมรับไปแล้วว่าคบหากันจริงแต่พออีกฝ่ายร้องไห้ต่อหน้าสื่อ ทำให้คำพูดของตนไม่มีความหมาย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้คนสนิทโทร.ไปเตือนฝ่ายหญิงว่าอย่าพูดเยอะ เพราะทางอาร์เอส กำลังจะฟ้องร้อง บอกสิ่งที่ได้ทำไปเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว
ยังคงเป็นประเด็นให้ติดตามอยู่อย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีของนักร้องนักแสดงหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” และคู่กรณีอย่าง “สมยศ ศรีสมบูรณ์” ผู้ที่อ้างว่าเป็นคนที่ชักนำหนุ่มฟิล์มเข้าวงการเป็นคนแรกและสาว “ยูมิน ทวิกานต์ กุลชล” ผู้เข้าประกวดเวทีทีนซุปเปอร์สตาร์ ที่ออกมาแฉความสัมพันธ์แบบหมดเปลือก เจอศึกหนักรอบด้านอย่างนี้ทำเอาหนุ่มฟิล์มถึงกับสะอึก อีกทั้งเมื่อหลายวันก่อนสมยศ ยังได้แถลงข่าวซัดฟิล์ม พร้อมท้าให้ไปสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าสิ่งที่นักร้องหนุ่มกล่าวมาไม่ได้โกหก
ทั้งนี้เมื่อวันที่26 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เจอฟิล์มที่เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้าที่บริเวณเขตเลือกตั้งที่ 18 เขตห้วยขวาง นักร้องหนุ่มจึงได้เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า
“เรื่องนี้ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วนะครับ ว่ากว่าจะมาเป็นฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เกิดจากอะไร คือพี่พจน์แล้วก็เฮียฮ้อเท่านั้นนะครับ แล้วก็เรื่องอื่นๆ ผมพูดไปก็เท่านั้น ส่วนเรื่องท้าสาบาน ผมไม่ลงดีเทลดีกว่า เพราะไม่รู้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ตลอด10ปีทุกคนก็เห็นฟิล์ม มาตั้งแต่เด็กๆนะครับ ถึงวันนี้ทุกคนก็รู้ดีว่าผมเกิดมายังไงและมาแบบไหน ทุกคนรู้ดีครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูด คือความถูกต้องและเป็นความจริง ที่ทุกคนรู้อยู่แล้วนะครับ ประวัติผมก็มีตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ นะครับ ผมไม่เคยลืมบุญคุณคน ถ้าเกิดผมเป็นแบบนั้นก็คงไม่มีวันนี้หรอกครับ”
เผยเรื่องที่ “ยูมิน ทวิกานต์ กุลชล”งัด อีเมล์ข้อความของตนที่ส่งบอกรักเอามาแฉ ในรายการ บอกเล่าเก้าสิบ นั้น ทั้งนี้เจ้าตัวแจงว่าตนได้เคยยอมรับไปแล้วว่าเคยคบหากันจริง แต่พอทุกคนเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้ คำพูดที่ตนพูดไปคงไม่มีความหมาย เลยไม่ขอตอบโต้ดีกว่า
“เรื่องของปลาย ผมก็ได้พูดไปแล้วตั้งแต่ตอนแรกๆ ว่าอะไรคืออะไร ผมเป็นคนออกมาพูดก่อนด้วยซ้ำ ว่าผมเคยมองกันอยู่ในช่วงแรกๆ แล้วก็พอผ่านมาสักระยะหนึ่งผมเห็นว่าผมก็มีข่าวเยอะเหลือเกิน ชีวิตยังไม่ค่อยนิ่ง แล้วก็คิดว่าการเป็นพี่น้องน่าจะดีที่สุด พอน้องเขาออกมาร้องไห้ที่ทุกคนเห็นกัน ผมก็รู้สึกว่าคำพูดของผมที่พูดออกไปมันกลับ กลายเป็นไม่มีความหมายซะอย่างนั้น ผมก็เลยคิดว่า ณ วันนี้ผมไม่น่าจะพูดอะไรดีกว่า”
“ที่ผมทำแบบนี้คนอื่นอาจมองว่าผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมว่าการที่ผมทำแบบนี้ ผมคือลูกผู้ชายครับ เรื่องอีเมล ตามที่ผมได้ชี้แจงไปนานแล้วว่า เราเคยมองๆ กันอยู่ในช่วงนึง ส่วนเรื่องมีผู้ใหญ่ที่บริษัทโทร.ไปบอกว่าจะฟ้อง ไม่มีหรอกครับ ไม่น่าจะมีใครโทร. หาเขาว่าจะฟ้องนะครับ ในส่วนตัวผมไม่สามารถตัดสินใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับทางบริษัทเท่านั้นครับ ส่วนเฮียฮ้อผมก็ยังไม่ได้เข้าไปคุย คิวงานผมแน่นมากอยู่แล้ว แต่ผมว่าเฮียก็ยังคงพูดเหมือนเดิมทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด ถามว่าเหนื่อยมั้ยมีข่าวเยอะ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวผมนะครับ ถือว่ายังมีคนที่สนใจเราอยู่ รักและคอยติดตามข่าวเราอยู่ ถ้าเกิดว่าไม่มีถือว่าแปลก ผมเป็นคนที่มองเป็นบวกตลอด ทุกอย่างรอคำชี้แจงจากผมเสมอ”