“โก้ ธีรศักดิ์” แจ้นขึ้นโรงพัก แจ้งจับ “สีดา” เบี้ยวหนี้กว่า 5.5 แสน เผย คู่กรณีอ้างจะไปทำละครกับ “เจเอสแอล” แจง ที่หลงเชื่อเพราะมีการแคสติ้งที่เจเอสแอลจริงๆ เจ้าตัวถึงกับช็อก หลังทราบความจริงว่าโปรเจ็กต์ล่มไปตั้งนานแล้ว บอก ข้องใจคู่กรณีไปเกี่ยวข้องกับเจเอสแอลได้อย่างไร วอนให้นำเงินมาคืนแล้วทุกอย่างจบ แฉมีเหยื่อโดนโกงมากกว่า 10 ราย
ถึงกับต้องวิ่งแจ้นขึ้นแจ้งความที่สน.หัวหมาก เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำหรับอดีตดาราหนุ่ม “โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” ที่มาพร้อมกับอดีตนักร้องสาว “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ที่มาเป็นพยาน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พลกฤต ธรรมสาส์น พนักงานสอบสวน(สบ 2) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “นางสีดา พัวพิมล” แม่ของอดีตดาราผู้ล่วงลับ “อ๊อฟ อภิชาต พัวพิมล” ฐานเบี้ยวหนี้ ที่นางสีดาอ้างว่าจะยืมไปทำละครเรื่องแม่นาคพระโขนง กับ บริษัทเจเอสแอล เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เป็นจำนวนเงินกว่า 550,000 บาท ซึ่ง “โก้” เผยว่าที่ให้ยืมเงินเป็นจำนวนมาก ก็เพราะเห็นว่าเป็นแม่ของเพื่อน แถมเป็นดารารุ่นพี่ในวงการตนจึงเชื่อใจ ที่สำคัญคู่กรณีพานักแสดงไปแคสติ้งที่ “เจเอสแอล” จริงๆ จึงไม่เอะใจว่าจะโดนหลอก
“เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณปีที่แล้ว วันที่ 10 กันยายน 2553 เป็นวันที่คุณสีดา พัวพิมลได้ไปที่บ้านของผม แล้วก็มีการขอยืมเงิน และมีการทำเป็นสัญญาขอกู้ยืมไว้ด้วย เพื่อเป็นการการันตี และมีกำหนดที่จะใช้ก็คือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ก็คือประมาณ 2 เดือน คุณแม่เขาก็ใช้เหตุผลในการขอยืมว่าจะนำไปทำละคร เพราะจะเป็นผู้จัดละครแต่เงินหมุนเวียนไม่เพียงพอ ก็เลยอยากจะให้เราช่วยหน่อย ก็เลยมีการให้ผมชวนคุณนุ๊ก สุทธิดามาดูตัว เพราะว่าอยากจะให้คุณนุ๊กเล่นละครเรื่องนี้ด้วย ละครเรื่องนั้นก็คือแม่นาคพระโขนง ก็เลยชวนมาเจอ เขาก็เลยได้คุยกับคุณนุ๊ก”
“ซึ่งตอนให้ก็ได้ทยอยให้ เงินจำนวน 2.5 แสน เป็นจำนวน 2 ครั้ง ก็เป็นเงินสด 5 แสน รวมกับของเก่าอีก 5 หมื่นก็เป็น 5.5 แสนบาท ก็คือครั้งแรกสัญญาเงินกู้วันที่ 10 กันยายนคือ 5 หมื่นบาท พอวันที่ 14 กันยายนก็มาเอาไปอีก 2.5 แสน อีกครั้งนึงก็มาเอาวันที่ 1 ตุลาคมอีก 2.5 แสน ก็เลยเป็น 5.5 แสน พอถึงวันที่ 10 เราก็เห็นว่าเป็นคุณแม่ของเพื่อน เพราะตัวผมเองก็เป็นเพื่อนของอ๊อฟ อภิชาติที่เสียไปแล้ว รู้จักกันมาเกือบจะ 20 ปีแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ ขนาดนี้ ก็ให้ไปด้วยความสงสาร และเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ร่วมวงการกัน”
“คือบางคนก็ถามว่าไปให้เงินเขาได้ยังไงตั้ง 5 แสนกว่า ก็ด้วยความที่เขาบอกว่ามีการสร้างละครจริง และวันที่ 14 คือวันที่ผมให้เงินก้อนใหญ่ไปครั้งแรก ก่อนนั้นคือวันที่ 13 กันยายน เขาก็ได้มีการชักชวนให้ไปที่เจเอสแอล ลาดพร้าวซอย 107 แล้วก็ให้ผมชวนคุณนุ๊กไปด้วย เพื่อไปแคสติ้ง ทีนี้เราก็ได้ชวนศิลปินดาราคนอื่นไปด้วย ก็จะมีคุณปั้นจั่น(วงไนซ์ ทู มีท ยู) ก็มีการไปแคสเรื่องแม่นาคพระโขนง(โชว์รูปที่ไปแคสติ้งให้ดู) นี่ก็คือหลักฐานเบื้องต้นว่าไปถ่ายจริงๆ และเราก็ได้ไปที่เจเอสแอลจริงๆ”
“วันที่ไป วันนั้นก็มีการแคส มีทีมงานให้เห็น ดังนั้นเราก็เลยปักใจและมั่นใจว่ามันน่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะวันที่ไปแคสก็มีผู้บริหารระดับสูงของเจเอสแอลลงมาทำการแคสติ้งด้วย เราก็ไม่ได้คิดเลย มันก็เลยเป็นสาเหตุว่าถ้าเราช่วยได้และเรามั่นใจในระดับหนึ่ง ก็เลยถึงยินดีที่จะมอบเงินให้อีก 5 แสน”
“พอถึงเดือนพฤศจิกายนเราก็ทวงถามว่าเงินก้อนแรกที่บอกจะคืน แล้วเรื่องละครที่จะเปิดกล้อง เขาก็บอกว่าเลื่อนไปก่อนเป็นเดือนธันวาคม พอธันวาคมก็บอกว่าไม่ทัน เลื่อนไปเป็นกุมภาพันธ์ปีหน้าก็คือปีนี้ แล้วก็บอกว่าเลื่อนไปเป็นมีนาคมอีก เราก็โทรตามเรื่อยๆ เลยครับ โทรตามจนถึงช่วงมีนาคม ลักษณะก็คือเบอร์มือถือมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ตามตัวไม่ได้ ดังนั้นเราก็รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ จนช่วงวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งผมทำธุรกิจหลายอย่าง แล้วก็มีช่วงเวลาว่างหนึ่งอาทิตย์ก็เลยตัดสินใจว่าช่วงนี้จะเดินสายไปตามโรงพักต่างๆ แล้วกัน คือไปเคลียร์หลายคดี เพราะว่าตัวผมเองก็มีเช็คเด้งบ้าง ลูกค้าจ่ายเช็คเด้งบ้าง”
“พอดีอาทิตย์นี้มันเป็นอาทิตย์สุดท้ายก็เลยให้ทนายทำเรื่องราวให้มันเสร็จๆ ไปซะ ก็เลยรวมไปถึงเคสนี้ด้วย ในเมื่อเรามีการตรวจสอบ ก็เลยอยากจะรู้ข้อเท็จจริงว่าตกลงเราถูกหลอกสมบูรณ์แบบแล้วหรือยัง ถ้าเกิดสมบูรณ์แบบแล้ว เราจะได้รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ก็เลยตัดสินใจโทรไปที่เจเอสแอลเลย เพราะครั้งแรกที่เราไม่ได้คุยกับทางเจเอสแอลก็เหมือนกับ ถ้าเราโทรไปถามทางเจเอสแอลว่าผู้จัดคนนี้มายืมเงินเรา ก็เหมือนกับเราไปฉีกหน้าผู้จัดที่ชวนเราไปที่เจเอสแอล เราก็เลยไม่ได้เอะใจแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร”
“แล้วทางเจเอสแอลก็บอกว่าโครงการนี้เขาพักไว้ก่อน ไม่ได้มีการทำหรือจะไปถ่ายที่ไหนอย่างไร แล้ววันนั้นก็คือมีการมาแคสแค่วันเดียว แล้วก็หายกันไป แล้วทางที่จะเป็นคนทำเรื่องนี้ต้องเป็นคนของเจเอสแอลเป็นคนทำ เราก็เลยคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตรงนี้ก็ต้องไปถามทางเจเอสแอลว่าทำไมวันนั้นคุณสีดาถึงไปปรากฏตัวตรงนั้นด้วย ก็เลยทำให้เราเชื่อว่าคุณแม่สีดาเป็นผู้จัดละครเรื่องนี้”
บอก ไม่ได้ตั้งใจจะแจ้งความดำเนินคดีรุนแรง แค่ให้ออกมายอมรับผิดและคืนเงินให้หมด และบอกยังมีดาราอีกหลายคนที่โดนยืมเงินไปด้วย
“ที่มาวันนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาแจ้งความหรือฟ้องร้องอะไร เพราะตัวผมได้ปรึกษากับทนายแล้ว ทนายเขาบอกว่าในเมื่อมันมีสัญญาต่างๆ ตามกฎหมายถ้าเรารู้ว่าเราถูกหลอกปุ๊บ สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องมาลงบันทึกประจำวันและแจ้งไว้ก่อน แต่ถ้าเราไม่แจ้งไว้เลยแล้วเราปล่อยเลยผ่านไป มันก็จะกลายเป็นว่าการสมยอมไปว่าเรารับทราบโดยดุษฎีว่าทุกอย่างมันได้ผ่านเลยไป ดังนั้นวันนี้ก็เลยเป็นที่มาว่าเป็นอีกหนึ่งสถานีที่ต้องมาขึ้น หลังจากสองวันที่แล้วไปสน.วังทองหลาง อันนั้นก็ไปแจ้งอีกคดีนึง ก็เลยต้องมาทำหน้าที่ของเรา รักษาสิทธิในฐานะที่เราก็เป็นประชาชนคนไทยคนนึง เวลาที่เราถูกรังแกหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ แล้วก็ต้องพึ่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็คือตำรวจหรือกระบวนการของความยุติธรรมเท่านั้นเองครับ”
“ส่วนดาราคนอื่นๆ ที่โดน ก็คือพอมีข่าวว่าผมมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ก็เริ่มมีทางศิลปินดาราโทรมากันเรื่อยๆ อย่างคนที่เอ่ยชื่อได้และโทรมาเมื่อเช้าก็คือน้อง ษา วรรณษา ทองวิเศษ และบอกว่าโดนไป 2.5 หมื่น เขาก็โดนยืมเงินและมีการให้กันวิธีไหนผมไม่ทราบ และหลังจากนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้ามาด้วย ถ้าจริงๆ ที่รู้มาผมว่าน่าจะมากกว่า 10 คน รวมไปถึงตอนช่วงต้นปีคือคุณนุ๊กก็เริ่มตะหงิดๆ เพราะเขาก็โดนเหมือนกัน”
“จริงๆ ถามว่าสนิทกันแค่ไหน คือเราก็รู้จักกันมานานนะครับ แต่ก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเจอกันบ่อย เพราะตัวผมเองจะสนิทกับคุณอ๊อฟมากกว่า รู้จักว่าเป็นคุณแม่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะอย่างแรกเลยก็คือคุณแม่สีดาก็เป็นคนที่อยู่ในวงการมานาน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แล้วก็คงไม่ทำอะไรอย่างนั้นก็เลยไม่ได้คิดอะไร แล้วประกอบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่บอกว่าเราได้ไปเจอทางเจเอสแอลมันก็เลยทำให้เรามั่นใจว่าคงเป็นธรรมดาคนเราทำธุรกิจก็อาจจะต้องใช้เงินหมุนเวียน อาจจะต้องพร่องไปบ้าง สุดท้ายมันก็ต้องแก้ไขด้วยการยืม การกู้หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“แต่พอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ก็งงว่าทำไมคุณแม่เขาถึงทำอย่างนี้ และเลือกวิธีการหนีปัญหา ทิ้งไปเลย หายไปเลย หรือบอกปัดไปเรื่อยๆ ก็ยอมรับว่าเสียความรู้สึกนะครับ พอตัวเองมาโดนอย่างนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ยินข่าวของคนอื่นๆ ที่เริ่มทยอยเข้ามา ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเกิดว่าเราเป็นตัวแทนคนหนึ่งที่มาโดนกระทำเป็นคนสุดท้ายก็ดีเหมือนกัน คืออย่างน้อยก็ให้คนรู้ไปเลยว่าถ้าเกิดโดนอย่างนี้แล้วไม่ได้เงินคืน บางคนอาจจะแค่เงิน 5 พันของเขาอาจจะเยอะก็ได้ ไม่ต้องถึง 5 แสนหรอก แต่มันสามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาได้ ถ้าเกิดอาศัยวิธีการทำอย่างนี้กับทุกคน มันก็ทำให้วงการเราเสียบรรยากาศไปแล้ว”
“ผมก็รู้สึกว่าอยากจะเสียสละ คืออย่างน้อยก็ให้เป็นวิทยาทานกับเคสอื่นๆ ครับ จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีอะไรผูกใจเจ็บหรือมีอะไรโกรธแค้นกับคุณแม่สีดามาก่อนนะครับ ก็ถ้าเกิดว่าคุณแม่สีดายินยอมเอาเงินมาชดใช้ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แล้วก็จบกัน ถ้าเจอกันผมก็ยังทักทายสวัสดี แล้วก็เคารพคุณแม่สีดาอยู่เสมอนะครับ คือไม่ได้มีอะไร แต่วันนี้ที่มาก็เพราะมันเป็นสิทธิที่เราพึงจะได้ และเราก็มาเรียกร้องสิทธินั้นเท่านั้นเอง เพราะติดต่อไม่ได้นานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ส่วนบ้านของเขา ผมเองเคยไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และก็จำไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน ประกอบกับตัวเองทำรายการทีวีก็ 4 รายการ เป็นดีเจวิทยุอีก ธุรกิจตัวเองอีก บางทีก็ลืม ไม่ได้มานั่งเช็คเลย คือไม่ได้คิดอะไรเลย คิดว่าอย่างน้อยก็คงไม่ได้หลอกลวงอะไร”
ด้านสาว “นุ๊ก” ก็เคยเกือบหลงเชื่อให้เงินไปเหมือนกัน แต่มานึกเอะใจกับกรณีที่เกิดกับ “โก้ ธีรศักดิ์” จึงไม่ได้เสียเงินให้ไป
“วันที่ไปแคสไม่มีอะไรผิดปกติเลยค่ะ หลังจากวันไปแคสก็มีการนัดไปรับบทกัน ก็ยังได้บทมาตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนนั้นก็ยังสงสัยอยู่เพราะว่าได้บทเป็นน้องสาวของนางเอก แต่เราก็พยายามไม่คิดอะไร ก็ด้วยความงงๆ เล็กน้อย แต่ก็เห็นว่าทุกอย่างมันเป็นจริง มีการคุยกันก่อนที่จะไปแคสติ้ง แล้วก็มีการพบปะพูดคุยกันจริงๆ มีนักแสดงจากค่ายใหญ่ๆ มา เราก็เลยไม่ได้เอะใจอะไรตรงนั้น วันรับบทเราก็ไปรับปกติ”
“ของนุ๊กตอนแรกเขาโทรมาค่ะ คือระหว่างที่จะเปิดกล้องก็เลื่อนไปเรื่อยๆ สุดท้ายจนบอกว่าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนหน้านั้นก็มีชวนเล่นแชร์(หัวเราะ) นุ๊กก็ปัดไปบอกว่าถามคุณโก้ดีกว่า ถ้าคุณโก้เล่นก็เล่น คุณโก้ก็เริ่มพูดกับนุ๊กว่ามันดูแปลกๆ แล้วนะ เพราะเขาผิดสัญญามาโดยตลอด เราก็รับทราบตรงนั้นเพราะระหว่างที่เขาเข้ามายืมเงินมันเป็นช่วงเวลาที่นุ๊กอยู่กับคุณโก้พอดีทั้งสองครั้งน่ะค่ะ เราก็ได้เห็นเกือบทุกอย่าง”
“แล้วพอหลังจากชวนเล่นแชร์ ก็จะชวนเข้าหุ้นทำละครนี่แหละค่ะ แล้วก็มีการขอยืมอะไรต่างๆ นานา แล้วพอเราทราบจากเพื่อนว่าอันนี้ไม่น่าจะเป็นจริงแน่นอน นุ๊กก็พยายามบอกปัดไป แล้วไม่ใช่แค่นุ๊กคนเดียวนะคะ เพื่อนในกลุ่มคุณโก้ก็ทยอยโดนกัน แต่ของนุ๊กไม่ได้โดน เพราะพอเราคุยกับคุณโก้ก็รู้ว่ามันน่าเชื่อถือ เลยไม่ได้ให้ไป”