ขณะที่คู่ของ “อั้ม - พัชราภา” กับ “โน้ต - วิเศษ” รักสะบั้นอย่างเป็นทางการ ... คู่ของ “ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต” กับ “น็อต - วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” กลับสวีตหวานมากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่ายิ่งความสนิทสนมในครั้งนี้มาพร้อมกับที่นางเอกสาวประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับบท “เรยา” ในดอกส้มสีทอง อะไรต่อมิอะไรในช่วงนี้จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ ในงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ “เรเซอร์” นี้ถือเป็นการประกาศอย่างเปิดเผยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะคบหาที่ผ่านมา
“ชมพู่ - น็อต” หวาน เงียบ แต่ชัวร์
แม้ฝ่ายชายจะออกตัวว่าไม่ได้เป็นการเปิดตัวว่าที่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลรังษีสิงห์พิพัฒน์ แต่ที่เขากับ ”ชมพู่” แฟนสาวต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อร่วมกันในครั้งนี้ก็เพราะนางเอกสาวคนสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกให้แก่แบรนด์เรเซอร์ที่เขานั่งแท่นผู้บริหารนั่นเอง
“น็อต” ยังบอกด้วยท่าทีเขินอายว่าเขาไม่ได้เป็นคน “ล็อกสเปก” แต่หลังจากการประชุมเฟ้นหาตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์เรเซอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยคนจำนวนมากก็ลงความเห็นว่านาทีนี้คงจะไม่มีใครฮอตเท่ากับชมพู่เจ้าของบทบาทเรยาในละครดอกส้มสีทองที่เพิ่งอวสานไป
จึงเป็นที่มาของบทสรุปที่ทำให้เราได้เห็น ”น็อต” ควง ”ชมพู่” ออกสื่ออย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่ของน้องชาย “โน้ต วิเศษ” กับนางเอกสาว “อั้ม - พัชราภา” ที่ฮอตไม่แพ้ชมพู่แล้วละก็ ต้องยอมรับว่าข่าวคราวความสัมพันธ์ระหว่าง ”น็อต” กับ ”ชมพู่” นันเป็นไปอย่างเงียบๆ !!
ตลอดระยะเวลาสามปีที่คบหากัน น็อตกับชมพู่ประคับประคองความสัมพันธ์ที่มีไว้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากฝ่ายชายเริ่มรู้จักชมพู่จากการแนะนำของเพื่อนของเพื่อน ทำให้โลกทัศน์ของคนที่วันๆ ขลุกอยู่แต่เรื่องบริหารและฟุตบอลเปิดออกสู่แวดวงบันเทิงมากขึ้น แม้เริ่มแรกเขาจะยอมรับว่าคุ้นหูกับชื่อ “ชมพู่ - อารยา” แต่ให้นึกหน้าก็นึกไม่ออก
ความสวย ความน่ารักของนางเอกสาวโดนใจน็อตอย่างจัง นำไปสู่กระบวนการจีบที่ฝ่ายชายใช้คำว่า “น้ำซึมบ่อทราย” ค่อยๆ เท ค่อยๆ รดแบบไม่ผลีผลาม สุขุมนุ่มลึกตามบุคลิกส่วนตัวและขวบวัย ดูแลเป็นห่วงเทกแคร์จนนางเอกสาวใจอ่อน มารู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักนักธุรกิจหน้าตี๋วัย 35 ปีคนนี้เข้าให้แล้ว
ตลอดเวลาที่คบหาน็อตยังคงเสมอต้นเสมอปลาย เขาจะมีวิธีการเทกแคร์ดูแลในแบบฉบับของเขาเอง โดยจะให้ความสำคัญต่อเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารการกินเป็นอันดับต้นๆ เพราะที่บ้านของเขาเป็นครอบครัวชาวจีนซึ่งให้ความสำคัญต่อเรื่องอาหารเป็นพิเศษ น็อตจึงไม่ต้องการให้แฟนสาวอดข้าวหรือรับประทานอาหารผิดเวลามากนัก
ส่งข้าว - ส่งน้ำเพื่อสุขภาพ
ดังนั้น สิ่งที่น็อตจะทำในแต่ละวันก็คือการให้เมสเซนเจอร์คอยส่งข้าวส่งน้ำ บางวันก็ซื้อโจ๊กฝากไปให้ชมพู่ได้กินยามตื่นนอน ทำเช่นนี้สม่ำเสมอไม่เคยขาด ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ เพราะชมพู่เป็นนางเอกคิวทองที่สุดคนหนึ่งของวงการ ถ้าวันใดที่น็อตโทรศัพท์ชวนแฟนสาวออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านแล้วเธอปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าต้องอ่านบทเพื่อเตรียมทำงานในวันถัดไป หนุ่มน็อตก็เข้าใจได้โดยง่าย นอกจากจะไม่ดื้อรั้นหรือโกรธงอนแล้ว น็อตยังรู้สึกชื่นชมที่ชมพู่รู้จักรับผิดชอบ ถึงขนาดที่เขายอมรับด้วยเสียงหนักแน่นว่าชมพู่เป็น “นักแสดงที่ดีมากๆ คนหนึ่งของวงการบันเทิงไทย”
และมาดนิ่งๆ ของน็อตนี่เองที่ทำให้ไม่ปรากฏข่าวคราวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชมพู่มากนักทั้งๆ ที่ทุกคนรู้ดีว่าสี่ห้องหัวใจของชมพู่มีหนุ่มนักธุรกิจคนนี้จับจองมานานหลายปีแล้วก็ตามเห็นมาดนิ่งๆ พูดน้อยๆ ของน็อตอาจทำให้คิดว่าพี่ชายของโน้ตคนนี้คงจะไม่เจ้าชู้เหมือนน้อง แต่คนวงในต่างรู้ดีว่าพี่น้องคู่นี้เชื้อไม่ทิ้งแถว ดีกรีความเจ้าชู้น่ะไม่ห่างกันมาก เพียงแต่วิธีการแสดงออกต่างหากที่ผิดกันไกล น็อตมีความสุขุมเยือกเย็นและนิ่งเงียบ สื่อสารออกไปแบบเน้นคุณภาพไม่หนักปริมาณ บุคลิกเช่นนี้ทำให้น็อตไม่มีปัญหาในด้านความสัมพันธ์กับชมพู่ เพราะฝ่ายหญิงรู้ดีว่าความเจ้าชู้เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่อย่างไรก็ขอให้ฝ่ายชายเทิดเธอไว้ในฐานะคนสำคัญที่สุด ก็พอ เธอยืนยันว่าถึงในละครจะรับบทเป็นเรยา แต่ในชีวิตจริงเธอประพฤติตัวเป็นคุณดี๋ที่นิ่งเงียบ ไม่โวยวายกระโตกกระตากเมื่อจับได้ว่าแฟนแอบมีกิ๊ก
เห็นได้ชัดว่าการวางตัวและการแสดงออกของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงคือความแตกต่างที่เห็นชัดเจนของคู่ “ชมพู่ - น็อต” กับ “อั้ม - โน้ต”
เรียกได้ว่าถึงจะมีกุ๊กกิ๊กสาวอื่นพอให้กระชุ่มกระชวยบ้าง แต่ในชีวิตจริงน็อตยกให้ชมพู่เป็นหญิงเดียวในดวงใจ ยกย่องเทิดทูนไม่ต่างอะไรจากภรรยา เขาพานางเอกสาวเข้าบ้านไปกราบคุณพ่อคุณแม่มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทางบ้านของน็อตก็ไฟเขียวให้ทั้งสองคบกัน มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากชม ”ชมพู่” ว่าเป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ นิสัยดี ไม่เกเร และขยันทำมาหากินอีกต่างหาก ถือว่าชมพู่ผ่านด่านบ้านฝ่ายชายมาได้แบบไร้ข้อกังขาจริงๆ
ส่วนหนุ่มน็อตเองก็เอ่ยปากยกย่องชมเชยแฟนสาวให้ใครต่อใครได้ฟังตลอด “ชมเป็นคนละเอียดอ่อน เขาจะคอยช่วยคิด ช่วยแนะนำ ให้ความเห็น ผมว่าเขาเป็นคนฉลาด มีวิสัยทัศน์ คิดเรื่องการลงทุน มีหัวทางธุรกิจ ชมเป็นคนที่ทำทุกวันให้ดีขึ้นตลอดเวลา” เขาให้สัมภาษณ์ไว้นิตยสาร Who ? ฉบับล่าสุด
เรียกว่าอนาคตของคนทั้งคู่สดใสทีเดียว เพราะถึงแม้จะไม่ได้ขยันสร้างข่าวเรื่องความสัมพันธ์แบบรายวัน แต่ฝ่ายชายก็มองการณ์ไกลวางรากฐานครอบครัวระหว่างเขากับชมพู่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ยังไม่แต่ง แต่วางแผนถึงเรื่องลูกแล้ว
น็อตบอกว่าเขาอยากมีลูก 4 คน โดยแบ่งเป็นลูกผู้ชาย 3 คน และลูกผู้หญิง 1 คน ลูกผู้ชายคนหนึ่งไปดูธุรกิจอาหารญี่ปุ่นของเขาที่ประเทศออสเตรเลีย ลูกผู้ชายคนที่สองดูธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประเทศไทย ลูกชายคนที่สามให้ไปเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ เพราะว่าน็อตมีความคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก ส่วนลูกผู้หญิงนั้นให้ดูเรื่องธุรกิจความสวยความงามกับคุณแม่ชมพู่
เมื่อเริ่มต้นชีวิตครอบครัว น็อตต้องการให้ชมพู่วางมือจากงานแสดงหันมาทำธุรกิจที่เธอรักอย่างการขยายธุรกิจกระเป๋าแบรนด์ Araya และธุรกิจนำเข้าตุ๊กตาบลายธ์ขาอยากให้ชมพู่ให้ความสำคัญแก่เรื่องสุขภาพ เพราะที่ผ่านมาการเป็นนักแสดงต้องนอนดึกและกินไม่เป็นเวลา และชีวิตนักแสดงเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว น็อตบอกว่าสำหรับเขาครอบครัวต้องมาก่อน
จินตภาพเกี่ยวกับครอบครัวของน็อตเป็นสิ่งที่เจ้าตัวบอกว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “ไม่น่าจะเกินสองปีนับจากนี้” นั่นคือถ้อยคำที่น็อตกล่าวไว้ สำหรับช่วงนี้ทั้งคู่ก็ค่อยๆ ปูทางไปสู่ชีวิตครอบครัวที่วางแนวไว้ถึงเวลานี้ฝ่ายชายคุมธุรกิจด้วยพลังคนหนุ่มที่มีทั้งความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ ส่วนฝ่ายหญิงก็เดินหน้าสู่ความรุ่งเรืองในฐานะนางเอกสุดฮอตของเมืองไทย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลรังษีสิงห์พิพัฒน์ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะ ชมพู่จ๋า
..................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 86 วันที่ 28 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554