xs
xsm
sm
md
lg

จากใจ “กำปั้น บาซู” กับภาพ “ผู้ชายขายตัว” ที่สลัดไม่ออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครไม่รู้จักนักร้องแดนซ์กรุ๊ปทรงพลังอย่างวง “บาซู” แต่ที่ยังวนเวียนให้เราได้เห็นอยู่คงจะเป็นหนุ่มร่างกำยำมัดใจสาว “กำปั้น เอกประพันธ์ พาณิชย์พงส์” ที่วันนี้ผู้ชายคนนี้ได้กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อแดนซ์ขวัญใจสาวๆ แม้ที่ผ่านมาจะมีกระแสข่าวฉาว และต้องเจอกับมรสุมชีวิตต่างๆ นานา แต่เขาก็พาตัวเองผ่านพ้นมันมาได้
 
หลังจากหายหน้าไปจากวงการบันเทิง 5 ปี วันนี้เขาได้พาตัวเองกลับมาเพื่อพิสูจน์ว่าเขายังไม่ตกยุค และพร้อมทำงานเพลงแนวใหม่ๆ มาให้แฟนๆ ที่ยังรักและคิดถึงวง “บาซู” ได้ฟังกัน วันนี้เขาพร้อมที่จะเปิดหมดเปลือกเรื่องราวชีวิต หลังจากฟันฝ่ามรสุมที่เรียกได้ว่าทำชีวิตเขาพลิกผันไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืน

ข่าวฉาวทำชีวิตพลิก จนต้องพาตัวเองหลบไปพักใจที่เมืองนอก

“ช่วงนั้นที่เรายุบวงบาซูสาเหตุเป็นเพราะเด็บบี้ต้องกลับไปเรียนต่อเมืองนอก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว อัลบั้มใหม่ของเราช่วงนั้นก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นเฮียฮ้อก็เลยเสนอให้ผมทำโปรเจ็กต์แดนซ์อามี่ต่อ โดยเอาโปรเจ็กต์เก่ามาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแดนซ์อามี่ไป ตอนนั้นงานก็เริ่มที่จะมีเข้ามาเรื่อยๆ ผู้ใหญ่ก็เริ่มป้อนงานอื่นให้ แต่พอมีปัญหาข่าวต่างๆ เข้ามา ผู้ใหญ่ที่เขาไม่รู้จักเรา เขาก็อาจจะมองภาพเราไม่ดีไปตามข่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข่าวที่หาว่าเราไปติดหนี้การพนันจนหมดตัว ตกอับต้องไปขายตัว ติดคุก ติดยาบ้าง เรียกว่าข่าวอะไรที่เป็นแง่ลบมาหมด เขาก็คงไม่เอาเราไปเสี่ยงกับการทำงานของเขา”

“ข่าวพวกนี้เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่พลิกชีวิตผมเลย ผมเชื่อแล้วว่าคนเรามีจังหวะขึ้นลงจริงๆ วันดีคืนดีผมตื่นขึ้นมาแล้วเป็นข่าวหน้าหนึ่ง แถมยังเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพียงแค่เรื่องเกิดจากที่พี่โจอี้(บาซู)ไปคุยเล่นกับพี่นักข่าวในวงเหล้า แล้วก็เอาไปเขียนข่าวต่อ ซึ่งเป็นการนั่งเทียนเขียนเพื่อจะเพิ่มยอดขายข่าว จากนั้นเราก็ฟ้องเขา เขาก็เพียงแค่เขียนแก้ข่าวให้ แต่คนที่เขาเชื่อเขาก็เชื่อว่าเราเป็นอย่างนั้นไปแล้ว ข่าวบางเล่มผมยังเก็บไว้อยู่เลยนะ แบบว่ามันเจ็บใจ ก็ต้องทำใจนี่คือเมืองไทย เราไปฟ้องอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เลือกมองได้แต่เพียงทำใจนี่มันช่วงขาลงของเรา ซึ่งมันก็ทำให้เรามีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นในวันนี้”

“ผลกระทบมันก็ตามมาหลายอย่าง อย่างข่าวที่ว่าเราติดหนี้พนันบอล คนรอบข้างเขาก็คิดว่าเราไม่มีเงิน มันก็จะมีพวกเสี่ยพวกอะไรต่างๆ โทรมาหาอยากจะช่วยเหลือเรา ตอนนั้นผมเหมือนคนโรคจิต หลอนไปหมดเลย พยายามบอกเขาว่าผมไม่ได้ทำ ไม่เอาเขาก็ไม่เชื่อ สภาพจิตใจตอนนั้นก็แย่มากเพราะเราไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง”

“เชื่อไหมครับว่าจวบจนทุกวันนี้ก็ยังมีคนโทรมาหาอยู่ มีชวนไปทานข้าวเสนอเงินให้เป็นหลักแสน ตอนนั้นมันมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาตลอด พอคนอื่นมามองในอีกแบบนึงในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นไม่ได้ทำ ตอนนั้นเสียใจมาก รู้สึกอยากออกจากวงการไปเลย ผมไม่อยากตอบคำถามสื่อ ตอบไปก็ไม่มีใครเชื่อ ก็เลยขอหยุดทำงานตรงนี้ไปอยู่เมืองนอก ไปทัวร์คอนเสิร์ตตามต่างประเทศ”

“บางทีก็มีนะ มุมที่อยากจะประชดทำตามอย่างที่เป็นข่าวมันเสียเลย ผมมองว่าคนที่จะทำงานอะไรอย่างนั้น เขาคงมีความเดือดร้อนอยากหาเงินช่วยเหลือครอบครัว แต่ที่ผมไม่เลือกทำเพราะผมมองว่าผมเองก็ยังพอมีความสามารถอยู่ ผมยังร้องเพลงได้ สามารถไปทัวร์คอนเสิร์ต มีงานโน่นนี่ แล้วเราเองก็ยังมีเงินเก็บสมัยตอนที่เราเป็นบาซู ไหนจะธุรกิจที่บ้านอีก คือผมไม่ได้เดือดร้อนเลย จริงๆ มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ”

ได้ไม่คุ้มเสีย เลือกสร้างกระแสถ่ายแฟชั่นหวิว เพื่อเป็นต้นทุนเบิกทางเข้าสู่วงการเพราะอยากทำเพลงอีกครั้ง

“ไปอยู่เมืองนอกได้ 3-4 ปีแรก รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงแล้ว ก็คิดถึงอยากกลับมาทำงานเพลง อยากกลับมาทำตามฝันของเรา พอกลับมาก็มาทำเพลงเสนอตามค่ายก็ถูกปฎิเสธทุกที่เลยครับ เขาบอกว่าเราเอาท์ไปแล้ว คุณแก่ไปแล้ว คำนี้เป็นคำที่ทำให้ผมมีแรงผลักดัน ที่แรกที่เข้าไปคืออาร์เอส เขาก็ไม่ได้ปฎิเสธผมหรอกนะ แต่เขาอยากให้ผมเปลี่ยนแนวตามสมัยตลาดหน่อยพวกป๊อป พวกร็อค แต่เราไม่ชอบ เราอยากทำอัลบั้มเดี่ยว ที่ถ่ายทอดความเป็นตัวเราออกมา เราอยากจะทำงานที่เราชอบงานที่เราถนัด”

“บาซูคือตัวตนของผม อันที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนที่เต้นเป็นเลย เมื่อก่อนผมเป็นเด็กคนนึงที่ชอบฟังเพลงแดนซ์ พอมาทำบาซูเขาก็จับให้เราเต้น พอเต้นไปเต้นมากลายเป็นสิ่งที่เรารัก เราหลงใหลในมันกลายเป็นสิ่งที่เราถนัดแล้วคนก็รู้จักเราจากมัน ฉะนั้นเราก็เลยอยากทำสิ่งที่เรารัก แต่กลับกลายเป็นว่าเราดันกลับเข้าวงการอีกครั้งด้วยการถ่ายแฟชั่นหวิว คือตอนนั้นยอมรับเลยว่าอยากกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง เราเลยอยากจะสร้างกระแสให้กับตัวเอง เคยมีคนติดต่อมาเป็นแฟชั่นนู้ดให้เงินเป็นล้านๆ ก็มีแต่ผมก็ปฎิเสธไป ผมขอแค่เป็นกระแสเอาแค่ถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่เต็มที่คือกางเกงขาสั้น เขาก็บอกโอเคได้แต่เขาขอโปรโมทเป็นนู้ดนะ เพื่อเป็นการตลาดว่าเป็นหนังสือนู้ดแต่เปิดมาไม่มีอะไร ความจริงคือผมไม่ได้ถ่ายนู้ด ถ่ายแค่แฟชั่นธรรมดา”

“ผมยอมรับเลยครับว่าผมตั้งใจสร้างกระแส เพื่อที่ผมจะได้เอางานเพลงของผมมาขายต่อ จุดประสงค์ของผมคืออยากทำอัลบั้มเดี่ยว ผมต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเป็นกระแส เนื่องจากไปขายงานในบางที่เขาบอกว่าผมตกกระแสไปแล้ว ก็เลยตัดสินใจถ่ายเพราะมองว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่พอถ่ายเสร็จปุ๊บ มันก็ดังอยู่ครับ แต่มันดังอยู่แค่เดือนเดียว มันกลายเป็นมีผลเสียเยอะกว่า มันกลับไปยิ่งตอกย้ำข่าวเดิมๆ ได้ไม่คุ้มเสีย ก็ถือเป็นบทเรียนครับ บอกเลยว่าการที่สร้างกระแสแบบนี้มันไม่ได้ใช้เป็นใบเบิกทางได้จริงครับ ตอนนั้นก็มีงานโชว์ตัว งานเดินแบบถอดเสื้อ ซึ่งมันไม่ใช่งานที่เราต้องการก็เลย คิดว่าพอแล้ว เราอยากกลับไปทำงานเพลงของเราเหมือนเดิม”

ตั้งใจลบคำสบประมาทแก่เกินเต้น เดินหน้าฝ่ามรสุมฟ้าหลังฝนทำงานเพลงใหม่สไตล์เกาหลี พร้อมงานใหม่บริหารค่ายเพลง “เบ้าท์ มิวสิค”

“หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจลุยงานเพลงต่อเลยครับ ระยะเวลาที่ผ่านมาเราก็ทำงานเพลงไว้อยู่แล้ว พอหมดหวังจากทางนั้นก็เลยหันมาโฟกัสเรื่องของเพลงอีกครั้ง ว่าจะทำยังไงดีให้ผู้ใหญ่ยอมรับซื้องานของเรา ก็เริ่มศึกษาแนวเพลงถ้าเป็นแนวแด็นซ์จะต้องเป็นแบบไหนที่เขานิยมกัน ก็พยายามค้นหาไป ผมอยากจะลองแก้สิ่งที่เขามองว่าผมแก่ไปแล้วสำหรับตรงนี้มันจริงรึเปล่า คนที่อายุ 30 ปีขึ้นไปแล้วมันไม่สามารถทำตามฝันได้จริงเหรอ มันต้องทิ้งทุกอย่างแล้วไปมีครอบครัว หรือว่าต้องไปทำงานประจำอย่างนั้นเหรอ ผมอยากจะท้าทายกับทฤษฎีนี้ดู”

“กับอัลบั้มชุดใหม่ ผมใช้เวลาทำอยู่ประมาณ 2 ปี เราก็ทำงานเพลงกันเองโดยมีพี่อีกคนนึงคอยช่วย แล้ววันนึงผมก็ได้ไปเจอกับรุ่นน้องแดนซ์เซอร์ที่ผมเคยรู้จัก ซึ่งเขารู้จักกับนักออกแบบท่าเต้นของพวกเจวายพี วันเดอร์เกิร์ล เรน น้องเขาก็เลยแนะนำให้ส่งโปรไฟล์ผมไปให้เขา ซึ่งเขาเองก็ชอบในความเป็นบาซู ความเป็นแดนซ์อามี่ก็เลยได้คุยกัน ก็ส่งงานบางส่วนที่เราทำอยู่ไปให้เขาฟัง เพื่อให้เขาปรับแต่งซาวด์ใหม่ให้ โชคดีที่มีผู้ใหญ่คนนึงชื่อพี่ ศรีสุข รุ่งวิสัย เขาก็คอยสนับสนุนเงินผมในการจ้างเขาทำงาน”

“แล้วพี่เขายังใจดีเปิดค่ายเพลงใหม่ให้ผมไปบริหาร ตอนแรกผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาก็พยายามโทรมาตามให้เราไปคุยงาน แล้วก็มีพี่ๆ ทีมงานของเขาคอยเข้ามาคุย ก็เลยตกลงทำตั้งบริษัทชื่อว่า เบ้าท์ มิวสิค โดยเราจะดูแลศิลปินในแนวเต้นอย่างเดียวเลย ผมมีเรน เป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบ แต่ไม่ใช่จะไปเป็นเหมือนอย่างเขา แค่เอามาปรับให้มันเป็นเรา อันที่จริงเกาหลีเองเขาก็ดูมาจากอเมริกาอีกที แล้วมาปรับเปลี่ยนให้เป็นเขาจนทำให้เขาประสบความสำเร็จในเรื่องของธุรกิจ ผมเองก็เอาของเขามาปรับเปลี่ยน มาพัฒนาให้เป็นจุดเริ่มต้นของเราอีกหน่อยพอเราเก่งเราก็พัฒนาในแบบฉบับของเราเอง”

“สไตล์ของผมยังอยากให้เพลงของผมออกมาในแบบมีกลิ่นคำไทยๆ อย่างชุดก่อนๆ ของผมอย่างเพลงผีฟ้าปาร์ตี้ แต่มีซาวด์แดนซ์ที่ทันสมัยผสมผสานกัน เดี๋ยวอีกไม่นานก็อาจจะได้เห็นโปรเจ็กต์ของบาซูอีกครั้ง ในค่ายเพลงของผม ถามว่าคิดเผื่อใจไว้ไหมหากอัลบั้มนี้กลับมาแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมคิดเผื่อไว้ทั้ง 2 ด้านอยู่แล้ว แต่ ณ ตอนนี้ผมคิดว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ผมรู้สึกดีใจมาก แล้วที่ผมได้ทำอัลบั้มเป็นของตัวเองสำเร็จตามที่เราได้ตั้งความหวังเอาไว้ แต่จะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนอันนี้คงขึ้นอยู่กับดวงชะตา และความเมตตาของประชาชน หากผมไม่ประสบความสำเร็จในงานเบื้องหน้าแล้ว ผมก็วางแผนดึงตัวเองสู่เบื้องหลังเพื่อจะเตรียมดันคนรุ่นใหม่ๆ ในค่ายเพลงของผมออกมาให้วงการเพลงบ้านเรามีศิลปินมาตรฐานที่เก่งสู้เขาได้”

สิ่งที่ต้องการขอเพียงยังได้ทำงานเพลง ยังร้องยังเต้นแล้วมีคนสนับสนุนอยู่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

“ตอนนี้ผมรู้สึกน้อยใจนะ ที่เห็นคนฟังเพลงบ้านเราไปกรี๊ดศิลปินต่างประเทศกันเยอะมาก แต่ศิลปินไทยกลับไม่มีใครเหลียวแล ผมไม่อยากให้วงการเพลงไทยเราซบเซาอย่างนี้ ผมว่าทุกคนได้เริ่มทำบ้างแล้ว ถึงแม้จะเป็นการเลียนแบบเขาบ้าง แต่มันก็เริ่มในแบบฉบับที่ดีที่เขากำลังนิยมกันอยู่ ผมอยากจะให้ศิลปินไทยเราพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งท้อ ผมว่าจริงๆ แล้วบุคลากรคนไทยของเรามีฝีมือนะ แต่แรงสนับสนุนอาจจะไม่เยอะ เพราะการทำโปรดักชั่นแต่ละทีต้องใช้เงินค่อนข้างสูง ถึงจะส่งให้งานเราออกมาดูดี ถ้าลงโปรดักชั่นเล็กมันก็จะทำให้ศิลปินดูเล็กลงตามไปด้วย แต่ยังไงคงต้องเริ่มจากที่คนฟังก่อน ที่จะต้องสนับสนุนแผ่นจริง ไม่ดาวน์โหลดฟรี เพื่อที่จะให้นายทุนมีเงินทุนลงโปรดักชั่นให้กับศิลปิน”

“การที่เราหายไป 5 ปี แล้วผมกลับมาทำอัลบั้มใหม่อันที่จริงตอนแรกก็หวั่นๆ เหมือนกันครับ แต่พอตอนนี้เริ่มรู้สึกหายเหนื่อยเพราะเริ่มมีคำวิจารณ์ดีๆ เข้ามาบ้างแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มปล่อยเพลงไปทางคลื่นวิทยุต่างๆ และสามารถติดตามมิวสิควีดีโอของผมได้จากยูทูป และทางเฟซบุ๊คของผมเอง อัลบั้มนี้ถึงผมจะไม่ได้ทำเองร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันออกมาจากตัวตนของผมทั้งหมด ก็ได้ทีมงานจากเกาหลีคอยเกาให้อีกที แต่จะให้หวังโกอินเตอร์ไปถึงเกาหลีผมว่าตรงนี้คงจะยากไป แต่ในซิงเกิ้ลนี้จะมีแร็พสไตล์เกาหลีอยู่ ทางทีมงานเขาก็สนใจ บอกจะลองเอาไปปล่อยให้ที่เกาหลี ซึ่งมันก็ยังเป็นเพียงแค่ความหวัง สิ่งที่ผมหวังมากที่สุดจากการทำเพลงอัลบั้มนี้คืออยากให้คนไทยสนุกไปกับเพลงในแบบฉบับของผม”

“อย่างตอนนี้ผมเองรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปทำงานเมื่อ 12 ปีแรกที่เข้าวงการ ทุกอย่างเราเริ่มนับหนึ่งใหม่หมด ได้เริ่มทำเพลง เดินสายเสนองานให้สื่อ ได้ทัวร์คอนเสิร์ต ผมว่านี่แหละคือตัวตนของผมแล้ว เล่นละคร ไปเดินแบบอะไรต่างๆ นานามันไม่ใช่ตัวผม อย่างงานพวกนี้ที่ติดต่อเข้ามาบางทีเขาก็มีข้อเสนอนะ ว่าถ้าอยากได้งานต้องแลกกับอะไร พอเรารู้เราก็ปลีกตัวออกจากเขาก็เท่านั้นเอง ผมไม่เคยพลาดท่าคนพวกนี้นะครับ ผมเองก็หวังเพียงแค่ทุกคนสนุกกับงานของผม ทำให้ผมยังร้องยังเต้นได้ต่อไป แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วครับ”

...
หมายเหตุ:เรียบเรียงจาก รายการ "เปิดหมดเปลือก" ทางช่อง Super บันเทิง ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 70




กำลังโหลดความคิดเห็น