“แอ๊ด แกรนด์เอ็กซ์, แดง วงชาตรี, อ๊อด คีรีบูน, กุ้ง ตวงสิทธิ์” พร้อมใจหวนคืนวงการเพลงอีกครั้ง ส่งอัลบั้ม Vintage ปลุกกระแสเพลงลูกกรุงคืนชีพ เผยครั้งนี้ไม่หวังผลกำไร เพียงอยากสร้างความสุขให้เหล่าแฟนเพลงที่รอคอย ลั่นมีแพลนทำอะไรอัลบั้ม และภายในปีนี้มีคอนเสิร์ตใหญ่แน่นอน
ถือเป็นการกลับมาของศิลปินคุณภาพรุ่นเก๋าอย่างที่แฟนเพลงหลายๆ คนรอคอยมานานเลยทีเดียว สำหรับ “แอ๊ด ทนงศักดิ์ อาภรณ์ศิริ” จากวงแกรนด์ เอ็กซ์ , “แดง นราธิป กาญจนวัฒน์” จากวงชาตรี , “อ๊อด รณชัย ถมยาปริวัฒน์” วงคีรีบูน และ “กุ้ง ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา” วงเพื่อน ที่ห่างหายไปจากวงการนานกว่า 10 ปีขึ้นไปทั้งสิ้น แต่ล่าสุด แอ๊ด ทนงศักดิ์ ก็เป็นตัวตั้วตัวตีจับแต่ละคนมารวมกันอีกครั้งทำอัลบั้ม Vintage ขึ้นมา เพื่อสร้างความสุขและทำตามความเรียกร้องของเหล่าบรรดาแฟนเพลงรุ่นเก๋า
ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวอัลบั้มไปแล้วที่ร้าน Vintage ลาดพร้าว 101 โดย “แดง นราธิป” ที่รู้จักกันในนามเจ้าของเพลงฮิตอย่าง “แฟนฉัน” และเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงชาตรี วงสุดฮอตเมื่อร่วม 30 กว่าปีก่อน ได้เผยว่าหลังจากแยกวงกันไป ตนก็หายไปบวชนานกว่า 17 ปี และใช้ชีวิตเพื่อค้นหาแนวทางของตัวเอง และวันนี้ก็พร้อมกลับคืนสู่วงการเพลงอีกครั้งอย่างเต็มตัว
“สำหรับการรวมตัวกันในครั้งนี้เริ่มต้นจากพี่แอ๊ด ทนงศักดิ์เลยครับ เขาเห็นว่าพวกเราน่าจะมารวมตัวกันมาทำอะไรดีๆ เหมือนอย่างสมัยก่อนที่เราเคยทำ เพราะว่าทั้งผม อ๊อด คีรีบูน กุ้ง ตวงสิทธิ์หรือพี่แอ๊ดแต่ละคนก็เป็นตำนานกันทั้งสิ้น ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำอัลบั้มให้เป็นประวัติศาสตร์ไว้ เจตนาก็คืออยากจะคิดถึงวันวานยังหวานอยู่ของแฟนๆ เพลงให้หวนกลับมา เพราะว่าจะได้เติมเต็มให้กับวงการเพลง มีทั้งเพลงรุ่นเก่าและสมัยใหม่ด้วย”
“ตัวผมเองก็ห่างหายไปนาน ก็เหมือนกับเติมประสบการณ์ให้กับตัวเอง แล้วก็ได้เพลงเพราะๆ กลับมาครับ แต่โปรเจ็คต่อไปนอกจากชุดนี้แล้วก็คงจะมีอะไรสนุกๆ ดีๆ ให้กับแฟนเพลงอีกเยอะเลย สำหรับคอนเสิร์ตคงจะอีกสักพักครับ แต่ภายในปีนี้แน่นอน แต่ตอนนี้ใครที่คิดถึงพวกเราก็มาที่ร้าน Vintage ลาดพร้าว 101 ก่อนนะครับ(หัวเราะ) ส่วนคอนเสิร์ตใหญ่เราจะแจ้งให้ทราบอีกที”
“ก่อนหน้านี้หายไปเกือบ 20 ปี ก็หลบไปปลีกวิเวกไปอยู่ป่าครับ คือไปบวชอยู่ 17 ปี ได้เอาเวลาตรงนั้นไปค้นหาตัวเองซะมาก จนกระทั่งได้คำตอบและได้เวลาก็เลยกลับมาตรงนี้ครับ แต่สำหรับน้องๆ แฟนเพลงรุ่นปัจจุบันหลายๆ คนเกิดมาแล้วไม่เคยรู้จักนราธิปเลย เพราะว่าผมหายไปบวชซะเกือบ 20 ปี แต่อีกสักพักก็คงนึกได้ว่าคนนี้เหรอเจ้าของเพลง แฟนฉัน และมีศิลปินรุ่นหลังได้เอาเพลงของผมมาทำใหม่กันเยอะแยะเลย ก็คิดว่าคงไม่ได้เป็นช่องว่างหรอก แต่กลับต่ออายุให้กับเพลงของผม และปัจจุบันนี้ตัวจริงก็กลับมาแล้ว ก็ถือว่าคงจะได้รู้จักจากบทเพลงต่างๆ ครับ”
“แต่แฟนๆ ก็ยังติดตามผลงานกันมาตลอดนะครับ ก็จะมีแฟนๆ ที่มาที่ร้านมาสนุกกัน มาร่วมร้องเพลงกัน ย้อนคิดถึงวันที่ใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงบานกัน และจากที่ผมได้เปิดเฟสบุ๊คไว้แฟนๆ ก็จะเข้ามาทักทาย ดีใจกันมาก บางคนอยู่ไกลๆ ก็บอกว่าดีใจที่ผมกลับมา เพราะไม่รู้จะไปตามตัวที่ไหน พอมาเจอในเฟสบุ๊คก็ดีใจกันใหญ่เลย เพราะตอนแรกๆ ที่เปิดเฟสบุ๊คนราธิป กาญจนวัฒน์เหมือนกับว่าเรากำลังตามหาแฟนเพลง แล้วพอเขาทราบกันก็ดีใจ หมายความว่าเราได้กลับมาสู่วันวาน และบอกว่าถ้าผมมีผลงานออกมาก็จะอุดหนุน”
“ถือว่าการกลับมาครั้งนี้ของผมก็เต็มตัวเลยครับ เพราะมีการออกอัลบั้มแสดงว่าพร้อมแล้ว แต่คงต้องคุยกับทางบริษัทอีกทีว่าจะยังไง แต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงของวงการเพลงในปัจจุบันนี้ผมก็ไม่มีอะไรตินะ มันก็จะคล้ายๆ กับตอนที่เราเข้ามาในยุคนั้น ถ้าย้อนกลับไปถามรุ่นพ่อ รุ่นอา รุ่นพี่เขาอาจจะมีคำวิจารณ์อะไรบางอย่างว่ามันเป็นของแปลก แต่ว่าเราเข้าใจเพราะไปปลีกวิเวกมาเกือบ 17 ปีเราก็เข้าใจว่านี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา มันก็จะต้องเปลี่ยนไปเหมือนเข็มนาฬิกา มันก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนี้นี่เอง”
ทางด้าน “อ๊อด คีรีบูน” แม้จะบอกว่าการกลับมาทำอัลบั้มครั้งนี้ยังไม่ถือว่ากลับมาแบบเต็มตัว เพราะตนยังมีงานเรื่องการสอนที่ทำอยู่ แต่ก็ไม่เคยเว้นว่างจากการเล่นดนตรีเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา
“พี่แอ๊ด ทนงศักดิ์ ซึ่งเป็นขวัญใจเราคนหนึ่งชวนมาครับ พอเป็นพี่แอ๊ดผมก็เลยลองมาคุยกัน และถามพี่แอ๊ดว่ามีใครบ้าง พี่แอ๊ดก็บอกมีพี่แดง วงชาตรี นี่ก็คือไอดอลของผมเหมือนกัน ก็เลยมีความรู้สึกว่ามันเป็นการได้มารวมกับรุ่นพี่ที่เราเคารพรัก และเป็นแม่แบบ แม่พิมพ์ เป็นต้นแบบให้กับเราในสมัยก่อนด้วยซ้ำ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่ามันน่าจะสนุกกับการที่เราได้ร่วมงานกับคนที่เราชื่นชมชื่นชอบเขาในอดีต กับกุ้งก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เราอยากร่วมงานด้วย กุ้งจะเป็นวัยใกล้กันกับผม กุ้งเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว เราก็เลยยิ่งรู้สึกว่าโอเค”
“สำหรับอัลบั้มนี้ผมคิดว่ามันคงจะไม่ถึงกับมีความแปลกใหม่อะไรมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นไอของแนวเพลงในยุคก่อนๆ ความหวานของท่วงทำนอง อยากเก็บบรรยากาศแบบนั้นไว้มาสู่กับยุคนี้ คือเราคงไม่แต่งเพลงที่เอาตัวเราในวันนั้นมาสวมใส่ชุดแบบเกาหลีในวันนี้ ผมว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เราดูดีอะไรขึ้น เพียงแต่ว่าเรามาช่วยกันเติมเต็มภาพรวมของสังคมไทย วัฒนธรรมของเสียงเพลงให้มันมีความหลากหลายมากกว่า”
“แต่เราคงไม่มองว่าจะต้องเจาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งถ้าได้ตรงนั้นมาผมว่าน่าจะเป็นผลพลอยได้มากกว่า เราอยากมาตอบโจทย์ภาพรวมของสังคมเพลงบ้านเราว่าเพลงวัยรุ่น เพลงสการ์ เพลงเกาหลีอะไรก็แล้วแต่ แต่มันมีเพลงฟังเพราะๆ บ้างไหม แล้วเป็นยุคแบบเราๆ เรามาเติมเต็มตรงนั้นมากกว่า สำหรับโปรเจ็คท์ต่อไปเราก็วางไว้ว่าเราอยากจะเดินบนเส้นทางนี้ เหมือนกับเพลงลูกกรุงที่สมัยก่อนมีคุณค่ามากในสังคมไทย แล้ววันหนึ่งเพลงลูกกรุงมันก็ค่อนข้างหายไป แต่ลูกทุ่งยังอยู่ได้ ฉะนั้นเพลงสตริงอย่างยุคเราๆ ยุค 70-80 ก็อยากจะทำเพลงแนวทำนองนี้ให้มันอยู่ร่วมด้วยในสังคมปัจจุบันได้ไหม เราก็เลยอยากจะทำเพลงแบบนี้มาเติมเต็มกับสังคมไทยไปเรื่อยๆ ถ้าชุดนี้มันสามารถที่จะพอเดินไปได้”
“ถามว่าจะกลับคืนสู่วงการเพลงเต็มตัวไหม สำหรับตัวผมคงยังไม่กล้าพูดอย่างนั้นเต็มปาก เพราะถือว่าวันนี้ผมทำด้วยความสนุก ด้วยความสุขมากกว่า ถามว่าเอาเป็นในเรื่องธุรกิจเป็นหลักไหมก็ไม่ใช่ ตอนนี้ก็คงทำออกมาเป็นซิงเกิ้ลแบบนี้ก่อน เพราะถ้าทำเป็นอัลบั้มออกมาในยุคนี้ผมว่าก็คงลำบากเหมือนกัน เพราะผมเคยคุยกับพวกที่เขาทำเทปผีซีดีเถื่อน เขาบอกว่าเขาถูกหวยรางวัลที่หนึ่งทุกวันเลยนะ(หัวเราะ) เพราะเขาไม่มีต้นทุนไง ฉะนั้นการที่เราจะกลับมาตรงนี้อย่างเต็มตัวก็อยู่ที่ว่าภาพรวมของธุรกิจวงการบันเทิงมันไม่เหมือนในอดีตแล้วล่ะ ก็อาจจะลำบากนิดนึง ต้องทำบนความรู้สึกว่าเรามีความสุขที่จะทำ ต้องคิดแบบนั้น”
“สำหรับผลตอบรับกับแฟนๆ เพลงสำหรับตัวผมจะเห็นได้ว่าเมื่อปีที่ผ่านมา พวกกลุ่มแฟนคลับเขาก็จะมีช่องทางสื่อสารกันทางอินเตอร์เน็ต เขาก็มีการตั้งกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนขึ้นมา เป็นแฟนคลับใหญ่โตขึ้นมา จนทุกวันนี้ผมมีความรู้สึกว่ายังเหมือนเป็นนักร้องดังในอดีตอยู่ เพราะเขามีการรวมกลุ่มกันเฉพาะกลุ่มของเขา แล้วเวลาเราไปเล่นไปร้องที่ไหนก็จะแห่ตามกันไปเยอะเลยนะ ก็ยังแปลกใจว่าทำไมน้องเขายังคิดถึงเรา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมลองกลับมาทำเพลงอีกครั้ง เพราะมีความรู้สึกว่าเขาอุตส่าห์วิ่งตามขนาดนี้ ขนาดในวัยอย่างนี้ด้วย หลายคนก็มีครอบครัวแล้ว และอะไรที่เป็นแรงจูงใจของเขาที่ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งตามมาขนาดนี้ ฉะนั้นเราก็เลยกลับมาทำเพลงใหม่ๆ ดู”
“ตอนนี้ผมทำงานทางด้านการศึกษา ผมกำลังพัฒนาหลักสูตรดนตรี พัฒนาอัจฉริยะภาพเด็กตั้งแต่เด็กอนุบาล โดยผมเอากระบวนการดนตรีเข้าไปสร้างสรรค์ลักษณะนิสัยอันพึงประสงค์ในเด็ก ทำยังไงให้เด็กกลายเป็นคนช่างสังเกต ทำยังไงให้เด็กมีนิสัยเป็นคนช่างคิดช่างวิเคราะห์ ต้องเป็นนิสัยติดตัวนะ ฉะนั้นเราจะออกแบบกระบวนการทางดนตรีของเราให้ไปสร้างลักษณะนิสัยเหล่านี้ ในท้ายที่สุดเด็กจะเก่งดนตรีโดยไม่รู้ตัว แล้วเขาก็ได้ลักษณะนิสัยอื่นๆ ไปกับตัวเขาด้วย นี่คือกระบวนการที่ผมทำเข้าไปในโรงเรียนต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ปริมณฑล แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สอนประจำที่ไหนแล้ว เพราะตอนนี้ผมจะทำหน้าที่ดูแลหลักสูตรบริหารจัดการบุคลากรที่จะเข้าไปสอนในที่ต่างๆ นี่คืองานหลักที่ทำอยู่”
“ก็ยังมีไปร้องเพลงตามที่ต่างๆ อยู่นะครับ เยอะมากจนผมมีความรู้สึกว่าเราเป็นนักร้องที่ยังดังในอดีตเลยเหรอ ก็ยังงงๆ นะครับ อย่างทุกที่ทุกจังหวัดส่วนใหญ่ก็จะเอาผมไปร้องเยอะ ในแต่ละสัปดาห์ไม่เคยหยุดเลย มีงานตลอด ตั้งแต่ก่อนปีใหม่มาก็เยอะ และนี่ก็เลยมาค่อนข้างเยอะแล้วแต่ก็ยังมีงานตลอด ก็ค่อนข้างแปลกดี ก็สนุกๆ ครับ ชิลล์ๆ ดี”
ส่วน “กุ้ง ตวงสิทธิ์” ยอมรับตื่นเต้นในการกลับมาครั้งนี้ และหลังจากหายไปร่วม 10 ปีเพราะตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ต่างประเทศก็แอบหวั่นว่าแฟนๆ จะลืม แต่สุดท้ายแฟนเพลงเก่าๆ ก็ยังให้การต้อนรับดีเช่นเดิม
“ถ้าหายไปจากการทำอัลบั้มเลยก็ 10 กว่าปีครับ แต่ที่กลับมาครั้งนี้เหมือนกับเป็นกลิ่นไอของความคิดถึงเกี่ยวกับเพลงมันมีมาก และอีกอย่างพี่แอ็ดก็มาติดต่อให้มาตรงนี้ แล้วเราก็มีความรู้สึกว่านานแล้วด้วยนะที่เราไม่ได้ทำ และอีกอย่างแฟนๆ ก็ถามมาเยอะว่าเมื่อไหร่ออกเทป คำนี้จะได้ยินบ่อยมาก พอตอนนี้มันมีโอกาสเพราะพี่แอ็ดเขาเรียกมาก็เลยน่าจะโอเค เพราะโปรเจ็คท์แบบนี้พี่เขาบอกว่าไม่เคยทำมาก่อน เราก็เลยคิดว่ามันก็คงจะดี ตัดสินใจไม่นานเลย เพราะเป็นงานที่เรารักอยู่แล้ว แนวเพลงของอัลบั้มนี้ก็คือจะฟังง่ายๆ แล้วเนื้อเพลงก็จะสมัยใหม่”
“ก็ตื่นเต้นนะ เพราะเราก็ไม่ได้ขึ้นเวทีมานานแล้วนะ มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ๆ เป็นศิลปินใหม่(หัวเราะ) เพราะ 10 กว่าปีที่หายไปผมก็เดินทางไปๆ มาๆ ต่างประเทศ สนุกสนานกับการทัวร์คอนเสิร์ตส่วนตัว และก็อาจจะมีอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองเหมือนกัน เพราะตอนนี้เพลงก็มีพร้อมแล้ว เพียงแต่เหลือคัดเลือกเพลงที่มันกิ๊กจริงๆ ถ้าพร้อมก็ทำเลย”
“ก็กลัวว่าที่เราหายไปมันจะทิ้งช่วงนานไปเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่ากระแสเพลง Retro ตอนนี้ก็กำลังมานะ ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีครับ หลังจากนี้ผมก็คงกลับมาทำงานเพลงต่อ แล้วตอนนี้ผมก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับบริษัท แมซค็อทท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ด้วย ซึ่งพี่แอ๊ดเป็น Excursive Producer อยู่ที่ค่ายนี้ก็จะคุมงานให้กับศิลปินรุ่นใหม่ แต่ถามว่าคาดหวังกับการกลับมาไหม ผมคาดหวังให้แฟนๆ มีเพลงดีๆ ฟัง แต่ถ้าจะคาดหวังเพื่อหวังรวยผมเฉยๆ เพราะตลาดเพลงสมัยนี้กับสมัยก่อนต่างกันเยอะมาก เพราะสมัยนี้ศิลปินเยอะ ค่ายเทปก็เยอะ ซีดีเถื่อนก็เยอะ(หัวเราะ) ซึ่งปัจจุบันมันไม่ได้วัดยอดขายจากซีดีแล้ว มันวัดกันที่ยอดโหลดริงโทน เพลงรอสายกันมากกว่า คือมันเปลี่ยนไปเยอะ เพราะเมื่อก่อนการโหลดอย่างนี้ไม่มี จะจำหน่ายแต่ซีดี วีซีดีคาราโอเกะอย่างเดียว”