"อีจุนอิก" ยอดผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ ซึ่งโด่งดังจากงานหนังย้อนยุคอย่าง The King and the Clown ตัดสินใจประกาศขอยุติบทบาทผู้กำกับ ในวงการหนังกระแสหลัก หลังจากเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเลิกทำหนัง หากผลงานชิ้นใหม่ของเขาล้มเหลว
ในวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวหลายแห่งในเกาหลีใต้ ได้รายงานข่าวการประกาศถอนตัวจากวงการภาพยนตร์กระแสหลักของ อีจุนอิก ผู้กำกับแถวหน้าของประเทศ ภายหลัง Battlefield Heroes ผลงานเรื่องล่าสุดของเขาประสบความล้มเหลว ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากแฟนหนังได้
"ช่วยแสดงความยินดีกับผมด้วย ผมได้ตัดสินที่จะเลิกงานกำกับภาพยนตร์ เพราะยอดคนดู (สำหรับหนังเรื่อง Battlefield Heroes) เพิ่งผ่านหลัก 1.7 ล้านคนไปเท่านั้นเอง น้อยกว่า 2.5 ล้านคนอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้" อีจุนอิก ทวีตข้อความถึงเรื่องนี้
โดยก่อนหน้าที่ Battlefield Heroes จะเข้าฉายในวันที่ 27 ม.ค. อีจุนอิก เคยพูดกับสื่อหลายครั้ง ถึงเรื่องที่ว่าเขาอาจจะตัดสินใจถอนตัวจากวงการภาพยนตร์ ถ้าหากว่าหนังเรื่องนี้ล้มเหลว ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ดูเหมือนว่า คำพูดดังกล่าวได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า อีจุนอิก จะตัดขาดจากวงการภาพยนตร์ไปเลย แต่คนใกล้ชิดของผู้กำกับดัง ได้เผยว่าเขาต้องการจะเปลี่ยนไปทำงานในด้านอื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอบรมสั่งสอนคนทำหนังรุ่นใหม่ ในสถาบันการศึกษา หรือการลองสร้างงานเล็ก ๆ กับแวดวงหนังศิลปะ หรือหนังสารคดีดูบ้าง
ซึ่งคนในแวดวงภาพยนตร์เกาหลีใต้แสดงความเห็นว่า อีจุนอิก ขอยอมแพ้ยกธงขาว ในตลาดหนังกระแสหลัก ก็เพราะเขาไม่สามารถเข้าใกล้ความสำเร็จครั้งเก่าของตัวเอง ที่เคยได้รับจากหนังเรื่อง The King and the Clown ได้เลย
โดยหนังที่ว่าด้วยเรื่องรักร่วมเพศในราชสำนักเกาหลี ที่อิงจากเรื่องจริงในสมัย พระเจ้ายอนซัน แห่ง ราชวงศ์โชซอน เป็นหนังขวัญใจนักวิจารณ์ นอกจากนั้นยังกวาดตัวเลขผู้ชมได้มากกว่า 10 ล้านคน กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดในประเทศ เมื่อตอนที่หนังออกฉาย
เด็กวัยรุ่นเมินหนังประวัติศาสตร์
The King and the Clown เป็นหนังเรื่องที่สามของ อีจุนอิก และเป็นงานที่ทำให้เขาได้ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยในแถวหน้า ของผู้กำกับเกาหลีนอกจากนั้นยังเป็นงานในแนวย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ ที่เขาชื่นชอบโดยส่วนตัว ซึ่งจากผลงานของ อีจุนอิก ทั้งหมด 8 เรื่อง มีถึง 4 เรื่องที่เป็นหนังย้อนยุค
“เด็กเกาหลีหลาย ๆ คน รู้จักสงครามเซกิงาฮาระของญี่ปุ่นแบบละเอียดยิบ เพราะส่วนใหญ่คุ้นเคยเรื่องราวมาจากการ์ตูนของญี่ปุ่น” อีจุนอิก แสดงความเห็นในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ JoongAng Ilbo “แต่พวกวัยรุ่นแทบจะไม่รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเกาหลีเลย ไม่รู้จักว่าใครคือนายพลเคเบค (นายพลผู้มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของอาณาจักรแพกเจ) หรือ ไม่รู้เลยว่าสงครามเวียดนามมีความหมายอะไรกับเรา"
“สหรัฐอเมริกามีประวัติศาสตร์ 230 ปี ส่วนของเรายาวนาน 5,000 ปีแล้ว แต่หนังสือประวัติศาสตร์ของอเมริกากลับหนากว่าของเราเสียอีก และที่สหรัฐฯ ประวัติศาสตร์เป็นวิชาบังคับ แต่ของเราเป็นแค่วิชาเลือก" ผู้กำกับคนดังกล่าวถึงเรื่องหลักสูตรการศึกษาของเกาหลีใต้
"เศรษฐกิจของเกาหลีเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เราควรจะคิดถึงวัฒนธรรมของตัวเอง และผลิตสินค้าทางวัฒนธรรมจากสิ่งเหล่านั้น วัฒนธรรมที่มาจาก วรรณกรรม, ประวัติศาสตร์ และปรัชญาของเราเอง ซึ่งทั้ง 3 ประการผมคิดว่า ประวัติศาสตร์สำคัญที่สุด แต่เพราะเราบริโภคสื่อที่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ของชาติตะวันตกมานาน ผมคิดว่าเราเริ่มจะลืมรากเหง้าของตัวเองกันแล้ว"
อีจุนอิก เริ่มต้นงานผู้กำกับตั้งแต่ปีเมื่อปี 1993 กับหนังครอบครัวฟอร์มเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Kid Cop หลังจากนั้นจึงตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ ที่มีทั้งผลงานของตนเอง และของผู้กำกับรายอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง
แต่ต้องรอจนถึงผลงานลำดับที่ 3 เมื่อปี 2005 อย่าง The King and the Clown ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับเจ้าของหนังทำเงินสูงสุดของประเทศ อย่างไรก็ตาม งานหลังจากนั้นงานของ อีจุนอิก กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
Sunny หนังที่ว่าด้วยหญิงสาวชาวเกาหลีใต้ ที่เดินทางไปทำงานเป็นอาสาสมัคร ร้องเพลงให้ความบันเทิงกับทหารชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกส่งไปช่วยรบในสงครามเวียดนาม เพื่อหวังว่าจะได้พบกับสามี ซึ่งไปร่วมรบอยู่ในสงครามครั้งนั้นเช่นกัน เป็นงานฟอร์มใหญ่ ที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของชาวเกาหลีใต้ กับสงครามเวียดนาม เป็นหนังฟอร์มใหญ่เมื่อปี 2008 แต่กลับมียอดคนดูเพียงแค่ 1.8 ล้านคนเท่านั้น
ขณะที่ Blades of Blood ที่ว่าด้วยการประลองของสองยอดนักดาบแห่งยุคโชซอน ที่ไม่ใช่เพียงการต่อสู้ธรรมดา แต่ยังสะท้อนไปถึงการต่อสู้ของคนต่างชนชั้น เพื่อความเท่าเทียม ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนหนังชาวเกาหลีใต้นัก
เช่นเดียวกับ Battlefield Heroes ที่กลายเป็นฝางเส้นสุดท้ายของ อีจุนอิก ในแวดวงหนังกระแสหลัก
ข้อคิดจาก "อิมควอนเต็ก"
กับการตัดสินใจที่เรียกว่าช็อควงการของ อีจุนอิก กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้กำกับรุ่นพี่ ที่ยิ่งใหญ่ระดับตำนานผู้ยังมีลมหายใจ แห่งวงการภาพยนตร์เกาหลีใต้ อย่าง อิมควอนเต็ก ถึงกับออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เป็นทั้งการแนะนำ และสั่งสอนคนทำหนังรุ่นน้อง
"ผมไม่สามารถจะเห็นด้วยกันเขาได้ เขาเป็นผู้กำกับที่เก่งในการประชาสัมพันธ์หนังของตัวเองอยู่แล้ว" อิมควอนเต็ก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือ Asian Finance และออกความเห็นที่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกันผู้กำกับรุ่นน้องซักเท่าไหร่
"การพูดว่าจะไม่ทำหนังกระแสหลักอีกแล้ว เพราะไม่ได้รับความสำเร็จ เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลย เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การตัดสินใจด้วยเหตุผลแบบนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้อง หนังไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถกะเก็งอะไรแบบนั้นได้"
"ไม่ว่าหนังของเขาจะใช้ทุนสร้างเท่าไหร่ Battlefield Heroes มีคนดูระดับ 2 ล้านคน เขาได้รับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว แต่ความละโมบ และต้องการมากกว่านั้น เป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถยอมรับได้"
ขณะที่ อีจุนอิก กำลังจะหยุดตัวเลขผลงานภาพยนตร์ของตนเองไว้ที่ 8 เรื่อง Hanji หนังลำดับที่ 101 ของ อิมควอนเต็ก ที่มี ปาร์คจองฮุน และเยจีวอน ก็จะมีกำหนดเข้าฉายภายในวันที่ 17 มี.ค. นี้แล้ว
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |