“นาธาน” ปลื้มเป็นดาวในคุก นอกจากจะไม่ทุกข์ร้อนแล้วยังปรับตัวได้เร็วกว่านักโทษคนอื่นอย่างน่าประหลาด เผย เพื่อนนักโทษชื่นชอบเอ็นเตอร์เทนสุดยอด สุดเวทนาติดคุกมาครึ่งเดือนไม่มีใครโผล่เยี่ยมไม่มีใครกล้าประกันตัว ด้านทนายโจทก์ เผย หากไม่มีใครประกันตัวก็ต้องติดคุกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ขณะที่ “น้ามด” ลำบากแสนสาหัสประหยัดจนต้องซื้อข้าววัดมากิน แถมลูกผัวต้องปากกัดตีนถีบช่วยกันทำมาหากิน ผุดไอเดียทำขนมไข่หงส์ขาย ตั้งชื่อ “ไข่หงส์น้ามด ไข่เหี้ยนาธาน” เป็นสิ่งเตือนใจอย่าให้หลงเชื่อนาธานอีก
ตั้งแต่ที่ศาลจังหวัดเลยสั่งฟ้อง “นาธาน โอร์มาน” ในคดีฉ้อโกง “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” เป็นจำนวนเงิน 740,000 บาท กระทั่งนาธานถูกส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะไม่ใครมาประกันตัว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า เจ้าของโรงแรมที่พัทยาชื่อ “ต๋อย” เจ้านายของนาธานที่เจ้าตัวเคยไปทำงานด้วยก่อนที่จะติดคุก ได้เดินทางมาทำบุญที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และเตรียมวิ่งเต้นช่วยเหลือนาธาน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงข่าวโคมลอย รวมถึงข่าวที่บอกว่าพ่อแท้ๆ ของนาธานที่อยู่จังหวัดพิษณุโลกกำลังจะหอบเงินมาช่วยลูกชาย หรือแม้แต่ล่าสุดที่ลือกันให้แซดว่า แก๊งกะเทยเชียงคานเพื่อนของนาธานกำลังลงขันกันเพื่อระดมเงิน 2.3 แสน มาช่วยประกันเพื่อนรักออกจากคุก แต่สุดท้ายจนถึงวันนี้นอกจากจะไม่มีใครโผล่มาประกันตัวแล้ว แม้แต่คนมาเยี่ยมก็ยังไม่มี
ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว ที่เจ้าตัวถูกจองจำอยู่ในเรือนจำในฐานะ “นักโทษ” คดีอาญา โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่นาธานถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดเลย เจ้าตัวก็ถูกจับตัดผมเกรียน และใส่ชุดนักโทษตามระเบียบของทัณฑสถาน กระทรวงยุติธรรม และพักอยู่ห้องรวมกับผู้ต้องขังอื่น ๆ ที่เรือนขัง 1/1 ตึก 1 ซึ่งมีผู้ต้องขังรวมประมาณ 100 กว่าคน โดยไม่มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด โดยในครั้งนี้ "นายเกียรติศักดิ์ บัวมาศ" นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพเรือนจำจังหวัดเลย ได้เปิดเผยกับทีมข่าว “บันเทิงASTVผู้จัดการออนไลน์” ถึงชีวิตของอดีตนักร้องจอมอื้อฉาว “นาธาน โอร์มาน” ในวันที่มีคำนำหน้าชื่อว่า “นช.” ว่า…….
“วันแรกที่เขามาก็ไม่เห็นเขาเครียดนะ เห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี เขาก็ตัดผมเกรียนและใส่ชุดนักโทษเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ไม่มีข้อละเว้น เขาก็ยอมทำตามกฎทุกอย่าง ไม่ได้อิดออดอะไร ก็ดูเขาไม่วิตกอะไรนะ หรืออาจจะไม่แสดงออกก็ไม่รู้ เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี เขาดูปรับตัวได้ง่ายกว่านักโทษคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ”
“ตอนนี้เขาต้องอยู่ให้ส่วนของผู้ต้องขังใหม่เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อปรับตัวให้ได้ก่อน เพราะสิ่งสำคัญของการเข้ามาอยู่ในเรือนจำคือผู้ต้องขังต้องปรับตัวให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตื่น การรับประทานอาหารที่เป็นเวลา มีเวลาบังคับ การใช้ชีวิตที่ขาดอิสรภาพ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เกิดความเครียด หลังจากนั้นก็จะย้ายไปอยู่กับผู้ต้องขังทั่วไป ที่นี่จะแบ่งเป็นสองแดน คือแดนหญิงกับแดนชาย หญิง 700 กว่าคน ชาย 1,000 กว่าคน”
“สถานที่มันแออัดเพราะจำนวนผู้ต้องขังเกินจำนวนที่จำกัดไปเยอะ ห้องนอนก็เป็นห้องกว้างๆ โล่งๆ กว้างประมาณ 25 เมตร ห้องนึงก็นอนประมาณร้อยกว่าคน เรือนจำมีหมอน มีผ้าห่ม มีที่นอนให้ สบู่ แปรงสีฟัน ของใช้ในชีวิตประจำวันเรามีให้ทุกอย่าง เรือนจำมีทีวีให้ดู แต่ผู้ต้องขังเลือกช่องเองไม่ได้ เราจะให้ดูสารคดีแล้วก็บันเทิงบ้าง เนื้อหาต้องไม่ล่อแหลม ดูได้ไม่เกิน 2 ทุ่มเพราะต้องเข้านอน”
“ผู้ต้องขังทุกคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้วปล่อยให้เขาทำธุระส่วนตัว อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เป็นห้องน้ำรวม หลังจากนั้น 8 โมงก็ลงมารับประทานอาหาร ก็ต้องเข้าแถวเพื่อรับอาหารจากทางเรือนจำ ซึ่งก็จะเป็นถาดหลุม กับข้าวมือละ 3 อย่าง ข้างในมีอาหารขาย ก็แล้วแต่ถ้าผู้ต้องขังอยากซื้อทานเองก็ได้ แต่นาธานเขาก็ทานของเรือนจำนะ ยังไม่เห็นเขาซื้อทานเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะสะดวกสบายกว่า หรืออาจจะเพราะไม่มีเงินก็เป็นไปได้ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ เพราะของทั้งหมดของเขาเจ้าหน้าที่เรือนจำจะเป็นคนเก็บไว้ให้ ไม่ให้นำเข้ามาด้วยรวมทั้งเงินก็ไม่ให้เอาเข้ามา ถ้าจะใช้ต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ใช้ได้ไม่เกินวันละ 200 จะให้เป็นคูปอง”
“ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องมีกิจกรรมทำ นอกจากการสอนวิชาชีพระยะสั้นแล้ว ข้างในยังมีหนังสือให้เรียนมีวุฒิวิชาชีพให้เพื่อที่เวลาเขาออกไปจะได้สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ปวส. ปวช. ปริญญาตรีมีหมด ขึ้นอยู่กับผู้ต้องขังว่าเขาจะไขว่คว้าหรือเปล่า ส่วนการจำแนกการเรียนก็จะดูว่าผู้ต้องขังถนัดและมีความชอบในด้านใด แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เลือกว่าจะทำอะไรนะ คงอีกสักพัก”
“ตั้งแต่โดนส่งตัวมาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย ไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเขานะ ไม่มีใครมาเยี่ยมแล้วก็ไม่มีประกันตัว ผู้ต้องขังชายให้เยี่ยมได้สัปดาห์ละ 3 วัน จันทร์-พุธ-ศุกร์ วันละไม่เกิน 15 นาที คุยผ่านโทรศัพท์ มีกระจกกับลูกกรงกั้น ของเยี่ยมที่ห้ามนำเข้ามาก็เช่นเงินสด วัตถุระเบิด น้ำมันเชื้อเพลิง สิ่งเสพติด ศาสตร์ตราวุธ วัตถุสื่อสาร ภาพลามกอนาจารที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับเรือนจำ ของเน่าเสีย และสิ่งมีชีวิต ประมาณ 11 อย่าง ทางเรือนจำต้องตรวจค้นอย่างละเอียด แต่กรณีของเขายังไม่มีใครมาเยี่ยมก็เลยยังไม่มีปัญหาอะไร ”
“ผมไม่เคยคุยกับเขานะ แต่เท่าที่เห็นเขาก็ดูร่าเริงไม่ทุกข์ร้อนอะไร วันเสาร์กับวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ให้ผู้ต้องขังได้ผ่อนคลายเป็นวันพักผ่อน จะให้เล่นดนตรี เขาก็จะอาสาขึ้นไปร้องเพลง เขาร้องเพราะ เพื่อนๆ ก็จะสนุกสนาน เขาจะเอ็นเตอร์เทนเพื่อน ข้างในก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นดารานะ ก็เห็นว่าเขาร้องเพลงเพราะแค่นั้นแหละ เพื่อนๆ ก็ดูชอบเพราะเขาเข้ากับคนง่าย เขาปรับตัวได้เร็ว เขาจะคุยกับคนโน้นคนนี้ ตั้งแต่เขาเข้ามายังไม่เห็นเขาเครียดเลย (เคยมีดาราติดคุกที่นี่มั้ย?) ไม่มี เขาเป็นคนแรก ก็ถ้าไม่มีใครมาประกันตัว เขาก็จะต้องอยู่ในนี้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด”
ส่วนในกรณีถ้าหากนาธานไม่มีเงินว่าจ้างทนายส่วนตัว เจ้าตัวสามารถทำเรื่องร้องขอกับทางศาลเพื่อขอทนายอาสาได้ ซึ่ง “พิมพ์บุญ พันสวัสดิวง” หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเรือนจำจังหวัดเลย ได้แจกแจงเรื่องนี้ว่า…
“เขาสามารถขอได้ แต่คุณสมบัติต้องยากจน ไม่มีญาติ และไม่มีเงินที่จะต่อสู้คดี และเป็นคดีแรก ไม่เคยต้องโทษมาก่อน และคดีน่าจะชนะ ตรงนี้จะมีเงินจากกระทรวงยุติธรรมในการที่จะมาต่อสู้คดี เพราะเงินตรงนี้จะให้กับคนที่ไม่มีเงินต่อสู้คดีเท่านั้น แต่ของนาธานน่าจะยากเพราะเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงน่าจะมีช่องทางตรงนั้น แต่เขามีสิทธิ์ขอ แต่คณะกรรมการจะต้องพิจารณาก่อน ทนายจะมาจากกระทรวงยุติธรรมส่งมาให้ เพื่อช่วยเหลือโดยที่ผู้ต้องขังไม่ต้องตอบแทนใดๆ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บอกไป ถ้านาธานอยากปรึกษาทนายเรื่องคดีเขาสามารถทำเรื่องขอมาทางเรือนจำได้ แล้วเรือนจำจะประสานเรื่องให้ แต่ต้องเป็นความประสงค์จากเขา แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ร้องขอมา”
พร้อมกันนี้ยังได้รับการเปิดเผยจาก “นางประมัย เสริฐศรี” อายุ 65 ปี นายประกันอาชีพ หน้าศาลจังหวัดเลย นายประกันที่นาธานเคยร้องขอให้ช่วยประกันตัวให้ โดยนางประมัยได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ยอมประกันตัวให้นาธานว่า….
“ยายไม่ได้เป็นอะไรกับนาธาน แต่เป็นนายประกันอาชีพอยู่ที่ศาลจังหวัดเลย ทำมา 11 ปี ยายจะต้องมีหลักทรัพย์ไว้ใช้ในการประกันตัวแล้วก็หักเปอร์เซ็นต์กับคนที่ว่าจ้างแสนละหมื่น วันที่นาธานมาที่ศาล เขาก็เรียกหานายประกันเพราะไม่มีใครมาประกันเขา ศาลก็เลยเรียกให้ยายขึ้นไป พอเห็นว่าเป็นนาธานยายก็กลัว ก็เลยไม่ประกัน หลักทรัพย์ 2.3 แสน จริงๆ หลักทรัพย์ยายก็มีอยู่ แต่ยายกลัวเขาหนีไม่มารายงานตัว กลัวเขาจะหนีคดี ก็เลยไม่กล้าเสี่ยง”
“แต่แกบอกว่าประกันให้หนูหน่อย แกพูดดีคุยดี แต่ดูเครียด ยายก็โกหกว่าหลักทรัพย์ไม่มี(หัวเราะ) แกก็เลยบอกว่าหาคนอื่นให้ได้มั้ย ยายก็เลยเรียกเพื่อนที่รู้จักกันนี่แหละมา แต่เขาก็ไม่เอาเหมือนกัน เขาก็ไม่อยากคุยด้วยซ้ำ แต่ยายขอร้องให้ไปคุยกับนาธานหน่อย สุดท้ายก็ไม่กล้าเหมือนกัน ยายก็ดูข่าว แล้วเพื่อนที่เป็นตำรวจเขาก็เตือนว่าอย่าไปประกันนะ แต่ยายก็ไม่เอาอยู่แล้ว แต่ต้องไปเพราะเขาเรียก ก็สงสาร ขึ้นไปตั้งหลายครั้ง แกก็บอกว่ามีคนอื่นอีกมั้ย ยายลงมาข้างล่างแกก็โทรถามยายตลอดว่ามีคนอื่นอีกมั้ย แกก็ร้อนรน”
“แกบอกว่ามีเงินให้ 7 พัน แต่คดีแกต้องให้ 2.3 หมื่น แกก็ถามว่าจะต้องจ่ายเงินสดเหรอ แล้วก็ไม่รู้โกหกหรือเปล่า บอกว่าเพื่อนจะมาจากชลบุรีแล้วจะเอามาให้อีก แต่ยายไม่เชื่อ ตอนที่เขารู้ว่าไม่มีใครประกันก็ดูซึมๆ หน้าแดงๆ เขาก็อ้อนวอนอยู่นาน ทุกคนที่ไม่ประกันตัวให้เขาเพราะไม่กล้าเสี่ยง ดูแล้วแกหนีแน่นอนอยู่แล้ว แต่แกเป็นคนพูดดีนะ ขนาดแกจะต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำ แกยังบอกอีกว่าคุณยายมีใครอีกมั้ย แกบอกหนูไม่มีใครแล้ว”
ทางด้านของ “ทนายประนมยงค์ ไชยปะ” ทนายประจำตัวของน้ามด ได้เผยว่า รูปคดีไม่มีอะไรน่าหนักใจ เนื่องจากมีหลักฐานค่อนข้างแน่นหนา มั่นใจสามารถเอาผิดนาธานได้ แต่ที่ทำให้รู้สึกวิตกคงเป็นเรื่องกลัวน้ามดจะไม่ได้เงินคืนมากกว่า เนื่องจากตอนนี้นาธานไม่ต่างจากคนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่รู้จะหาเงินมาชดใช้คืนให้น้ามดได้หรือเปล่า โดยศาลนัดพร้อมคู่กรณีกับคู่ความอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม นี้
“ศาลนัดพร้อมวันนี้(14 มีนาคม) คู่กรณีกับคู่ความก็จะมาที่ศาล แต่ตอนนี้นาธานยังไม่มีทนาย เขาต้องหาทนายมา หรือไม่ก็ต้องขอให้ศาลหาทนายให้ ตามกฎหมายเขาเรียกทนายขอแรง โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป็นทนายที่ศาลหาให้ และทนายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธลูกความได้เลย ถ้าศาลเรียกตัวต้องมา แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบเขายังไม่ได้ทำเรื่องขอทนาย”
“หลักทรัพย์ประกันตัวของนาธาน 2.3 แสน หลักเกณฑ์มันมีอยู่แล้ว ว่าคดีแบบนี้จะต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไหร่ แต่ว่าไม่เสมอไป คดีนี้บางคนอาจจะใช้แค่แสนเดียว แต่จำเลยบางคนอาจจะมีพฤติกรรมที่อาจจะหลบหนี ศาลก็เลยอาจจะสั่งให้ใช้หลักทรัพย์ที่สูงขึ้นก็ได้ ในการประกันตัวไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน หลักทรัพย์ที่เป็นโฉนด อย่างตำแหน่งข้าราชการก็ได้ ขึ้นอยู่กับคดี ถ้าคดีหนักก็ใช้ซีที่สูงขึ้น หรือคดีนี้ใช้ซีไหน แล้วทุกวันนี้เคร่งครัด จะต้องมีสเตทเม้นท์มายืนยัน ต้องเชื่อถือได้ เงินประกันเขาจะคิด 10 เท่าของเงินที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายประจำเดือนของผู้ที่จะยื่นมาประกัน”
“ถ้าไม่มีใครมาประกันตัวเขาก็จะต้องติดคุกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ถ้าศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริง ศาลก็จะหักวันที่เขาเคยติดคุกมาก่อนหน้านี้ออกไป ไม่ทิ้ง ศาลนับให้ตั้งแต่ถูกควบคุมตัววันแรกเลย ระยะเวลาในการต่อสู้คดีจะยาวแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง จะดูว่าอัยการว่างวันไหน ทนายจำเลยว่างวันไหน ก็จะดูวันว่างให้ตรงกันก็จะนัดสืบพยานวันนั้น ระยะเวลาการสู้คดีขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ถ้าวันนี้ เขากลับคำให้การก็จะจบเร็วขึ้น เพราะมีเยอะแยะที่จำเลยกลับคำให้การแล้วรับสารภาพ คดีนี้ศาลก็น่าจะพิพากษาได้เลย”
“โทษคดีฉ้อโกงไม่เยอะนะ อาจจะแค่ปีเดียว ต้องไปดูอีกที โทษไม่หนัก (ติดคุกแล้วเงินที่โกงไปจะได้คืนหรือเปล่า?) ถ้าศาลพิพากษาว่านาธานผิดจริง ได้ฉ้อโกงเงินน้ามดไปเป็นจำนวนเงิน 7 แสน ศาลพิพากษาให้นาธานติดคุก สมมติหนึ่งปี เงินก็ต้องชำระ ถ้าออกจากคุกไปแล้วภายใน 10 ปี เขาต้องหาเงินมาชำระ หรือยึดทรัพย์สินที่เขามีอยู่ตามจำนวนหนี้ที่มีกับเรา แต่ถ้าเขาไม่มีเงินก็คงเป็นเรื่องโชคร้ายของนามดไป เพราะไม่รู้จะไปเอาอะไรจากเขา น้ามดก็ไม่ได้อะไรเลย”
“เท่าที่ดูตอนนี้เขาไม่มีหลักฐานอะไรนะ มีแต่คำพูดที่พูดผ่านอัยการว่าเขามีหลักฐาน แต่ยังไม่เคยเห็นว่าคืออะไร แต่เบื้องต้นเขาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เรื่องคดีไม่มีอะไรหนักใจครับ จะหนักใจเรื่องที่ถ้าชนะคดีแล้วเราจะไปบังคับเอาอะไรนี่แหละ รูปคดีไม่หนักใจหรอก เท่าที่สอบข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ลูกความมีก็มั่นใจว่าจะชนะคดีครับ”
ขณะที่หญิงแกร่งอย่าง “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” ตอนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาใช้หนี้ดอกเบี้ยรายวันจนหัวหมุน เรียกว่าทั้งลูกทั้งสามีช่วยกันปากกัดตีนถีบ พร้อมเผยว่า ตอนนี้ชีวิตเหนื่อยกว่าเดิมเยอะ เพราะต้องดิ้นรนหาเงินให้ทันใช้หนี้ อะไรที่ประหยัดได้ก็จะประหยัด ถึงขนาดต้องซื้อกับข้าววัดมากินเพราะมีราคาถูก บอก ตอนนี้ทำขนมไข่หงส์ขาย ตั้งชื่อ ไข่หงส์น้ามด ไข่เหี้ยนาธาน ไว้เตือนใจตัวเอง ดีใจคนสงสารช่วยซื้อ ผลของความขยันตอนนี้ก็เลยสามารถปลดหนี้ได้กว่าครึ่งแล้ว
“กิจวัตรประจำวันน้ามดจะตื่นตี 4 แล้วก็เอาขนมไทยมาที่ตลาด ส่วนกาแฟจะจ้างคนมาขายให้วันละ 200 เขาจะมาขายให้ตั้งแต่ตี 1 พอเสร็จแล้วน้ามดก็จะขายก๋วยเตี๋ยวตอนกลางวันจนถึงเย็นๆ แฟนน้ามดจะช่วยทำขนมไทยให้ที่บ้าน ตอนนี้น้ามดทำขนมมาขายเพิ่มคือขนมไข่หงส์เพราะที่ตลาดเชียงคานไม่มีคนทำ มันสามารถเจาะตลาดได้ดีกว่าขนมไทย เพราะขนมไทยมีหลายเจ้า น้ามดขายส่งตอนเช้าด้วย”
“แต่น้ามดตั้งชื่อใหม่ ชื่อขนมไข่หงส์น้ามดไข่เหี้ยนาธาน น้ามดเป็นคนตั้งชื่อเองด้วยความแค้นและเอาไว้เตือนใจตัวเอง ไม่ให้ใจง่ายกับคนอื่น ให้ตัวเองมีสติ เลือกชื่อนี้เพราะมันทำเหี้ยๆ กับเรา มันเจ็บใจว่าทำให้เหนื่อย พูดถึงชื่อนี้ก็จะได้ทำให้มีกำลังใจทำงานให้รีบหาเงินใช้หนี้ให้หมด ดิ้นรนทุกอย่างให้หมดหนี้ ขายของอยู่ตลาดตั้งแต่ตี 4 จนถึงเที่ยงคืนเกือบทุกวัน น้องต้อมจะเป็นคนขายขนมไข่หงส์ แต่ก่อนจะตื่นตี 2 แล้วเอาขนมมาทอดที่ตลาด แต่มันลำบากลูก น้องต้อมตาเหลืองไง ไม่ได้นอนก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่ ทอดไว้ตั้งแต่กลางคืนบางส่วนแล้วตอนเช้าก็จะมาทอดเพิ่มที่ตลาดตอนลูกค้ามาซื้อ น้องต้อมก็จะเป็นคนขาย บางวันก็ 11 โมง วันไหนมีลูกค้าก็จะขายถึงเที่ยง”
“น้องต้อมช่วยแม่ทุกอย่าง วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ น้องต้อมกับน้องก็จะเอาขนมไข่หงส์ไปขายที่ริมโขงถนนคนเดิน ก็พอขายได้ เพราะชื่อคนก็เลยสนใจ วันไหนนักท่องเที่ยวมาเยอะก็ขายแทบไม่ทัน วันไหนคนน้อยก็ค่อยเป็นค่อยไป คนก็ฮือฮา มีป้ายขนมไข่หงส์น้ามดไข่เหี้ยนาธานติดไว้ด้วย มีคนทำให้น้ามดไม่ได้ทำเอง เวลานักท่องเที่ยวเดินผ่านเขาก็จะเข้ามาขอถ่ายรูปกับน้ามด ถ่ายกับขนมบ้าง บางคนซื้อเพราะความสงสาร ไม่เอาเงินทอนก็มี บางคนซื้อ 50 ก็ให้แบงค์ร้อยมาไม่เอาเงินทอน บางคนก็บอกว่าน้ามดสู้นะ น้ามดก็ดีใจ บางคนเหมือนรู้จักเรามานานๆ เขาบอกคนชั่วต้องได้รับผลตอบแทน คงไม่นานเกินรอ บางคนยังฝากรองเท้าไปตบหน้ามันเลย เขาบอกมันไม่ตายดีหรอก แล้วก็บอกให้เราสู้ บางคนเดินผ่านพอเห็นป้ายก็ช่วยซื้อ”
“อะไรที่ประหยัดได้ก็จะประหยัด ตอนนี้น้ามดไปซื้อกับข้าววัดมากิน บอกอย่างไม่อายเลย เพราะมันถูกดี หลวงพ่อขายให้ถูกๆ ทุกวันนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินไปใช้หนี้ แต่ก็ไม่ได้ว่าหรอก เพราะจะทำยังไงได้ บอกเลยว่าเหนื่อย แต่ก็ต้องทนยังดีที่ยังมีอะไรทำ ดีกว่านั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร เหนื่อยแต่มีงานทำน้ามดก็อดทนได้ ทำงานกันทั้งครอบครัว แฟนก็ช่วยทำขนมให้ขายแล้วก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่มีหนี้เยอะขนาดนี้น้ามดคงไม่ทำเยอะขนาดนี้ คงลดลงเพราะสงสารลูก ตอนนี้ก็บอกลูกให้อดทนก่อน ถ้าหมดหนี้จะพาไปเที่ยว ลูกอยากไปเที่ยว น้องต้อมก็ไม่สบายบ่อยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ตาเหลือง ตอนนี้เห็นซื้ออะไรไม่รู้มาบำรุงสายตา”
“เห็นแล้วก็สงสารลูก น้ามดก็บอกให้อดทนนะลูกนะ ลูกก็บอกว่าครับ เขาก็บอกว่าทีหลังให้จำไว้อย่าไปเชื่อคนง่าย ลูกก็ให้กำลังใจ แต่ไม่เคยบ่น มีแต่พูดให้เรามีสติ จะทำอะไรให้คิดก่อน ถ้าหมดหนี้จะได้มีเงินเก็บไว้ให้น้องอีก 2 คนเรียนหนังสือ เพราะน้องต้อมอยากได้รถไว้วิ่งขายของตามหมู่บ้าน ให้แม่ขายที่ตลาด รอให้ใช้หนี้หมดก็คงทำได้เพราะขายของทุกวันน่าจะเก็บเงินได้ ก็บอกให้เขารอก่อน ลูกชายอีก 2 คนก็ช่วยเหมือนกัน ตอนเช้ามาช่วยขายของแล้วก็ไปโรงเรียน ช่วยทุกอย่างที่แม่ใช้ ล้างถ้วยก๋วยเตี๋ยว วิ่งขายของทุกคน ตัวเล็กก็บ่นเพราะยังเด็ก แต่พอแม่ว่าก็ทำเหมือนเดิม”
“ชีวิตตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลย หนี้สินเจ้าที่ใช้หมดไปแล้วก็มี ยังไม่หมดก็มี แต่สบายกว่าเก่าเยอะ มีเงินมาใช้หนี้เพราะทำมาหากินช่วยกันกับลูกๆ ตอนนี้หนี้สินเบาบางไปเป็นครึ่งแล้ว หนี้นอกระบบน้ามดหาใช้เขาทุกวัน จากวันละสองพันกว่าบาท ตอนนี้เหลือวันละพันสอง ชีวิตตอนนี้ดีขึ้นครึ่งนึงแล้ว บ้านน้ามดเปียแชร์มา 1 แสน น้ามดเก็บไว้ทำทุน 3 หมื่น เหลือ 7 หมื่นน้ามดก็เอาไปใช้หนี้บ้าน บ้านเหลืออยู่ 1.7 แสน เจ้าหนี้จะมาเก็บดอกทุกวัน วันไหนแกไม่ว่างน้ามดก็จะเอาไปให้เอง”
“เวลาเหนื่อยน้ามดก็จะนึกว่าต้องดิ้นหนี้ให้หมด จะได้อยู่สบายๆ แล้วก็บอกตัวเองให้มีสติ ใครมาพูดอะไรก็อย่าเชื่อง่าย คนมายืมตังค์ก็ดูหน่อย แต่ก็อดไม่ได้น้ามดเป็นคนใจอ่อน น้ามดก็มีลูกหนี้เหมือนกัน ยืมน้ามดไปแสนนึงไม่ได้คืนสักบาท ตอนนั้นเปียแชร์มาให้นาธานแสนนึง ให้เพื่อนที่เขาขายไข่หงส์อีกแสนนึง คนนี้เป็นเพื่อนรักกันเลย ไปตามที่บ้านก็หลบ ขนมไข่หงส์เขาไม่ได้ทิ้งสูตรไว้ให้นะ น้ามดคิดสูตรขึ้นมาเอง ของเขาจะทำนิ่มๆ แต่น้ามดจะทำกรอบๆ ไม่รู้เป็นกรรมอะไร ก่อนหน้านี้ก็ไปประกันทองให้เขา เขามาขอให้ช่วยลูกเรียนแล้วไม่มีเงิน น้ามดก็ไปค้ำทองให้ 2 บาท จ่ายยังไม่หมดพอมันหนีน้ามดก็ต้องใช้หนี้วันละ 480 จนตอนนี้หลุดแล้ว รวมแล้วน้ามดใช้หนี้ทองให้มันหมื่นกว่าบาท”
“โดน 2 เด้ง เจ็บๆ เลย เป็นเพื่อนรักกันมาเป็นสิบๆ ปี แต่น้ามดไม่มีหลักฐานเหมือนนาธานนั่นแหละ แต่มีคนเห็นวันที่น้ามดเปียแชร์มาก็เอาเงินแสนให้เขา แม่ค้าที่ตลาดก็เห็นยังถามเลย ไม่นึกไม่ฝันว่าจะทำแบบนี้ น้ามดช่วยเหลือทุกอย่าง วันไหนไม่มีเงินยังให้มากินก๋วยเตี๋ยวฟรี ให้กินทั้งแม่ทั้งลูก ตามไปถึงบ้านก็ไม่ออกมาเจอ แต่น้ามดไม่ได้แจ้งความนะ คงเป็นเวรเป็นกรรมของน้ามด ตอนนี้สบายใจขึ้นว่าไม่ต้องจ่ายดอกเยอะเหมือนเดิม ส่วยนาธานก็เป็นเวรกรรมของเขา ให้โอกาสทองเขาแล้วแต่ไม่เอาเอง มาอยู่ที่นี่น้ามดให้อยู่ให้กินยังกับเทวดา แต่เขาทำตัวเอง ช่วยจนตัวเองไม่มีบ้านจะอยู่”
ที่แสบไปกว่านั้น น้ามดเผยว่า วันที่เจอนาธานที่ศาล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นอกจากนาธานจะไม่ยอมหันมาทักทายสักคำแล้ว ยังเชิดใส่เหมือนไม่เคยรู้จักกัน แต่สุดท้ายพอศาลสั่งฟ้องแล้วไม่มีใครโผล่มาประกันก็ทำเป็นตีมึนโทรไปขอให้ญาติครูแหม่มมาช่วยประกันตัวให้ อ้างไม่เหลือใครแล้ว แต่ทุกคนประกาศตัดหางปล่อยวัดหมดเพราะเข็ดกับการช่วยเหลือนาธานแล้วโดนแว้งกัด
“วันที่เจอเขาที่ศาลใจเต้นตุ๊บๆ เหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก แต่ก็ต้องระงับใจไว้ ท่องพุทธโธๆ ใจก็หายเต้น เขาก็ไม่ทักน้ามดนะ เดินเชิดหน้าเหมือนไม่เห็นเรา วันนั้นเขาให้ไปนั่งในห้องประกันตัว แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ขึ้นไปห้องไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคดีนี้มันไกล่เกลี่ยกันได้ ไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่นาธานไม่ยอม เพราะจะไม่ยอมชดใช้ เขาบอกไม่ได้เอาไม่ได้ทำ นาธานเขาพูดขึ้นมาลอยๆ ว่าก็ถามเขาสิเขาเป็นญาติกัน(หมายถึงน้ามดกับครูแหม่ม) น้ามดเลยบอกว่าญาติก็จริง แต่เงินทุกบาทใส่มือให้นาธานหมด ถ้าครูแหม่มโกงน้ามดจริงแกจะไม่พาน้ามดไปออกสื่อหรอก ครูแหม่มคงไม่ออกมาเต้นแร้งเต้นกาแบบนี้หรอก นาธานนั่นแหละที่มาหลอกลวงน้ามด วางแผนทุกอย่างซะแนบเนียนเลย”
“ตอนอยู่ในห้องไกล่เกลี่ยเขาบอกว่าตอนนี้อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีอะไรแล้ว เขาไม่ขอไกล่เกลี่ย จะขอให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล เขาไม่ยอมรับ เขายังเชิดหน้าใส่ครูแหม่มเลย บอกว่าสร้างบ้านให้อยู่อย่างอลังการเดินออกมาแม้แต่หินก้อนเดียวก็ไม่ได้เอาออกมา เขาพูดแบบนี้ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่ายังรักและเคารพน้ามดเหมือนเดิมแต่ไม่มองหน้าเรา ครูแหม่มมันก็ไม่ทัก”
“ตอนแรกคิดว่าน่าจะมีคนมาประกันเขานะ ตอนแรกมีคนเดินตามเขามาคนนึง ใส่กางเกงทหารหอบเอกสารมาด้วย แล้วเขาก็มานั่งข้างน้ามด เขาคงไม่รู้ว่าน้ามดเป็นคู่กรณีนาธาน แล้วเขาก็บอกว่านาธานนิสัยดีนะ พูดเพราะ น้ามดก็นึกในใจคงยังไม่เจอของจริง(ยิ้ม) เขาบอกว่าผู้ใหญ่ส่งมาเทคแคร์นาธาน แต่เรื่องเป็นมายังไงเขาบอกเขาไม่รู้ แต่ผู้ใหญ่ส่งมาก็เลยมา แล้วแกก็เดินออกไปไหนไม่รู้ ก็ไม่เห็นอีกเลย จนน้ามดออกจากศาลถึงเห็นแกนั่งอยู่กับพวกนายประกันข้างหน้าศาลอีก 2 คนเป็นผู้หญิง แล้วก็ถามหานาธานกับน้ามด บอกว่าจะมาประกันตัวนาธาน แต่เห็นคุยกันแล้วอยู่ดีๆ ก็บอกว่าไม่ประกันแล้วกลัวมันหนี”
“พอรู้ว่าติดคุกน้ามดก็เฉยๆ นะ เพราะมันทำตัวของมันเอง โอกาสทองมาถึงแล้วมันทำตัวของมันเอง ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ต้องไปอยู่ในคุก จะประสานรอยร้าวมันก็ไม่ได้แล้วเพราะมันเกินเยียวยาแล้ว ศาลก็ถามน้ามดว่าต้องการอะไร น้ามดก็บอกว่าต้องการเงินคืนแล้วจะจบทุกอย่าง แต่เขาบอกว่าไม่มีเงินหรอก มาคนเดียวไม่เหลือใครแล้ว หน้าก็ไม่ได้เศร้าก็เชิดหน้าเหมือนเดิม น้ามดไม่ได้มองเต็มตาเพราะไม่อยากมอง ทั้งรังเกียจทั้งโมโห เมื่อก่อนพูดถึงก็น้ำตาร่วงแต่ตอนนี้เฉยๆ ตอนนี้เป็นกรรมของมัน มันทำชั่วมันก็ต้องเข้าคุก”
“วันนั้นมันโทรหาเพื่อนครูแหม่ม บอกว่าพ่อมาประกันหน่อยเขาไปกันหมดแล้ว ผมไม่มีใคร แกก็บอกว่าไม่ว่างอยู่ขอนแก่น แกก็เลี่ยงไง แล้วก็โทรหาญาติครูแหม่มอีกคนที่บ้านอยู่ข้างกันนั่นแหละ แต่เขาก็ไม่เอา แล้วมันก็โทรหาป้างาม แต่ป้างามไม่ไปแกก็บอกว่ามึงทำตัวของมึงเอง ก็ช่างมึง แล้วก็บอกว่ามีกะเทยเชียงคานโทรไปที่ศาลจะไปช่วยประกันตัวให้ แต่สืบๆ ดูก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไป แต่คนที่มาจากพัทยาที่บอกว่านาธานไปทำงานด้วย เห็นครูแหม่มบอกว่ามาทำบุญที่ภูเรืออาจจะเลยมาเยี่ยม แต่ไม่รู้มาช่วยหรือเปล่า เห็นบอกเป็นผู้ชาย แต่น้ามดไม่เคยเจอเขานะ แล้วก็ได้ยินว่าพ่อเขาจะมาประกัน แต่ไม่รู้นะเพราะน้ามดก็ดูจากข่าวเหมือนกัน พวกกะเทยก็สืบดูอยู่ว่าเป็นใคร เพราะถ้าเป็นคนที่เคยมาหาน้ามดที่บ้าน(กะเทยคนที่นาธานเคยบอกจะแต่งงานด้วยและเคยมาเจรจาต่อรองกับน้ามดเรื่องหนี้สินนาธานที่บ้าน)คนนั้นเขาก็ไม่มีเงินขนาดนั้น”
“ได้ยินข่าวว่าตอนนี้เขาก็ตัดผมทรงนักโทษ แล้วใส่ชุดนักโทษอยู่ในคุก (ในฐานะที่น้ามดใกล้ชิดกับนาธานมาเห็นมาตลอดว่าเขาเป็นยังไง คิดว่าคนแบบนาธานจะอยู่ในคุกได้มั้ย?) ถ้าถึงที่สุดถ้าไม่มีทางดิ้นมันก็ต้องทน ถ้ามันมีทางดิ้นที่ดีกว่านี้มันต้องดิ้น แต่นี่คงไม่มีใครเอาแล้วมั้ง ขนาดป้าแอ๊ะรักๆ ยังทิ้งเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นป้าแอ๊ะถึงไม่เอา รู้แต่ว่าพี่สาวเขามาจากเมืองนอก แม่ปุ๊กกี้ไง ไม่รู้ว่ากลัวพี่สาวหรือหมดตัวก็ไม่รู้ เห็นบอกว่ารถที่น้ามดค้ำให้ก็เป็นของปุ๊กกี้แล้ว น้ามดก็หลุดไปอีกเปราะหนึ่งแล้ว แต่ตอนที่มันมาบอกว่ารถให้คนเช่าที่พัทยา แต่ข่าวบอกว่าแม่ปุ๊กกี้ไปยึดเอาแล้ว วันนั้นมาก็ไม่เห็นรถแล้วนะ”
รู้สึกยังไงที่นาธานเที่ยวไปพูดกับคนอื่นว่า น้ามดมีความสัมพันธ์กับเขาเชิงชู้สาว เงินที่หยิบยื่นให้ก็เพราะความพิศวาสไม่ใช่การโกง?
“ไม่ใช่หรอก ให้เพราะความสงสารคิดเหมือนลูกเหมือนหลาน มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก น้ามดคิดเป็นลูกเป็นหลาน เห็นหนีร้อนมาพึ่งเย็น ครูแหม่มก็มาฝากบอกว่าลูกมันถูกใส่ร้ายมา ถ้ารักแหม่มให้รักหลานด้วย น้ามดก็บ้านนอกก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง มันคงจะพูดทุกอย่างที่คิดว่าจะเอาตัวรอด ถ้ามันจะมีความสัมพันธ์กับน้ามดมันมีกับน้าแอ๊ะไม่ดีกว่าเหรอ น้าแอ๊ะให้ได้ทุกอย่าง แต่น้ามดเป็นคนบ้านนอกคงไม่มีอะไรให้ ก็อย่างที่รู้ๆ แหละมันกัดทุกที่ กันไม่เลือก มันไม่มีทางสู้แล้วมันก็ต้องกัด จับมันมาสาบานเลย ลูกทุกคำ เหมือนพ่อแม่เป็นห่วงลูก สงสารเวลาเห็นนั่งเหงาๆ ก็จะให้เงินใช้ จนน้องต้อมน้อยใจ”
“มันพูดแบบนั้นมันก็ผีบ้าแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ความจริงก็คือความจริงมันรู้อยู่แก่ใจ รักเหมือนลูกเหมือนหลานยังมาแว้งกัด มันก็สัตว์เดรัจฉานแล้ว อีมอมอยู่บ้านเรียกมันยังกระดิกหาง คนมามันยังเห่า เลี้ยงนาธานแล้วแว้งกัดขี้รดบนหลังคา จุดจบมันไม่เจริญหรอก อยู่ข้างในคงจะมีนักโทษหล่อๆ น่ะสิ(หัวเราะ) ไม่อยากไปเยี่ยมไม่อยากเห็นหน้า แต่ก่อนยังนึกสงสารแต่ตอนนี้เกลียดแล้ว ให้รับกรรมของมันเอง จริงๆ มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ดี มันจะได้ไม่มีปลิงมาดูดน้ามด ไม่อย่างนั้นคงต้องเลี้ยงมันจนตาย เกิดเรื่องแบบนี้จะได้จบ ทีนี้จะได้เก็บเงินให้ลูกเรียน ดีแล้วที่มันออกไปจากชีวิต ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นขี้ข้าเลี้ยงดูปูเสื่อให้มันไปจนวันตาย”
“ตอนนี้คำพูดของเขาเชื่อถือไม่ได้เลย ถูกคนนี้กัดก็หาว่าคนโน้นวางแผนให้ ถูกคนโน้นกัดก็หาว่าคนนี้วางแผนให้ มันถูกอยู่คนเดียว คนอื่นเป็นขี้หมด จุดจบคงไม่สวยงามหรอก เพราะเขาทำชั่วเหลือเกิน หลอกไปทุกที่ มันไม่เคยมีความจริงใจให้ใครเลย ถ้ามีเงินใช้หนี้ก็คงจบ แต่ถ้าไม่มีจุดจบคงไม่พ้นคุกหรอก น้ามดเคยถามทนายว่าถ้ามันติดคุกจะได้เงินคืนมั้ย ทนายบอกว่าต้องยึดทรัพย์ แต่ไม่รู้มันจะมีทรัพย์ที่ไหนให้ยึด”
“ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับคำขอโทษจากเขาเลย ไม่เคยเลย ถ้ามันออกมาบอกว่าผิดไปแล้ว จะหาเงินมาใช้หนี้ให้ก็คือจบ น้ามดไม่เอาเรื่องเลย เขาบอกว่าไม่ได้สนิทกับน้ามดขนาดที่จะมายืมเงินขนาดนั้น ตอนนี้น้ามดเข้มแข็งขึ้นเยอะ เมื่อก่อนพูดถึงเขาน้ำตาไหลสงสาร ตอนนี้ไม่แล้ว มันสายเกินไปแล้ว ถึงขอโทษก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ตอนนี้ให้อภัยมันไม่ได้แล้ว คำขอโทษสักคำมันยังไม่มีเลย อยากให้มันเป็นคนดี ออกจากคุกมาแล้วอย่าไปหลอกลวงคนอีกแค่นั้นแหละ”
ทั้งนี้แหล่งข่าววงในยังได้เผยกับทีมข่าว “บันเทิงASTVผู้จัดการออนไลน์” ว่า ในวันที่นาธานถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำจังหวัดเลยวันแรก เจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีวิตกกังวลหรือเครียดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยังกล่าวทักทายคนโน้นคนนี้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้รู้สึกสลดกับการที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกในฐานะนักโทษเลยแม้แต่น้อย พร้อมกันนี้แหล่งข่าวคนเดินยังบอกอีกว่า นาธานสามารถเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้บางคนจะไม่ทราบว่านาธานเคยโด่งดังเป็นนักร้องมาก่อน แต่ทุกคนก็ค่อนข้างฮือฮา และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากเจ้าตัวจะหน้าตาดีแล้วนิสัยยังเป็นกันเอง เรียกว่าตอนนี้นาธานได้กลายเป็นที่รักของผู้ต้องขังด้วยกัน ทั้งที่เพิ่งจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้ไม่ถึงเดือน