xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ผิดหวัง"เอริค แคลปตัน"จัดเต็มโชว์พลิ้วสมฉายากีตาร์เทพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"Clapton is God" คำจำกัดความสั้นๆที่บ่งบอกได้ดีถึงความสามารถด้านการเล่นกีตาร์ของ "เอริค แคลปตัน" นั้นดูจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถพรากฉายานี้ไปจากเขาได้เลย

หลังจากที่ปล่อยผลงาน"Clapton"อัลบั้มเต็มลำดับที่ 20 ออกมา "เอริค แคลปตัน" มือกีตาร์ระดับตำนานก็เดินสายออกแสดงคอนเสิร์ตของตนเองไปทั่วโลกอีกครั้งเพื่อให้แฟนๆที่สดุดีต่อฝีมือของเขาได้ยลลีลาพลิ้วไหวของ มิสเตอร์ Slowhand คนนี้

ส่วนใครที่เคยได้ยินได้ฟังผลงานการร่ายกีต้าร์ของเขาในซีดีเพลงเมื่อได้มาฟังไลฟ์คอนเสิร์ตสดๆ ก็ถือว่าเป็นบุญหูยิ่งนัก จึงไม่แปลกใจที่เราได้เห็นคนหลากหลายวัยที่ชื่นชอบในผลงานรวมถึงนักดนตรีมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่น หรือเด็กที่เพิ่งหัดเล่นกีตาร์และชื่นชมในฝีมือก็มาร่วมชมคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างคับคั่งจนเต็มฮอลล์

การมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครั้งที่ 3 ของ เอริค แคลปตัน หนุ่มใหญ่วัย 65 ปี อาจจะเห็นชัดว่าเขาดูร่วงโรยกว่าเมื่อครั้งมาแสดงคอนเสิร์ตครั้งก่อนเป็นอย่างมาก แต่ถ้าพูดถึงฝีไม้ลายมือนั้นคงต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้ยิ่งแก่ยิ่งเก๋าเอาการเลยทีเดียว เพราะการแสดงที่จัดขึ้นไปเมื่อวานนี้ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี เอริค ขึ้นโชว์แบบเต็มสตีมเน้นให้แฟนๆได้เห็นลีลาและได้ฟังสำเนียงกีตาร์ของเขาโดยเฉพาะแบบไร้เงามือกีตาร์รายอื่น โดยมีลูกทีมคู่บุญอย่าง คริส สเตนน์ตัน ( คีย์บอร์ด) วิลลี วีคส์ ( เบส ) สตีฟ แกดด์ ( กลอง ) รับหน้าที่เป็นแบ็คอัพ และยังมีการดวลกันเล็กๆให้แฟนชาวไทยได้ชมถึงฝีมือของทิม คาร์มอน มือคีย์บอร์ดผิวสีที่แฟนๆผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเอริคในช่วงหลังๆน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี กับลีลาการบรรเลงคีย์บอร์ดแบบขยี้ได้ใจเสมือนเสียงเหล่านั้นเปล่งมาจากลำคอของเขาเอง

การแสดงครั้งนี้เอริค ยังคงพาเพลงที่คุ้นหูคนไทยและเคยแสดงเมื่อครั้งที่แล้วกลับมาโชว์ใหม่ถึง 6 เพลง พร้อมจัดทัพเพลงใหม่ๆมาโชว์รวมถึงบทเพลงจากอัลบั้มล่าสุดของเขาด้วย โดยเริ่มเปิดโชว์ครั้งนี้ด้วยเพลง Key To The Highway เพลงจากสมัย Derek and the Dominos แสนโด่งดังมาเรียกเสียงเฮจากแฟนพันธุ์แท้ดั้งเดิม ที่แน่นอนว่าการโซโลสไตล์บลูส์ ร็อกที่มีความละเมียดละไมขึ้นของเขาสามารถดึงดูดใจได้ตั้งแต่เริ่ม ก่อนที่ช่วงแรกจะผ่านไปด้วยเพลงจากหลากหลายยุคพิสูจน์ความเป็นแฟนพันธุ์แท้ทั้ง Going Down Slow , Hoochie Coochie, Old Love และงานสุดสนุกสไตล์เร็กเก้กับ I Shot The Sheriff ผลงานเพลงของบ็อบ มาร์เลย์ ที่เอริคนำมาคัฟเวอร์ใหม่จนติดอันดับ 1 บิลบอร์ดหลายสมัยก็ถูกนำมาเล่นให้แฟนๆได้ขยับตัวโยกกันบ้างพอหอมปากหอมคอ

และตามสไตล์ของมือกีตาร์ผู้ช่ำชองทั้งกีตาร์ไฟฟ้าและอะคูสติก เอริค ก็ขอพักเบรกด้วยการหยิบเอากีตาร์อะคูสติกมาดีดโชว์แบบ Unplugged พอหวานๆในเพลง Driftin' Blues และเพลงความหมายดีๆเตือนใจอย่าง Nobody Knows You When You're Down And Out รวมทั้ง Same Old Blues ก่อนจะพาไปรู้จักกับผลงานเพลงใหม่ในอัลบั้มล่าสุด "Clapton" ทั้ง River Runs Deep, Rocking Chair และ When Somebody Think You’re Wonderful และปิดท้ายการนั่งดีดกีตาร์โชว์นี้ด้วยการใช้ Gibson ES 335 มาโซโล่บรรเลงนิ้วแบบนุ่มๆบนคอร์ดกีตาร์ในเพลง Layla และเปล่งสำเนียงเสียงร้องที่ให้อารมณ์ความเป็นบลูส์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยมีแฟนๆส่งเสียงเฮและช่วยปรบมือตามจังหวะช่วยให้บรรยากาศกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ลุกมาหยิบกีตาร์ไฟฟ้าตัวโปรดเฟนเดอร์ สตราโตคาสเตอร์สีฟ้าอีกครั้งเพื่อเล่นเพลง Badge สมัยวง Cream ที่พอหลับตาฟังอาจพาให้ใครหลายๆคนไม่นึกว่าเอริคจะผ่านยุคที่เล่นเพลงนี้แรกๆมาแล้วถึงกว่า 4 ทศวรรษ ความอบอวลของกลิ่นไอเพลงบลูส์ยังคงปะทุอย่างต่อเนื่องเมื่อเขาพาผลงานเพลง Little Queen Of Spades เพลงที่คัฟเวอร์มาจากผลงานของ โรเบิร์ต จอห์นสัน ศิลปินเพลงบลูส์ที่มีอิทธิพลต่อเอริคมากที่สุดกลับมาให้แฟนเพลงได้ฟังอีกครั้งหลังจากที่เคยโชว์ไปแล้วเมื่อมาเปิดการแสดงครั้งก่อน ก่อนจะตามมาด้วยเพลง Before You Accuse Me
 
ด้านเพลงรักสุดโรแมนติกที่หลายๆคนรอคอยมาตลอดค่ำคืนอย่าง Wonderful Tonight ก็ไม่พลาดที่จะนำมาแสดงเช่นกันซึ่งพียงแค่อินโทรลเพลงนี้ขึ้นก็เรียกเสียงฮือก่อนจะพากันร้องเพลงนี้คลอไปพร้อมกับกีตาร์เสียงหวานจากเอริค และปิดท้ายด้วยเพลง Cocaine เพลงสุดฮิตจากอัลบั้ม Slowhand เพลงคุ้นหูและเป็นที่ชื่นชอบจนทำให้หลายๆคนลุกขึ้นยืนเต้นและโยกพร้อมร้องไปอย่างสุดมันกับขวัญใจของพวกเขา ก่อนที่เขาจะกล่าว"ขอบคุณ"และลงจากเวทีไป

ด้านคนดูที่กำลังเพลินๆกับคอนเสิร์ตก็ต่าง standing ovation ลุกขึ้นปรบมือไม่ยอมที่จะลากลับบ้านกันได้ง่ายๆ ส่งเสียงอังกอร์เรียกให้เขากลับมาแสดงบนเวทีอีกครั้งและเทพกีตาร์ก็ไม่ปล่อยให้สาวกรอนานขออำลาแฟนๆส่งท้ายกลับบ้านจริงๆด้วยเพลง Further On Up The Road ผลงานชื่อดังของ Bobby "Blue" Bland ที่เขาเอามาทำใหม่ลงอัลบั้ม E. C. Was Here เมื่อปี 1976

แม้ว่าตลอดการแสดงครั้งนี้เอริค แคลปตัน ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆต่อแฟนๆ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาดีดกีตาร์และร้องเพลง ก่อนจะกล่าวเพียงสั้นๆว่า "ขอบคุณ" ในแต่ละช่วงที่ต้องพักเปลี่ยนกีตาร์ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ลักษณะของศิลปินส่วนใหญ่ที่ควรมีการเอนเตอร์เทนคนดูด้วยการกล่าวทักทายและพูดคุยบ้างเป็นบางระยะ แต่สำหรับเทพกีตาร์รายนี้การเอนเตอร์เทนของเขาคือการเล่นกีตาร์ออกมาอย่างดีที่สุดและให้คนฟังมีส่วนร่วมไปกับอารมณ์เพลงให้ได้มากที่สุด ที่ทำให้อยากบอกเหลือเกินว่าแม้ว่าเขาจะไม่เอื้อนเอื่อยอะไรออกมาสักคำเดียวแต่ให้เรานั่งฟังเขาเล่นกีตาร์ตลอดหลายๆชม.ติดกันก็คงไม่ทำให้รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด

การแสดงสดของเอริค แคลปตันนี้นอกจากจะเผยให้เห็นความเป็นมืออาชีพที่ไม่ต้องมายืนจูนเสียงกีตาร์ให้เสียอารมณ์แล้ว เรายังสามารถสัมผัสได้ถึงฝีมืออันโดดเด่นเหนือชั้นแบบไร้ที่ติ ทั้งการโซโล หรือการอิมโพรไวส์ที่ยังคงไว้ซึ่งความสะอาดสะอ้านระรื่นละเลียดหูแบบกลมกล่อม ได้อารมณ์เปี่ยมคุณภาพเสมือนดนตรีที่ถูกบันทึกในแบบฉบับที่มีการตัดต่อกลั่นกรองในหลายกระบวนการเรียบร้อยแล้ว และความสมบูรณ์แบบเช่นนี้เองที่ทำให้ยากจะเชื่อว่านี่คือการเล่นสดๆไม่ใช่มาจากเครื่องบันทึกเสียง จึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนต่างเรียกมือที่ดีดเส้นสาย 6 เส้นนั้นของเอริค แคลปตัน ว่าเป็นหัตถ์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง













เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก






กำลังโหลดความคิดเห็น