วันนี้ … พิ้งกี้มีหลุมหลบภัยใหม่อยู่ที่ใจกลางเมืองนครปฐม !! เดือนละครั้งที่ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช จะเดินทางไปพำนักอยู่ที่นั่น … ชายไทยสูงวัยในเครื่องแบบไม่ทราบชื่อ รูปร่างสันทัดคนนี้คือใคร !? ญาติผู้ใหญ่ หรือ ผู้รู้ใจคนใหม่ที่เข้ามาเพื่อบอกกับสังคมว่า เธอเปลี่ยนสถานภาพการคบหากับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลไปแล้ว ในวัยเบญจเพสของพิ้งกี้คงจะประจักษ์แล้วว่า หากจะสิ้นเคราะห์กรรม ชีวิตเธออาจจะต้อง “เลือก” ทั้ง “งาน” และ “ผู้ชาย” ที่จะนั่งในหัวใจ
ใคร - หลบภัย - ที่ไหน !?
แม้วันนี้จะยังสืบไม่แน่ชัดว่า ชายไทยสูงวัยในระดับ “นายพัน” ผู้นี้คือใคร สังกัดอยู่ที่กรม กองไหน !? ทว่า เริ่มมีผู้คนละแวกนั้นเห็นเธอบ่อยครั้งและถี่ จนอดรนทนไม่ได้ ตามประสาคนอยากรู้เรื่องชาวบ้าน !! แม้จะมีผู้คนเสแสร้งทำเป็นแฟนคลับเข้าไปแสดงอาการ “กรี๊ดๆ” ให้ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดชตายใจ พร้อมกับไถ่ถามว่ามุ่งเดินทางจากกรุงเทพฯมายังใจกลางเมืองนครปฐมเพื่อการใด !? คำตอบที่ทุกคนได้รับเหมือนกันหลายครั้ง หลายคราวคือ มาเยี่ยมหลาน !!?
ไม่ยักจะรู้ว่า “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช คนนี้จะมีหลานอยู่ต่างถิ่น … มันก็เป็นไปได้
แต่ที่สำคัญไม่มีใครเคยพบ “หน้าหลาน” ที่พิ้งกี้กล่าวอ้างถึง !! มีแต่ “หลานชายสูงวัย” ที่พิ้งกี้ให้ความสนิทสนมด้วย อายุอานามของชายคนนี้มากกว่า “พิ้งกี้” นับสิบปีเลยทีเดียว
หรือจะเป็น “พ่อของหลาน” !?
ไม่เคยมีใครประสบพบเห็นพิ้งกี้ลากจูงหลานชายวัยละอ่อนแม้แต่ครั้งเดียว ความคลางแคลงสงสัยนี้จึงเกิดขึ้นอีกจนต้องมีการนำสืบต่อไปว่า ถ้าเป็นหลานชายสูงวัยที่เคยมีคนพบเห็น ผู้นี้เป็นใคร !?
แม้จะไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามอย่างเป็นทางการ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ …
ชายในเครื่องแบบผู้นี้มีเสียงร่ำลือว่าเป็น “นายพัน” มีอายุอานามสูงวัยกว่า “พิ้งกี้” รูปร่างสันทัด เป็นเจ้าของห้องพักภายใน ไดอารี สวีท อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยทรงพล 8 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม
ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มีความสำคัญต่อ “พิ้งกี้” ในฐานะใด !!
หลานชาย - ญาติผู้ใหญ่ หรือว่า ….. !!?
หลังเหตุการณ์ “คลิปเสียงลวงสังหาร” ที่ต่างฝ่าย ต่างเลือกที่จะยืนในมุมของ “ตนเอง” เหมือนว่าทุกเรื่องราวที่ผ่านมานั้นไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ … ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ นอกจากการเดินทางไปต่างประเทศของพิ้งกี้แล้ว หากครั้งคราวใดที่เธออยู่เมืองไทย นั่นหมายความว่า นอกจากบ้านพักที่กรุงเทพฯ แล้ว เธอมักจะไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ - นครปฐมอยู่เป็นประจำ เพราะชั่วโมงการเดินทางแค่ “อึดใจเดียว” ก็ถึงจุดหมายแล้ว ในแต่ละครั้งพิ้งกี้จะใช้เวลาอยู่กับ “หลาน” ตามที่เธอกล่าวอ้าง 3 วันบ้าง 5 วันบ้าง 7 วันก็เคยปรากฏ จนหลายคนคิดว่า อพาร์ตเมนต์ชานเมืองแห่งนี้คงจะเป็นที่หลบ กบดานแห่งใหม่สำหรับเธอ … พิ้งกี้ นางเอกที่เต็มไปด้วยเรื่องที่ผู้สื่อข่าวกำลังจับตามอง
นับแต่นี้ ชีวิตเธอ “ต้องเลือก”
ต้องยอมรับว่า ระยะเวลาที่ผ่านมานั้น “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างหนักหน่วงมากที่สุดกับเรื่องต่างๆ ที่มิเพียงแต่ “ข้อกล่าวหา” เท่านั้น สิ่งที่เราประจักษ์ชัดมากที่สุดคือ กรณีที่เธอ( เคย) เป็นมือที่ 3 ของครอบครัว “เองตระกูล” จน (อาจจะ) ทำให้ชีวิตครอบครัวของสัณชัยและธัญญาเรศ เองตระกูลพังครืน ในกรณีที่ไม่สามารถเคลียร์กันได้ !!
แม้ว่าในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ พิ้งกี้ และสรินยา ไชยเดช ผู้เป็นแม่จะมิได้เอ่ยถึงเรื่องราวแต่หนหลังอย่างประจันหน้าเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้ เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของเรื่องราวดังกล่าว … แม้จะเงียบไม่กล่าวถึง แต่คนก็ยังไม่แน่ใจที่มีการกล่าวอ้างว่าเปลี่ยนสถานภาพการคบหาไปแล้ว
และถ้ามีการต่อเรื่องราวทั้งหมดของ “สัณชัย - ธัญญ่า และพิ้งกี้” สิ่งที่เราพบเห็นและไม่น่าจะผิดไปจากนี้คือ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล หวังจะผูกร้อย “พิ้งกี้” เป็นตัวเป็นตน ซึ่งเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ธัญญาเรศ เองตระกูลยอมไม่ได้ และการผูกร้อยนั้นอยู่ภายใต้เงื่อนไข “พิ้งกี้ต้องออกจากวงการบันเทิง” เท่านั้น !!
เรื่องนี้ … เป็นเรื่องที่ “ครอบครัวไชยเดช” ต้องคิดหนักที่สุด ที่ “คิดหนัก” เพราะว่า เธอกับแม่มีความหวังและปรารถนาที่จะอยู่และทำงานในวงการนี้ เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้ตัวเอง โดยไม่ต้อง “พึ่งพาใคร” ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน
สมมติว่า ในอนาคตข้างหน้าชีวิตรักของธัญญ่ากับสัณชัยผันแปรไป แน่ใจหรือว่า พิ้งกี้จะยอมทิ้งวงการบันเทิงเพื่อมารับสถานภาพของ “แม่บ้าน” เพียงอย่างเดียว ดังนี้ … บางที เพื่อให้ความฝันที่อยากจะอยู่ในวงการของเธอยังคงอยู่ อาจจะต้อง “เลือก” !!
บางทีเรื่อง “หลานชายผู้สูงวัย” คนนี้อาจจะเป็น “ทางเลือก” ก็ได้ ถ้าชายไทยในเครื่องแบบไม่ทราบชื่อผู้นี้ยอมให้เธอทำงานและอยู่ในวงการ … ถ้าได้ทำงาน มีรายได้ และพึ่งพาคนอื่นน้อยลง ย่อมทำให้ “ค่าของคน” มีมากขึ้น
บางที งานนี้อาจจะถึงเวลาแล้วที่ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช อาจจะต้องเลือกเพื่ออนาคตในวงการบันเทิง
การที่สรินยา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ อยากให้ “เป๊ก - ธัญญ่า” ปรองดอง และเชื่อว่า หากทั้งคู่มีอันต้องจบชีวิตคู่ก็จะทำให้ลูกสาวของเธอเจอระเบิดอีกชุดใหญ่นั้น ความจริงแล้ว … ถ้ามองในมุมกลับแล้ว บางที …. การที่พิ้งกี้ (ถ้าจะ) มีผู้ชายคนใหม่อย่างเป็นทางการและเป็นตัวเป็นตน น่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้พิ้งกี้รอดจากคำครหาก็ได้
เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานั้น นอกจากกรณีเคานต์ดาวน์กันที่เชียงใหม่ของเป๊ก - พิ้งกี้ ที่ได้รับการปฏิเสธแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ทั้งคู่ยังลักลอบ “ต้มแซบ” กันอยู่
เพียงแต่ว่า เขาผู้นั้น จะเป็น “ตัวจริงประจำใจ” หรือว่า “แค่ตัวหลอกสายตาชาวบ้าน” เท่านั้นเอง
ถึงเวลา “นับหนึ่งใหม่” อีกครั้ง
ละครดรามาในชีวิตจริงเรื่อง “เธอกับแม่ของรักของเป๊ก” ที่ผ่านมานั้น นับเป็นบทเรียนครั้งสำคัญสำหรับชีวิตที่ทำให้เธอขยาด และเริ่มมองอะไรต่อมิอะไรอย่างที่มีการเชื่อมโยงในแบบองค์รวมมากขึ้น !! เพราะทุกเรื่องราวที่เป็นเรื่องส่วนตัวนั้น เข้ามาพัวพันและส่งผลต่องานเป็นอย่างมาก
ดังนั้น … ระยะเวลาที่ผ่านมา เธอจึงมีความพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ โดยไม่เข้าไปยุ่งและเกี่ยวข้องกับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล ในแง่ “ความสัมพันธ์พิเศษและข่าวคราว” อีกเลย ดังนั้น … เรื่อง “เป๊กกับพิ้งกี้” จึงถูกส่งต่อให้สรินยา ไชยเดช ผู้เป็นแม่ในการไขทุกข้อข้องใจแต่เพียงคนเดียว
วันนี้ … เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ช่อง 3 โดย “ทีวีซีน” ที่เคยจับเธอจรดปากกาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดถึง 3 ปีนั้น วันนี้ต้นสังกัด ขอคืนสัญญา ส่งผลให้เธอเป็นนักแสดงที่ไม่มีสังกัดอีกต่อไป สามารถทำงานให้แก่ทุกค่ายได้อย่างอิสระ
ว่าไปแล้ว ต่อให้ “พิ้งกี้” ยังคงอยู่ในสัญญาของ “ทีวีซีน” ก็จะยากในการทำงานเช่นเดียวกัน เพราะอะไรน่ะหรือ !!
หนึ่ง. ผู้จัดละครของช่อง 3 ส่วนใหญ่แล้ว รู้จักและคุ้นเคยกับธัญญาเรศ เองตระกูลมานาน ไว้เนื้อเชื่อใจและให้ความสนิทสนมตลอดจนเลือกที่จะอยู่ข้างธัญญ่า ส่งผลให้มีการร่วมมือกันไม่ “ต้อนรับ” พิ้งกี้ ในฐานะนักแสดง สอง. ในหมู่ผู้จัดกลุ่มหนึ่งของช่อง 3 ไม่ชอบวิธีการทำงานของ “ปิ่น” ณัฎฐนันท์ ฉวีวงษ์ที่เสนอละครโดยไม่ผ่านตามขั้นตอนของระบบเหมือนคนอื่นๆ กลับสายตรงผ่านไปยัง “อัมพร มาลีนนท์” ทั้งนี้ เพราะ บาร์โบส ฉวีวงษ์ (อดีตนักมวยชื่อดัง) พ่อของ “ปิ่น” ณัฎฐนันท์ (ชื่อเดิม มันฑนา ฉวีวงษ์ - นักมวยหญิง) กับ วิชัย มาลีนนท์ (พ่อนายประวิทย์ พี่ชายอัมพร ) ใช้ความสนิทสนมกันมาก่อน ถึงขนาดละครเรื่องเดียวกัน ผู้จัดคนอื่นเสนอไม่ผ่าน แต่เฮียปิ่นเสนอปุ๊บ ผ่านปั๊บ
เมื่อช่อง 3 คืนสัญญา ทำให้พิ้งกี้หลุดจากการเป็นนักแสดงทันที กระนั้นก็มีผู้หวังดีพยายามจะปล่อยข่าวว่าเธอจะกลับไปช่อง 7 สีอีกครั้ง ปรากฏว่าในงานเยี่ยมเยือน 7 สี “คุณแดง” สุรางค์ เปรมปรีดิ์พูดชัดเจน และตอกฝาโลงไปเรียบร้อยแล้ว
การที่ “พิ้งกี้” จะคุยโว ว่ามี “ค่ายโน้น - ค่ายนี้” ติดต่อมาหานั้นก็เพื่อเรียกกระแสให้แก่ตัวเองเท่านั้น ความจริงแล้ว … อาจจะมีคนคิดแตกต่างจากช่อง 3 และช่อง 7 สีก็เป็นได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ปัญหาทั้งหลายแหล่ที่โลดแล่นกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ของ “เรา 3 คน” ยังไม่ได้รับการเคลียร์คัตกํนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ดังนั้น จึงไม่แน่ชัดว่า บนสถานการณ์ที่ยังคลุมเครืออยู่จะไปในทิศทางใด
คนในวงการต่างก็รู้ และแม่เองก็ยอมรับว่า แม้สถานะจะถูกปรับเปลี่ยนไป แต่ในฐานะ “พี่น้อง” ก็ยังมีการคุยกันอยู่ตามประสาคนรู้จักที่ห่วงใยกัน !!
ดังนั้น …. วันนี้ และปีนี้ จะเป็นปีที่ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดชจะต้องเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองเสียที เลือกและตัดสินใจกับเรื่องเหล่านี้ … แน่นอน เธอต้องตัดสินใจให้ได้ว่า เธอจะยังอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปหรือไม่ เพราะคำตอบจากคำถามนี้จะต้องถูกนำไปเชื่อมกับเรื่องราวอื่นๆ เช่น หากวันข้างหน้า … ชีวิตรักของเป๊ก - ธัญญ่าผันแปรไป เธอจะตัดสินใจกับ “เป๊ก” สัณชัยอย่างไร !!
ถ้า “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล เป็นผู้กว้างขวางและทรงอิทธิพลในกรุงเทพฯ คนที่พิ้งกี้คบค้าอยู่นี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า เธอกำลังเบนเข็มชีวิตไปพึ่งพา “คนในกลุ่มมาเฟีย นครปฐม” อาจจะเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มก๊วนของนักการเมือง หรือกลุ่มธุรกิจบันเทิงที่นิยมชมชอบในเรื่อง “ดารา” เป็นพิเศษ บางที ณ เวลานี้ พิ้งกี้ อาจจะกำลังหาทางหนีทีไล่สำหรับชีวิตอยู่ก็เป็นได้
จับตาดูให้ดีทีเดียวเชียว
.......................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 69 วันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2554