“เป๊ก - ธัญญ่า” สมานฉันท์ - เคลียร์คัต !?

สัปดาห์นี้ … ธัญญาเรศ เองตระกูล บินกลับเมืองไทยเพื่อรับงานเพียงแค่สัปดาห์เดียวพร้อมแถลงข่าว จากนั้น … บินกลับอเมริกาและอยู่ยาว … ระยะเวลาที่ผ่านมา … ความหวานชื่นประสาพ่อ - แม่ - ลูก ยังมีให้เห็นเมื่อฝ่ายชาย “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลบินเป็นพักๆ เพื่อจุ๊บ จุ๊บ กับลูกเมีย ศึกรักที่เคยเดือดระอุเมื่อปีที่แล้วดูจะอ่อนแรงลงไปมาก เนื่องจากไม่มีเหตุให้ต้องเผชิญหน้า ต่างฝ่ายต่างเลือกที่จะยืนอยู่ในมุมของตัวเอง คู่กรณี “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช บินไปยังต่างประเทศเพื่อเรียนและทำงาน ธัญญาเรศปักฐานที่มั่นกับลูกสาว ลียาที่อเมริกา
หลากเรื่องราวของความยุ่งยากตลอดปีที่แล้ว … เกือบจะสิ้นสุดที่ “เป๊ก” สัณชัยตัดสินใจอุปสมบทเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ... แต่จำต้องเลื่อนเพราะ “เธอ” บินกลับไทยในช่วงนั้นพอดี แถมแม่ - ลูก “สรินยา - สาวิกา ไชยเดช” ยังให้สัมภาษณ์ครั้งใหม่ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ กับเรื่องดังกล่าวอีกต่างหาก!!?

น้ำฝน ส่งสัญญาณเตือน “ธัญญ่า”
ครั้งนี้ … “น้ำฝน” กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ ( กุลณัฐ ปรียะวัฒน์ / ณัฐยา ปรียะวัฒน์) เป็นคนเปิดประเด็นเรื่อง ธัญญ่าบินกลับเมืองไทย แทนที่จะเป็นเพื่อนซี้อย่าง พิตต้า ณ พัทลุง อย่างครั้งก่อนๆ น้ำฝนกับธัญญ่าสนิทสนมกันมานาน ส่วนหนึ่งเพราะผู้จัดการส่วนตัวของทั้งคู่ ( กอบสุข จารุจินดา - สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์) มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดีมาก่อน

“ธัญญ่าจะกลับเมืองไทยวันที่ 10 ม.ค นี้ เขากลับมาทำงานอะไรสักอย่าง แต่กลับมาแค่อาทิตย์เดียวก็กลับอเมริกาต่อ และน่าจะอยู่ยาวด้วย หลายคนคงรอว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับ สุดท้ายเขาก็คงกลับ เพียงแต่ไม่รู้จะอยู่นานเท่าไหร่แค่นั้นเอง ฝนว่าไม่มีอะไรต้องห่วงกับสิ่งที่ธัญญ่าต้องกลับมาเจอคำถามพวกนี้น่าจะผ่านไปได้ ฝนก็แค่บอกเขาว่าเวลาตอบอะไรไม่ต้องรีบ ใช้สติเยอะๆ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ”

วันนี้ … ทุกคนอยู่เมืองไทย
หลังจากออกโรงแจ้งความและพยายามเคลียร์เรื่อง “คลิปเสียง” ด้วยการเข้าแจ้งความแล้ว … ทุกสิ่งทุกอย่างโดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ของ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ในฐานะที่เคยเป็นมือที่ 3 ระหว่าง “เป๊ก” สัณชัย กับ “ธัญญ่า” ธัญญาเรศ เองตระกูล ก็พลอยเงียบลงไปด้วย เนื่องจากทั้ง 3 ฝ่ายถูกแยกกันไปอยู่ในมุมของตัวเอง

ปรากฏการณ์นี้แหละที่สรินยา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้บอกว่า “หยุดพัฒนาแล้ว” … จริงหรือ !?
แม้เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจะมีข่าวทะเลาะกันอย่างรุนแรงจน “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล บินกลับเมืองไทย แต่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นได้ที่แล้ว ก็มีการโทร.หา โดยเฉพาะพ่อเป๊กที่ทนคิดถึงลูกไม่ไหว ถึงขนาดโทร.คุยกันแทบทุกวันวันละครั้งเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ เมื่อสถานการณ์ลงตัวมากขึ้น “เป๊ก” ได้พาตัวเองไปเยี่ยมลูกที่อเมริกา

ปลายปีที่แล้ว … เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2553 “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูลกำหนดขึ้นให้เป็น “งานบวช” ของตัวเองอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้บอกใครให้เป็นที่เอิกเกริกมากนัก สุดท้าย … วันดังกล่าวถูกยกเลิก !!! แม้ว่าจะไม่ได้ชี้แจงบอกกล่าวใครเกี่ยวกับสาเหตุที่ชัดเจน แต่เป็นจังหวะที่ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช กลับจากอินเดีย หลังจากที่ “พิ้งกี้” ตัดสินใจทิ้งเรื่องราวเงียบหายไปต่างประเทศเกือบ 2 เดือน !?
“พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช กลับเมืองไทยเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553 โดยปราฏตัวในงาน “CAT Internet Ultima Screens by Esplanade Cineplex Ngamwongwan-Khaeral” เป็นครั้งแรก และเปิดเผยด้วยฉายา “สาหรีลี้รัก” ที่สมาคมนักข่าวบันเทิงตั้งให้ !! แม้แต่งานล่าสุด ซึ่ง “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดชไปเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ให้กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Brite Up ก็ยังสงบปาก สงบคำ เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องในอดีต !! บอกแค่ว่า

“กับพี่เป๊กไม่เจอกันค่ะ ถามว่าติดต่ออยู่ไหม (อ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนตอบว่า) ไม่อยากพูดถึงคนอื่น พูดมาหลายปีแล้ว อยากจะพูดสิ่งใหม่ๆมากกว่า”

เมียหลวงยอมรับมี “ลวง” บ้าง
ฉายา “เมียหลวงลวงสังหาร” จาก สมาคมนักข่าวบันเทิง ในงานแถลงข่าวงาน Welcome To Paris Grand Opening Catier Diet ที่โรงแรมราม่าการ์เด้น ถ.วิภาวดี เจ้าตัวยอมรับ “มีลวงบ้าง” !! เพราะว่าเป็นเมียหลวง ฟังถ้อยความสนทนาทั้งหมดแล้ว คาดว่า เรื่องราวยุ่งๆของ 3 คนผัวเมียยังไม่น่าจะจบโดยง่าย โดยธัญญ่าบอกว่า ถ้าจะให้อยู่กันแบบ 3 คน ตนพร้อมจะถอย เพราะไม่อยากรับ
สถานภาพของเมียหลวง หลายวันที่กลับมา ยังไม่ได้พบปะ พูดคุยกับเป๊กแบบตัวต่อตัว หากแต่มีการคุยกันผ่านบีบีเท่านั้น และวันที่ 16 มกราคม เป๊กจะเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวพร้อมกับตน เธอหวังว่า วันที่ 16 ที่จะถึงนี้จะมีคำตอบสุดท้ายสำหรับชีวิตคู่ และสำหรับเธอมีคำตอบในใจไว้แล้ว !?
ฉันเปล่านะ เขามาเอง
ในช่วงเวลานี้ ช่างเหมาะเจาะ และคล้องจองกันซะเหลือเกิน เพราะบนแผงหนังสือ นิตยสาร Lisa ปีที่ 12 เล่มที่ 1 ประจำวันที่ 12 เดือนมกราคม 2011 นางแบบหน้าปกคือ “แตงโม” ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ และ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช แถมยังมีบทสัมภาษณ์ของคนทั้งคู่ในนิตยสารเล่มดังกล่าวในหัวข้อ “ปีใหม่ … ชีวิตใหม่ของ 2 นางเอกสาว “พิ้งกี้” และ “แตงโม” เคลียร์กันชัดๆ”

โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “พิ้งกี้” ส่วนใหญ่จะเป็นความเห็นของแม่ “อ้อย” สรินยา ไชยเดช ส่วนพิ้งกี้มีเพียง 3 คำถามเท่านั้นคือ เส้นทางอนาคตต่อจากนี้จะเดินกันไปอย่างไร, สิ่งที่ทำให้พิ้งกี้คิดได้หลังจากเกิดปัญหา และ ต่อไปนี้ถ้าจะคบใครต้องดูยังไงบ้าง เท่านั้น ขณะที่แม่เปิดใจทุกเรื่องราวในอดีตของลูกสาวที่ถูกกล่าวหาในเรื่องมือที่ 3 อยู่ 2 หน้าเต็ม โดย“พิ้งกี้” มาแบบหวานๆ บอกความโดยสรุปว่า ปีนี้ ...เธออายุ 25 ปี ดังนั้น เธอจึงคิดที่จะทำอะไรที่เป็นกิจจะลักษณะเพื่อลงหลักปักฐานให้แก่ชีวิต ในส่วนของงานในวงการ ถ้ามีละครดีๆก็จะรับงานตามปกติ แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่เป็นไร การทำงานที่อินเดียถือเป็นทางเลือกหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเอง หากนับจากนี้จะมีข่าวอีกก็จะสู้ ส่วนใครถ้าไม่เข้าใจก็จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ !! ฝ่ายสรินยา ไชยเดช ยืนยันว่า ถ้าทั้งคู่คืนดีกันได้ ลูกของเธอก็จะพ้นข้อกล่าวหา แต่ถ้าทั้งคู่ต้องเลิกกัน ภูเขาไฟลูกใหม่ก็จะปะทุขึ้นมาอีก !!

สรินยา ไชยเดช ยืนยันเรื่องความสัมพันธ์ที่หยุดพัฒนา พร้อมกับเปลี่ยนฐานะเป็นพี่ - น้อง และเพื่อนไปแล้ว ...

“เรื่องที่เกิดขึ้นก็มีส่วนที่เป็นความจริง เพราะว่า เป๊ก - สัณชัย เองตระกูล เป็นคนขึ้นชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้ว อาจจะมีมาจุ๊กจิ๊ก ก๊อกแก๊กอะไรตามประสาไป แต่เขามาเอง ลูกก็อยู่กับเรา ไม่ได้ไปหาเขา และมันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเป๊กมีครอบครัวแล้ว ตอนนี้ ความสัมพันธ์ก็หยุดพัฒนาไปแล้ว กลับมาเป็นพี่เป็นน้อง และเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพราะแม่บอกว่า ถ้าเป๊กมายุ่งกับกี้อย่างนั้น เป๊กอย่ามาคิด แต่ถ้าคิดว่าเป็นน้องเป็นนุ่งน่ะได้”

“ … เวลาพูดกับเป๊กทุกครั้ง แม่จะพูดด้วยความเป็นกลางว่า เป๊กกับธัญญ่าอยู่ด้วยกันมา 7-8 ปี อย่ามาอะไรกับลูกเราเลย เพราะพิ้งกี้ก็เป็นเด็กๆ ไม่เหมาะสมกับเป๊กหรอก และมันผ่านเวลาเลวร้ายและวุ่นวายมาแล้ว เป๊กก็เข้าใจและเขาก็อยากกลับไปคืนดีกับครอบครัว แต่ธัญญ่าต้องอภัยให้เป๊กด้วย หันมาปรับความเข้าใจกัน อะไรที่มันผ่านมาแล้วอย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บเพราะไม่ได้อะไรขึ้นมา อะไรที่เกิดขึ้นก็ให้มันผ่านไป พิ้งกี้ก็ยังเด็ก เดี๋ยวเขาไปเจอคนอีกมากมาย และเขายังรู้จักศีลธรรมในสังคม แต่ถ้าทั้งสองยังไม่เข้าใจกันอยู่อย่างนี้ มันก็จะกลายเป็นช่องว่างที่แม่ไม่รู้อนาคตได้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป”

“ถ้าง้อไม่สำเร็จก็คงซวยเราอีก ลูกเราโดนอีกแล้ว ก็ได้แต่ทำใจว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเราผ่านตรงนั้นมาหมดแล้ว และที่จริงคนเราจะหย่ากันก็เป็นเรื่องของเขาสองคน ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้วนะ เพราะไม่ได้ไปบอกให้เขาหย่ากัน เราถอนตัวออกมาแล้ว และเราจะเดินไปข้างหน้า แต่ที่มาถามว่า หากเขาเลิกกันแล้วจะให้ลูกเราไปคบมั้ย ถ้าบอกว่าไม่ให้ก็จะเป็นการถ่มน้ำลายรดตัวเองอีก แต่ถ้าอนาคตข้างหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น และมันก็เกินความคิดของแม่แล้ว แม่ก็จะบอกว่า อยากให้ทั้งสองคนประคับประคองชีวิตให้อยู่รอด อย่ามีทิฐิกันเลย”

“ เราไม่รู้อนาคตหรอก เรารู้แต่ปัจจุบันว่าต่างคนต่างไป แต่ก็มาให้เดาอนาคตว่า ถ้าเป๊กกับธัญญ่าเลิกกัน แล้วเป๊กจะกลับมาคบกับพิ้งกี้มั้ย อันนี้ลำบากใจที่จะพูด และรู้ว่า ทุกฝ่ายก็ลำบากใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพิ้งกี้ เป๊ก ธัญญ่า แต่หนักสุดก็คือแม่ที่โดนทุกทาง เอาเป็นว่า ทุกคนอย่าพูด อย่าเขียนให้เขาวุ่นวายกันอีกเลย ช่วยกันเขียนให้กำลังใจเขาประคับประคองกันไปดีกว่า กี้ก็ขอโทษธัญญ่าไปแล้วนะ อะไรที่ทำให้เข้าใจผิด ไม่สบายใจ แม่ก็ขอโทษในทุกสิ่งอย่างที่ทำให้ธัญญ่าไม่สบายใจ แม่เป็นนักเลงพอ และไม่เคยส่งเสริมให้ลูกไปทำอย่างที่เขาหรือหลายๆคนคิด เพราะแม่ก็มีอาชีพ และพิ้งกี้ก็มีอาชีพเช่นกัน”

“มันจบแล้ว แต่ถ้าเขาเลิกกัน ภูเขาไฟลูกใหม่ก็จะระเบิดขึ้นมาอีก ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดตรงนั้นจริงๆ แล้วคนที่รับเละก็คือแม่อีก แล้วไม่อยากให้เป๊กกลับมาหาน้อง เพราะเดี๋ยวคนก็มาด่าพิ้งกี้อีก แต่เราไม่รู้อนาคต ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะให้กลับมาหานะ อยากให้เขาอยู่เป็นครอบครัวก็จะดีที่สุด ไม่ต้องไปอะไรกับใครแล้ว แต่ในโลกมนุษย์เนี่ย ไม่มีอะไรเป็นของเราหรอก ชีวิตคู่ก็เหมือนกัน ทุกคนต้องคิดไว้ตั้งแต่แรก เราแต่งงานกันมาก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรืออย่างแฟนเราก็อาจจะเป็นแฟนคนอื่นได้เมื่ออยู่ข้างนอก”

อ่านแล้ว … ก็จะรู้ว่า ทั้งเป๊กและพิ้งกี้ วันนี้เปลี่ยนสถานะการคบหาเป็นพี่ - น้อง และเพื่อน โดยแม่สนับสนุนให้เป๊กกับธัญญ่าคืนดีกัน เพื่อที่ตนและลูกจะได้ไม่โดนลูกหลง จากข้อกล่าวหา และประโยคที่คมคายที่สุดน่าจะอยู่ที่ “หากเขาเลิกกันแล้วจะให้ลูกเราไปคบมั้ย ถ้าบอกว่า ไม่ให้ก็จะเป็นการถ่มน้ำลายรดตัวเองอีก แต่ถ้าอนาคตข้างหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น” หาใช่ประโยคที่ว่า “ ทุกอย่างหยุดพัฒนาแล้ว” ไม่
....................................

ที่มา นิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 67 วันที่ 15-21 มกราคม 2554