แจ้งเกิดจากการเป็นนางเอกภาพยนตร์ “วัยอลวน 4” สำหรับสาว “รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์”ที่วันนี้นอกจากจะเล่นละคร โชว์ฝีมือทางการแสดงแล้ว สาวรถเมล์ยังผันตัวเองมาเป็นพิธีกรประจำรายการ “ตลาดสดสนามเป้า”
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่เจ้าตัวอยู่ในวงการบันเทิง ไม่เคยมีข่าวฉาว หรือแม้กระทั่งมีข่าวฮือฮา อย่างเช่นถ่ายแบบแนวหวือหวาให้ได้เห็น ซึ่งเจ้าตัวได้ให้เหตุผลไว้อย่างน่าชื่นชมว่า ไม่ขอเน้นดังด้วยวิธีเปลืองตัวอย่างแน่นอน พร้อมเปิดใจอย่างหมดเปลือก หลังจากที่ตัดสินใจเลิกรากับแฟนหนุ่ม “เดี่ยว สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล” ที่คบหากันมายาวนานถึง 7 ปี
แจ้งเกิดจากเป็นนางเอกภาพยนตร์ แต่คนดูจำได้เพราะเป็นพิธีกร
“รถเมล์เข้าวงการมาตอนแรกคือถ่ายเอ็มวี แล้วมาเป็นโฆษณาช่วงม.5 พอเข้ามหาวิทยาลัยปี1ก็เลยได้เล่นหนังใหญ่ กับค่ายจีทีเอช เรื่องวัยอลวน 4 จากหนังก็หายไป ซึ่งก่อนที่รถเมล์จะเล่นหนัง เราอยู่กับทางโพลีพลัสมาก่อน เขาวางตัวให้เราเป็นนักแสดง ซึ่งเราก็อยากเป็นพิธีกรด้วย ก็ขอทางทีมงาน ก็เลยได้มาทำรายการตลาดสดสนามเป้า ซึ่งก่อนหน้ามาทำพิธีกร หนูเล่นละครมาประมาณ 4 เรื่อง”
“ถ้าถามว่าคนรู้จักหนูมาจากอะไร คิดว่ารายการตลาดสดมากกว่า เพราะตลาดสดมันชัดมาก หนูว่าตอนนี้คนดูเชื่อแล้วว่าหนูขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพิธีกร เพราะดูจากงานอีเว้นท์ต่างๆ พอวันนึงเขามั่นใจในตัวเรา งานด้านพิธีกรก็มีมากขึ้น ตอนนี้งานพิธีกรตามอีเว้นท์เยอะกว่าการเป็นเซเลบอีก ทุกวันนี้ทำงาน7 วันเลย นอกจากละคร พิธีกร ซิทคอม มันมีงานดีกว่าไม่มีนะ หนูไม่ชอบชีวิตแบบนั้น ที่ต้องเดินเล่นหรือนอนเรื่อยเปื่อย”
เครียดหลังต้องเข้ามาเป็นพิธีกรในสตูดิโอ คู่กับ “หนูแหม่ม สุริวิภา” และ “เหมี่ยว ปวันรัตน์” ยอมรับว่าท้อ กว่าจะตั้งหลักได้เป็นปี
“สำหรับปัญหาเรื่องการทำหน้าที่พิธีกร จะบอกว่า ก่อนหน้านั้นหนูทำพิธีกรภาคสนาม แล้วต้องมาทำในสตูดิโอ แล้วต้องมาทำกับพี่หนแหม่ม สุริวิภา และ พี่เหมี่ยว ปวันรัตน์ ซึ่งมืออาชีพมาก พี่ 2 คนนี้เขาจะไม่สอนด้วยคำพูด เราต้องดู และเขาก็ไม่ตามสคริปด้วย ไหลลื่นมาก สคริปเราก็ไหลไป เป็นปีกว่าจะปรับตัวได้ ตอนนั้นรู้สึกว่าท้อมาก พูดจริงๆ เราอยากทำงานให้ดี แต่ทำยังไงที่จะเข้ากับพี่เขาได้ เราคุยกับโปรดิวเซอร์ตลอด เขาก็บอกให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ตอนนี้รู้สึกดีแล้ว เข้ากันได้แล้ว ลูกเล่นในการใช้คำพี่เขาได้หมดเลย พี่หนูแหม่มก็แนะนำว่า พี่เขาใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าจะเป็นทุกวันนี้ พี่เหมี่ยวพี่แหม่มจะมีสไตล์ชัดเจนมาก”
เรียนจบด้านออกแบบจิวเวอร์รี่ แต่ไม่เคยได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมา แย้ม อนาคตใฝ่ฝันอยากมีร้านจิวเวอร์รี่เป็นของตัวเอง
“ถ้าไม่ใช่งานในวงการ อืม...ไม่รู้นะ เรื่องของอนาคต ช่วงเวลาในวงการบันเทิงมันอาจกำหนดไม่ได้ ว่าจะเลิกทำช่วงอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าหลายอย่างโอกาสมันเข้ามาอีกก็อยากจะทำอยู่แล้ว หนูเคยคิดนะ ตอนเรียนจบว่าอยากมีร้านจิวเวอร์รี่เป็นของตัวเอง เพราะหนูเรียนจบด้านออกแบบจิวเวอร์รี่มา มันเป็นความคิดของตอนจบใหม่ๆ อยากทำธุรกิจที่เป็นชิ้นเป็นอันและมั่นคง ตอนนี้เราอาศัยว่าอยากเก็บเงินในวงการให้ได้ก่อน และอยากจะทำ แต่ต้องไม่เข้าเนื้อตัวเองนะ (หัวเราะ)”
ส่วนเรื่องหัวใจที่เพิ่งบอบช้ำไป สาวรถเมล์ก็เผยว่า ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน กว่าจะบอกเลิกแฟนเก่าดีเจ "เดี่ยว สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล" พร้อมเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้มาสานสัมพันธ์กัน ก่อนจะก่อตัวเป็นความรัก และสิ้นสุดลงเหลือเพียงแค่ความเป็นเพื่อนกันในที่สุด
“เจอกับคุณเดี่ยวเพราะทำงาน เราเลยได้รู้จักกัน ก็คุยกันมาเรื่อยๆ 7 ปี พอวันนึงคนเราที่มันเรียนรู้อะไรกันเรื่อยๆ ซึ่งตอนนั้นเราเพิ่ง 18 จนมาถึงตอนนี้ด้วยความคิด อนาคต อะไรหลายๆ อย่างทั้งของหนูเอง แล้วก็ของพี่เขา มันมองต่างกัน เราก็มาคุยกัน แต่จะบอกว่าเราไม่มีทะเลาะกันเลยนะ ไม่มีเลย หนูไม่เคยทะเลาะกัน แล้วบอกว่าเลิกกัน ไม่มีเลยนะ มันเป็นความรู้สึกที่เราคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือมันใช่หรือเปล่า มันเหมือนว่าวันนึงที่เราได้ฟังอะไรจากที่เขาพูด แล้วมันต่างกับที่เราคิด หนูฟังเขาตลอด แล้วก็มาคิด เราไม่ต้องการให้ใครสักคนมาเปลี่ยนเพื่อเรา ตอนนี้เรารับเขาได้ แต่อนาคตเราไม่รู้จะรับได้ไหม มันเป็นเรื่องของนิสัย แล้วก็หลายๆ อย่าง มันรู้ได้ด้วยตัวเอง มันพูดไม่ได้ มันลำบากที่จะพูด เราจะรู้สึกกันเองว่าตอนนี้มันใช่ไหม หรือควรจะหยุดดี”
“นาทีที่ได้บอกเขา ก็คือโทร.คุยกัน แล้วนัดมาเจอกัน เราก็บอกไปหลายอย่าง เราอธิบายไปว่าเรารู้สึกอะไร พี่เขาก็เข้าใจมั้ง แต่คงไม่เข้าใจตอนนั้น เราก็หาเหตุผลว่า มันเกิดขึ้นเพราะอะไร พี่เดี่ยวเขาคิดว่า มันน่าจะไปต่อได้ คือคนเราตอนแรกเขาก็ให้ลองถอยกันไหม แล้วค่อยมาดูว่ายังแฮปปี้กันอยู่ไหม เขาพูดตลอด เราก็ลองดู ลองถอยให้มันนิ่งๆ มีอะไรก็โทร.คุย พอลองหยุดก็คือห่างกันเลย เพราะเรารู้สึกว่าคุยกันได้ พี่เดี่ยวเขาก็ไม่ยื้อนะ เพราะเขารู้จักนิสัยเรา ว่าเป็นยังไง ก็รู้สึกเฮิร์ต มาตั้งแต่ก่อนเลิกแล้ว (หัวเราะ)”
ไม่เสียดายเวลา 7 ปีที่คบกันมา แต่ถ้าดันทุรังต่อไปจะเสียดายเวลามากกว่า
“บางคนก็จะถามว่า เป็นไงบ้าง 7 ปี รู้สึกเสียเวลาไหม ถ้าถามเรา ไม่เสียดาย แต่ว่าถ้าเราขืนคบกันต่อไป แล้วเลิกมันน่าจะเสียดายเวลามากกว่า ช่วงที่ตัดสินใจว่าจะหยุด คิดนานมาก คิดจนหัวตลบ มันไม่ได้พูดออกไปเลยนะ แต่มันคิดว่าเรายังรักเขาหรือเปล่า คือเราตอบไม่ได้ มันยาก หลายวันที่เราเป็นแบบนี้ มันอึดอัดมาก เราไม่ได้อยากเลิกกันนะ ร้องไห้ด้วยนะ แต่ทางนั้นเขายังทำงานได้นะ คือหนูทำงานก็ทำงาน แต่พอเป็นโลกส่วนตัวปุ๊บคิดเลย”
“ไม่ได้ปรึกษาใครเลยนะ มีคุณพ่อคุณแม่รู้ ท่านรู้ทุกเรื่องในชีวิต แม่ก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ เขารู้ว่าเราเป็นหนัก คงต้องปลอบ น้องชายไม่เคยปลอบก็ปลอบ ตอนนั้นก็บ่อน้ำตาแตกง่ายมาก จะมีแค่บางคนที่เราสามารถแชร์ได้ทุกอย่างคือคนในครอบครัว พ่อกับแม่เคารพการตัดสินใจของหนูมาก เขาไม่พูดอะไรเลย ถ้าหนูคิดว่าไปต่อได้ก็ไป ถ้าเลิกก็เลิก เขาไม่มีมาพูดว่า ให้เลิก หรือให้คบกันต่อ ไม่มี ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ ก็ใช้เวลาหลายเดือนที่ไม่เศร้า( หัวเราะ) ถามว่าอยากกลับไปไหม ก็มีบ้างนะ แต่ไม่มาก ตอนนี้ก็เลิกมา 4-5 เดือนแล้ว ”
"ทุกวันนี้หนูโฟกัสกับเรื่องความรักน้อยมาก ถามว่าคาดหวังไหม ว่าจะเจอคนที่ใช่ คาดหวังนะ แต่ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า (หัวเราะ) มันจะมาเร็วหรือช้า ก็แล้วแต่ สมมุติว่าอายุเยอะแล้ว พี่เดี่ยวก็ไม่มีใคร ถามว่าจะกลับมาคุยกันไหม อืม..ไม่รู้เหมือนกันค่ะตอบไม่ได้ ตอนนี้ไม่คาดหวังเรื่องนี้"
อยู่ในวงการมาหลายปีไม่เคยมีข่าวฉาว สวนกับกระแสดาราที่ไม่ฉาวไม่ดัง
“รถเมล์จะไม่ทำแบบนั้นค่ะ จะอยู่เฉยๆ ตั้งแต่ทำงานในวงการ ทุกคนมีจุดยืนเหมือนกัน เราอยากอยู่นานๆ แล้วแต่คนจะเลือกทางไหน หนูทำงานมา ขอบอกเลยว่าทำยังไงให้คนดูรักเรานานๆ แค่นั้นจบ ขอดังด้วยฝีมือดีกว่า มันก็จะไปได้เรื่อยๆ หนูไม่ซีเรียสนะ ถ้าสมมุติว่าวันนึงต้องไปออกงาน และในขณะเดียวกันดาราสาวอีกคนหวอจะออกแล้ว นักข่าวไปรุมสัมภาษณ์โดยที่ไม่มีใครสนใจสัมภาษณ์หนูเลย หนูไม่ซีเรียสจริงๆ”