ตำรวจมุ่งปมลวงสังหาร “กุ่ย ท่าพระจันทร์” ไว้ที่ประเด็นขัดผลประโยชน์การปล่อยพระเครื่อง น้องสาวเผยช่วงสงกรานต์เซียนพระคนดังไปต่างจังหวัด แต่มีหญิงสาวโทร.เข้ามาหาที่บ้านบ่อยครั้ง พอให้เบอร์มือถือไปก็เงียบหายไม่ได้ติดต่อไปหาแต่อย่างใด เผยหลังมือปืนลั่นไกเรียบร้อยก็รีบเผ่นหนีทันทีโดยที่ไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินเหยื่อ แต่กระเป๋าใส่เงินกว่า 1 ล้านกลับหายไป
วันนี้ (22 เม.ย.) พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.น.7 กล่าวถึงคืบหน้ากรณีนายเลิศชัย เลิศวัฒนารมณ์ หรือ “กุ่ย ท่าพระจันทร์” อายุ 54 ปี เซียนพระชื่อเสียงในวงการพระเครื่องและได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนพระหลวงปู่โต๊ะ ถูกคนร้ายจำนวน 4 คน ลวงมายิงภายในวัดวิศิษฐ์บุญญาวาส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลธนบุรี 2 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตั้งปมการสังหารไปที่ 2 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือเรื่องขัดผลประโยชน์เรื่องการปล่อยพระเครื่อง และเรื่องส่วนตัวคือชู้สาว แต่ทางเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นการขัดผลประโยชน์เรื่องการปล่อยพระเครื่องเป็นหลัก เนื่องจากได้สอบถามญาติและคนสนิทแล้วทำให้ทราบว่าผู้ตายรู้ตัวว่ามีคนคิดปองร้ายมาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เพราะได้ไปซื้อปืนมาพกติดตัวตลอดเวลา โดยมีสาเหตุมาจากการการันตีพระเครื่อง ที่ความเห็นอาจไม่ตรงกัน เพราะแต่ละคนคิดว่าพระเครื่องที่ตนเองมีเป็นของแท้ แต่ขณะที่เซียนกลับระบุว่าเป็นของปลอม
พล.ต.ต.จารุวัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วนของคนร้ายจำนวน 4 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นมือปืนที่ได้รับการจ้างวานมา โดยดูจากพฤติกรรมการลงมือกับอาวุธปืนที่ใช้เป็นอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 และมีการระบุว่ากระสุนนัดแรกนั้น มือปืนลั่นไกขณะที่ผู้ตายยืนอยู่ด้านหน้าโค-กระบือที่จะทำการไถ่ชีวิต และหลังเกิดเหตุพยานระบุว่าคนร้ายได้ขับขี่จักรยานยนต์เลี้ยวซ้ายออกจากวัด ก่อนมุ่งหน้าไปทางถนนพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งแนวทางการสืบสวนนั้นได้เบาะแสของกลุ่มคนร้ายมาพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ลึกลงไปได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ กก.สส.บก.น.7 และฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง เจ้าของพื้นที่ช่วยกันทำงาน เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ด้าน นางปวันรัตน์ เลิศพงศ์ทวี อายุ 49 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า นายเลิศชัย มีศักดิ์เป็นพี่ชายตน และยังไม่มีครอบครัว โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้ตายได้เดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งช่วงนั้นได้มีหญิงสาวโทร.มาหาที่บ้านหลายครั้ง ตนจึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์มือถือไป เมื่อพี่ชายกลับมาที่บ้านเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตนก็ถามว่ามีใครไปหาหรือไม่ แต่พี่ชายก็บอกว่าไม่มี จนกระทั่งวันอังคารที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนทราบมาว่าพี่ชายได้ปล่อยพระเครื่องไปได้เงินมา 1 ล้านบาท
นางปวันรัตน์กล่าวต่อว่า ในวันต่อมาพี่ชายก็เดินทางไปปล่อยพระเครื่องที่ห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ กับนายอ้วน จักรยาน ในราคา 1 ล้านบาท แต่มีการจ่ายมาก่อน 5 แสนบาท ก่อนจะมีการนัดรับเงินส่วนที่เหลือที่บ้านผู้เช่าพระอีก 5 แสนบาท ย่านพุทธมณฑลสาย 2 ในวันช่วงเย็นวันเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าพี่ชายไปมีปัญหาขัดแย้งกับใคร และถูกฆ่าเพราะสาเหตุใด อย่างไรก็ตามจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนังราชวรวิหาร ย่านวุฒากาศ โดยอยู่ระหว่างปรึกษาญาติพี่น้องว่าจะมีการตั้งสวดพระอภิธรรมกี่วัน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากคนร้ายลงมือสังหารผู้ตายตามใบสั่งแล้วก็ได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินผู้ตายแต่อย่างใด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า กระเป๋าใส่เงินจำนวน 1 ล้านบาทของผู้ตายนั้นหายไปได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนในประเด็นนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวพยานแวดล้อมมาทำการสเก็ตภาพ 1 ใน 4 คนร้ายที่ลงมือลั่นไกสังหารแล้ว เนื่องจากคนร้ายคนดังกล่าวไม่ได้สวมหมวกกันน็อกแต่อย่างใด
โทร.ลวงปล่อยเช่าพระเก่า-ยิงดับ “กุ่ย ท่าพระจันทร์”