“โย” ลั่นไม่เคยรู้ “แอนดรูว์” ติดยา เผยหลังเกิดเรื่องไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ ปัดวิ่งเต้นช่วยให้รอดคดี พร้อมยันไม่มีเอี่ยวทำให้ถูกจับ ลั่นไม่กลัวฝ่ายชายจะซัดทอด งดออกความเห็น “แอนดรูว์” มีฉี่ม่วงเพราะติดยาแก้ไอ รับเป็นห่วงและไม่เคยคิดรังเกียจ เชื่อถ้าปรับปรุงตัวสังคมจะให้อภัย
ยังคงเป็นประเด็นให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีของนักแสดง 7 สี “แอนดรูว์ ศุภมร โคร์นิน” จากละครเรื่อง “เหนือมนุษย์” ที่ถูกตำรวจจับด้วยข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และเสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 หรือว่ายาไอซ์ แถมครอบครัวของนักแสดงหนุ่มยังปักใจเชื่อว่า การถูกจับกุมในครั้งนี้น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จากการที่ช่วงหลังนักแสดงหนุ่มมาสนิทสนม และมีข่าวกับนางแบบสาว “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” แต่เรื่องนี้ “โย” ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยกล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องราวจริงๆ และพยายามติดต่อกับฝ่ายชายเพื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
“บอกเลยว่าโยไม่รู้เรื่องทั้งหมด เพราะเขาไม่ได้โทร.มาคุย เราก็ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ก็พยายามตามข่าวอยู่ว่าเป็นยังไง เพราะบีบีเขาก็ติดต่อไม่ได้ เขาลบบีบีของเขาออกจากของทุกคนเลย พอเราได้ยินข่าวก็รู้สึกตกใจมาก พอดีคุณแม่โยดูทีวีอยู่ก็โทรมาบอกว่า รู้เรื่องมั้ย เราก็บอกว่าอุ๊ย...จริงเหรอ เข้าใจผิดกันหรือเปล่า แต่พอไปอ่านเนื้อข่าวแล้วก็เข้าใจนะ คือโยว่าให้เขาอยู่ในมุมนึงที่เขาสามารถคิดได้ ก็คงบอกได้แต่ว่าให้เขาใจเย็นๆ ทุกอย่างโยเชื่อว่าต้องมีหนทางแก้ไข แล้วเมื่อทำผิดก็ยอมรับผิด ก็ปรับปรุงตัวเสียใหม่ โยว่าสังคมน่าจะให้โอกาส”
“ที่ผ่านมาโยไม่ทราบเลยว่าเขาเสพยา อย่างที่เคยบอกว่าเจอกันแค่ 2-3 ครั้ง แล้วส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีโทรศัพท์ แต่มางานล่าสุดที่เจอกันเขาผอมมาก ก็ได้แต่ทักว่าทำไมถึงผอมจัง เขาก็บอกว่าลดความอ้วนเพื่อถ่ายละครเรื่องเหนือมนุษย์ เขาบอกว่าต้องเล่นเป็นแวมไพร์ เราเองก็ไม่ได้คิดอะไร คือคนเรารู้จักกัน มันไม่จำเป็นว่าพอมีข่าวแบบนี้ แล้วเราจะต้องปล่อยเขาให้เขาอยู่โดดเดี่ยว มันก็ดูจะใจร้ายไปนิดนึง แต่ตัวโยถือว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรที่เราจะคุยกันไม่ได้”
“โยว่าตอนนี้เขาคงรู้สึกแย่มาก เพราะถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวโยเอง โยก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง คงบอกได้คำเดียวว่าต้องให้เวลาช่วยเยียวยาเขา แคร์ครอบครัวให้มากที่สุด เพราะโยมั่นใจว่าตอนนี้คุณแม่เขาก็คงรู้สึกแย่กับข่าวนี้มาก เนื่องจากเขาเองก็เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย อย่างที่บอกว่าลองให้โอกาสในการปรับปรุงตัวของน้องเขา แล้วก็ลองดูว่าจะดีขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ตัวโยเองพูดอะไรเยอะไปกว่านี้ไม่ได้เนื่องจากไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเลยว่ามันจริงแท้ยังไง หรือว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ณ ตอนนี้”
ปัดโทร.หาแม่ฝ่ายชายเพื่อวิ่งเต้นช่วยให้พ้นคดี ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใดๆ ทั้งสิ้น
“โยจะไปโทร.หาแม่เขาทำไม ไม่ๆๆๆ โยไม่ได้คุยกับใครในครอบครัวเขาเลย อย่างที่บอกพอรู้ข่าวปุ๊บโยโทรเข้าไปมือถือ เขาก็ปิดเครื่อง บีบีเองเขาก็ลบออกจากทุกคนเลย ไม่ใช่เฉพาะโยคนเดียว ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหรือว่ายังไง ถามว่าเป็นห่วงมั้ย ก็คงในฐานะของพี่คนนึง แต่คงต้องบอกว่า...ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ นะ เพระมันค่อนข้างเป็นอะไรที่ร้ายแรงในระดับนึงของนักแสดง เพราะฉะนั้นเขาเองก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมในสิ่งที่เขาทำ ก็ให้เขาไปปรับปรุงตัวซะใหม่ โยว่ามันไม่สายเกินไปสำหรับเขา ยังไงเพื่อนฝูงก็อย่าเพิ่งทิ้งเขานะ ณ ตอนนี้ เพราะได้ข่าวมาว่าบางคนถึงขนาดพูดถึงเขาไม่ดีทันที ในขณะที่ยังไม่ได้ฟังเรื่องจริงเลย สำหรับตัวโยเองถือว่าเป็นกลาง ถ้าเขาจะติดต่อโย โยยินดีคุยและให้คำปรึกษากับเขา”
“ถ้าคนจะมองว่าโยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย คืออย่าพูดอย่างนั้นสิ ไม่ดีเลย คนอาจจะมองอย่างนั้น เพราะเรามีข่าวกับเขาพอดี ณ วันนั้นที่โดนสัมภาษณ์เยอะมากนะที่พารากอน วันรุ่งขึ้นเขาก็โดนจับทันทีหน้าเราก็ออกหราไปทุกทีวีที่ออกสัมภาษณ์ถึงเขาไปแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าโยบริสุทธิ์ โยไม่ได้มีอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับเขา โยไม่ได้มีส่วนไปวิ่งเต้นช่วยคดีของเขา โยไม่สามารถช่วยอะไรได้ อย่างที่บอกว่าปัญหาของเขาก็ต้องแก้ด้วยตัวเขาเอง มันเป็นในรูปของกฎหมายนะโยว่าให้ทางกฎหมายจัดการดีกว่า ตัวโยเองก็เป็นแค่เพื่อนให้กำลังใจเขาได้อย่างเดียว”
“โยว่าคงต้องใช้เวลา สังคมอาจจะไม่ได้ให้อภัยเขาทันทีอย่างนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเกิดภายในระยะเวลานึงเขาปรับปรุงตัว และพิสูจน์ได้ว่าเลิกเสพติดจริง โยคิดว่าสังคมก็น่าจะให้อภัยในการกลับมาทำงาน เพราะอย่างน้อยก็เห็นว่าเขาต้องเลี้ยงดูครอบครัวเขาด้วย”
เมื่อถูกถามว่าปักใจเชื่อหรือไม่ อีกฝ่ายมีผลตรวจปัสสาวะสีม่วง เพราะรับประทานยาแก้ไอ เจ้าตัวไม่ขอตอบเพราะยังไม่ได้ฟังความจริงจากปากของฝ่ายชาย ลั่นไม่กลัวฝ่ายชายซัดทอด ยันสัมพันธ์แค่เพื่อน และไม่คิดรังเกียจอีกฝ่ายเลย
“จริงๆ ที่อยากจะคุยก็อยากจะรู้จากปากเขาเหมือนกันว่า เรื่องจริงมันคืออะไร เรื่องที่ออกมาจากปากเขา โยเชื่อว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริงที่สุด อย่างที่บอกเราไม่เคยรู้เรื่องยาเสพติดเลย แม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเขาก็ไม่เคยพูดถึง ก็เลยค่อนข้างแปลกใจว่า พอเกิดข่าวขึ้นมันจริงไม่จริงยังไง ถ้ายิ่งไม่จริงได้ก็คงจะยิ่งดี ก็จะโชคดีสำหรับเขาไป”
“แต่ถ้าเขาจะมาซัดทอดเรา ก็ต้องให้เขาซัดไป เราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ก็ให้เขาซัดไป โยว่าดีซะอีกจะได้รู้ว่าใครที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้มันไม่มีผลกระทบอะไรกับโยเลย ไม่มีจริงๆ คนส่วนใหญ่รู้ว่าเขาแค่เหมือนมาคุยกับเรา โยก็มีโอกาสได้เจอเขาแค่ 1-2 ครั้งเองไม่ได้โกหก คือถ้าครอบครัวเขาสั่งห้ามคบโย ก็แสดงว่าครอบครัวเขาไม่ไว้ใจโยสิ เขาก็ต้องบอกว่าโยเป็นคนยังไง แต่ตัวคุณแม่เขารู้จักโยดี ยังบอกด้วยซ้ำว่าถ้าเขาโทรมา ให้พูดกับน้องเขาดีๆเขาจะได้มีกำลังใจ”
“แต่ตอนนี้ไม่รู้จะไปติดต่อเขาที่ไหน เบอร์ทุกเบอร์ของเขาก็ปิดหมด ส่วนความสัมพันธ์ของเรามันอยู่แค่ไหนก็แค่นั้น มันคงไม่ได้มากเกินไปกว่าความเป็นเพื่อน คือถ้าโยเป็นคนพิเศษจริงก็คงรู้อะไรมากกว่านี้แล้วแหละ แต่เขาไม่ได้จะเป็นแฟนกับเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อย่างที่บอกเรื่องนี้มันไม่ได้มาตัดสินความเป็นส่วนตัวของเรานะ เขาเองก็เป็นเพื่อนของเราคนนึง ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือว่าอะไรทั้งสิ้นคอนเฟิร์ม เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม อยู่ที่ตัวน้องเขาว่าจะสามารถอยู่ในสังคมได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง”
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |