xs
xsm
sm
md
lg

“เจเอสแอล” อุ้ม “กบ” เมินรั้ง “ป๋อ” ทำ “จันทร์พันดาว” ปัดมีเอี่ยวรวมหัว “นาธาน” โกงเงิน “อ้อม ดักแด้”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอสใหญ่เจเอสแอล เผยไม่คิดรั้ง “ป๋อ” ทำ “จันทร์พันดาว” หากตัดสินใจไม่ต่อสัญญา 7 สี ส่วน “กบ” ยังคงอยู่เพราะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เผยกำลังปรึกษากับทางช่องจะทำ “จันทร์พันดาว” ต่อหรือยุบ คาดกลางมี.ค.ได้ข้อสรุป ส่วนกรณีทีมงาน “เจาะใจ” พา “นาธาน” ไปหลอกเอาเงิน “น้องอ้อม ดักแด้” เจ้าตัวแจงบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็น เชื่ออดีตพนักงานไม่มีเจตนาปล้นคนด้อยโอกาส คาดเป็นความสนิทสนมส่วนตัวเลยช่วย “นาธาน” เหน็บสังคมอย่าหูเบาเชื่อกระแสข่าว

หลังตกเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ว่า พระเอกผิวเข้ม “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” เตรียมตีปีกออกจากช่อง 7 ไปซบอกช่องคู่แข่งอย่างวิก 3 จากนั้นเจ้าตัวก็ได้ออกมาแก้ต่างว่า สัญญากับวิกหมอชิตจะหมดในเร็ววันนี้ แต่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจจะต่อสัญญา หรือจะย้ายไปอยู่ไหน แต่เปอร์เซ็นต์เป็นนักแสดงอิสระแบบไร้สังกัดมีสูง ซึ่งความลังเลยังไม่มีความชัดเจนของพระเอกหนุ่มในเรื่องนี้ ส่งผลกระทบไปถึงรายการ “จันทร์พันดาว” ที่เขาเป็นพิธีกรคู่กับนางเอกเบอร์ 1 “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” อยู่ด้วย

ทั้งนี้ “หน่อย จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี” ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเจเอสแอล ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการ “จันทร์พันดาว” ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า หากป๋อไม่คิดต่อสัญญากับช่อง 7 ก็ไม่มีสิทธิ์ไปรั้งให้อยู่ทำรายการต่อ ซึ่งขณะนี้กำลังปรึกษากับทางช่องอยู่ว่า จะทำรายการ “จันทร์พันดาว” ต่อหรือยุบแล้วผลิตรายการใหม่

“สืบเนื่องจากที่ป๋อไม่เซ็นสัญญาต่อเนื่องกับทางช่อง 7 ตามมารยาทในเมื่อเขาไม่ได้เซ็นสัญญากับทางช่อง7 เราก็ต้องขออนุญาตทางช่องว่าจะทำยังไง เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปเซ็นสัญญากับทางช่อง 3หรือเปล่า ถ้าเขาเซ็นสัญญากับช่อง3 เราก็ไม่สามารถเอาเขามาเป็นพิธีกรที่ช่อง 7ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ ป๋ออาจจะไม่เซ็นอะไรกับใคร อาจจะเป็นอิสระก็ได้ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่สามารถบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าสมมติวันหนึ่งป๋อไม่ได้เซ็นสัญญากับช่อง 3 แล้วช่อง 7 จะสามารถรับได้หรือเปล่าว่าเขาเป็นพิธีกร อันนี้ต้องอยู่ที่การพูดคุยกัน”

“ถ้าไม่มีป๋อ เราก็ไม่อยากทำ จันทร์พันดาว เพราะมันต้องเป็นกบกับป๋อ เขาเกิดขึ้นมาคู่กัน สองคนมาเริ่มชีวิตพิธีกรจาก จันทร์พันดาว ถ้าป๋อไม่อยู่แล้วกบจะทำยังไง นี่เป็นสิ่งที่เรากำลังปรึกษากับช่องอยู่ตลอด เราต้องปรึกษาหารือกับช่องไม่ว่า จันทร์พันดาว จะทำต่อเนื่องต่อไป โดยที่ไม่มีป๋อ หรือไม่มีกบ หรือมีแต่กบไม่มีป๋อ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังอยู่ในการเจรจาทั้งสิ้น ทำไมเราถึงไม่ได้แถลงข่าวเรื่องนี้ เพราะเราต้องการความชัดเจน แต่คาดว่าป๋ออาจจะต้องการเวลาพักผ่อน และทบทวนอยู่กับตัวเอง ให้เขาสงบๆไม่ต้องทำอะไรอยู่สักพักหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นป๋อคงไม่ได้ทำตรงนี้ต่อ”

“ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่มีสิทธิ์รั้งป๋อ เพื่อให้รายการอยู่ต่อไป เราไม่สามารถรั้งใครได้ ชีวิตของใครก็เลือกทางเดินของเขา ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่า เขาจะเป็นนักแสดงอิสระ หรือว่าจะไปเซ็นสัญญา เพราะตัวเขาเองก็บอกว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร”

กล่าวชื่นชม “กบ สุวนันท์” เป็นคนมีความสามารถ และเป็นทรัพยากรที่มีค่าของเจเอสแอล ยันถึงรายการ “จันทร์พันดาว” จะยุบ และต้องผลิตรายการใหม่ ก็ยังคงเอากบนั่งแท่นพิธีกรตามเดิม

“กบเป็นพิธีกรที่มีความสามารถ และเขาไต่เต้ามาได้ดีมาก เขาพัฒนาตัวเองได้ดี กบนับวันมีแต่จะต้องเก่งขึ้น เขาเป็นพิธีกรที่ใฝ่ดี พยายามพัฒนา ทุ่มเท และที่สำคัญที่สุดคือกบไม่ไปไหน กบทำกับเจเอสแอล ถ้าใครอยากดูกบต้องดูที่เจเอสแอล เพราะฉะนั้นถือว่ากบเป็นทรัพยากรที่มีค่าของเจเอสแอล เราคงไม่ได้คิดจะไม่เอากบ เพราะไม่ดี ไม่เก่ง แต่เราต้องดูความเหมาะสมของรายการว่า เราจะทำรายการอะไรต่อไป ซึ่งขณะนี้คุยอยู่กับทางช่อง ยังไม่สรุปเลยไม่อยากจะแถลงข่าวออกมา ไว้ให้เราทราบแน่นอนซะก่อนว่า จะทำ จันทร์พันดาว ต่อหรือไม่ ขอเวลากลางเดือนมีนาคมคงจบเรื่องนี้”

“ตอนนี้รอความชัดเจนก่อน เราเองก็เสนอทางเลือกให้ช่อง ถ้ายืนยันว่าจะทำต่อ ก็ต้องมีการปรับปรุงรูปแบบรายการ เพราะถ้าไม่มีป๋อ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมี เพราะป๋ออยากจะพักผ่อนอยู่กับตัวเองเงียบๆสักระยะนึง และเขาก็ได้เข้ามาคุยกับเราแล้ว ก็คิดว่าถ้าจะทำรายการต่อไป เราต้องเปลี่ยนรูปแบบ หรืออาจจะต้องเปลี่ยนรายการเลย แต่คิดว่ากบน่าจะต้องยังอยู่ เพราะเขาไม่ได้มีความผิดอะไร และเขาเป็นพิธีกรที่มีค่าของเจเอสแอล”

“แต่ใครล่ะที่จะเข้ามาประกบกับกบต่อไป อาจจะต้องดูความชัดเจน เราต้องมาคัดเลือกให้ใครคู่กับกับ และไม่ใช่ว่าเหมาะสมอย่างเดียว มันต้องไปด้วยกันได้ดีด้วย ข้อสำคัญคือ เจเอสแอลมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นพิธีกรคนต่อไปจะเป็นใครต้องเลือกเฟ้น ซึ่งกลางเดือนมีนาคมอาจจะแถลงข่าวอีกที”

“หากเปลี่ยนรายการกลัวเรื่องเรตติ้งหรือเปล่า เราเองก็ไม่รู้ บางทีของเก่าคนยังอาวรณ์อยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะล้มหายตายจากกันไปไม่ได้ ชีวิตเราก็ต้องสร้างคนสร้างของใหม่ไปเรื่อยๆ จะสำเร็จมากน้อยเราไม่สามารถบอกได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งรายการที่คิดจะทำต่อไป คงจะต้องแมสให้มากที่สุด และถึงแม้เปลี่ยนเป็นรายการใหม่เลย กบก็จะยังอยู่”

ส่วนกรณีที่ทีมงานคนหนึ่งของรายการ “เจาะใจ” พา “นาธาน โอร์มาน” ไปยืมเงิน “น้องอ้อม เสาวนีย์ ฤทธิโชติ” หรือ “น้องอ้อม ดักแด้” กับ “ยายฉลอง จันทร์นาค” รวมนับแสนบาท พร้อมยังช่วยการันตีว่า นาธานคืนเงินให้แน่นั้น บอสใหญ่เจเอสแอลกล่าวว่า พนักงานคนดังกล่าวได้ลาออกไปแล้ว แต่เชื่อมั่นไม่มีเจตนาพานาธานไปหลอกลวงน้องอ้อม คาดสนิทสนมเลยช่วยเหลือกัน

“เรื่องนี้ยืนยันว่าเราไม่รู้เรื่องจริงๆ การคบหาระหว่างนาธานและเจเอสแอล คือโดยส่วนตัวไม่ใช่ในนามบริษัท และไม่รู้ด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงด้วยหรือไม่ ถามว่าเราได้มีการตรวจสอบไหม คือพนักงานคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่คิดว่าพนักงานคงไม่มีความตั้งใจที่จะคิดว่า นาธานเป็นคนไม่ดี คงไม่คิดว่าเขาจะพานาธานไปหลอกลวง แต่อาจจะมีความสนิทสนมช่วยเหลือกัน”

“เรารับรองได้ว่าคนในบริษัท เจเอสแอลไม่มีคนขี้โกงแบบนี้เด็ดขาด แต่กับข่าวที่ออกมาอาจจะมองไปเช่นนั้นได้ว่า จูงมือกันไปหลอกเขา แต่คงไม่ใช่ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของบริษัทและพนักงาน เราทำรายการ เจาะใจ เพื่อช่วยทุกคนที่ตกนรกให้ขึ้นมาได้หลายคน และสิ่งที่เราอยากจะให้ก็มีแต่อะไรที่ดีๆ”

“เจตนาของคนทำ เขาทำด้วยจิตวิญญาณที่สุจริตจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีพนักงานคนใดออกนอกรีตนอกรอย ไปทำเรื่องหลอกลวงและกระทำได้แม้กับคนพิการขนาดนี้ ถือว่ามันโหดร้ายและใจดำจนเกินไป เราไม่เคยมีพนักงานเหล่านี้ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าเขามีความรักใคร่สนิทสนมกันและช่วยเหลือกัน เลยไม่คิดว่านาธานจะไปโกง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้”

“แล้วทีมเจาะใจตอนนี้ ก็เป็นทีมที่ปรับใหม่หมดเหมือนกัน เท่าที่เราได้พูดคุยกับพนักงานคนนั้น เขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรพวกนี้ แม้กระทั่งที่อ้างว่าจะไปทำบริษัททัวร์ อันนี้ก็ไม่ใช่ เจเอสแอลไม่เคยทำทัวร์ เราทำรายการโทรทัศน์ แม้กระทั่งคนที่มาออกรายการโทรทัศน์ก็ไม่เคยมาจ่ายเงิน มีแต่เราต้องไปจ่ายเงินให้เขา ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะเป็นมหาเศรษฐี นักการเมือง ยิ่งใหญ่มาจากไหน เราไม่เคยไปเก็บเงินคุณ ไม่เคยไปแสวงหาผลประโยชน์จากการทำรายการเหล่านี้”

เมินกระแสวิจารณ์เจเอสแอลมีเอี่ยวกับ “นาธาน” เหน็บสังคมไทยเชื่อง่ายหูเบา อยากให้ย้อนมองผลงานที่สร้างมาตลอด 30 ปีด้วย ยังป้องทีมงาน ไม่มีใครเจตนาปล้นคนด้อยโอกาส พร้อมมั่นใจยายน้องอ้อมไม่เชื่อเจเอสแอลมีส่วนรู้เห็น

“กับกระแสวิจารณ์แรกๆที่หาว่า เจเอสแอส เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทำไมไม่คิดว่า 30 ปีที่ เจเอสแอล อยู่ตรงนี้ เราเคยทำอะไรหรือเปล่า ถ้าจะมองมันมีความบกพร่องเกิดขึ้น แล้วจะไม่มองในอดีตหน่อยเหรอว่า เขาทำมาถึงขนาดไหน แต่เรากลับไปพิพากษาเขาซะแล้ว ซึ่งมันทำให้เห็นว่า สังคมไทยตื่นตระหนกเชื่อง่ายหูเบา ก็อยากจะฝากตรงนี้ว่า ให้มีวิจารณญาณ อย่าไปคิดแค่ว่าปัจจุบันเป็นอะไร ให้นึกถึงในอดีตด้วย บางครั้งพนักงานที่เข้ามาเป็นคนดีๆก็เยอะ คนไม่ดีอาจมีปะปนกันได้”

“แต่สำหรับทีม เจาะใจ เชื่อว่าพนักงานทุกคนทำงานด้วยใจจริงๆ แต่อาจจะเกิดความผิดพลาด เขาอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันเลยพากันไป ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ไม่คิดหรอกค่ะว่า เขาจะพานาธานไปหลอกอ้อม เชื่อว่าพนักงานคนนั้นไม่มีเจตนาแน่นอน และบริษัทไม่มีเจตนาหากินกับใคร เรามีแต่ให้อ้อม ไม่เคยได้จากน้องอ้อมสักบาทเดียว เราช่วยให้เขาจนพ้นทุกข์ แม้กระทั่งวันที่เขาตายจากไป เขาก็มีความสุข เราไม่ไปปล้นคนด้อยโอกาสแน่นอน”

“อีกอย่างครอบครัวน้องอ้อมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ เจเอสแอล เพราะเขารู้ว่า เจเอสแอล ไม่เคยทำอะไรให้เขาเสียหาย เขามีแต่ความรู้สึกผูกพันกับเรา ดังนั้นเราคงไม่ต้องเคลียร์เรื่องนี้กับยายของอ้อม เขาคงไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว”

“ต่อไปเราจะเข้มงวดกับพนักงานมากขึ้นไหม อย่างรายการของทางทีวีบูรพา เราจะไม่มีการรับบริจาคอะไร เราเอาชีวิตคนออกไป และจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ไม่ยุ่งเรื่องเงินๆทองๆ เพื่อป้องกันเรื่องข้อครหา คือถ้ามีการเปิดรับบริจาคก็จะมีเสียงว่า เงินไปไหน เข้าครบไหม เพราะฉะนั้นรายการเราจะไม่มีเปิดบัญชีอะไรให้ ส่วนตัวพนักงานเราก็บอกกล่าวกันว่า จะทำอะไรให้ดูแลตัวเอง และถือเอาความสุจริตใจเป็นที่ตั้ง”

ด้านการผลิตละครเรื่อง “ไฟอมตะ” ที่ได้นำชีวิตจริงของ “วิกรม กรมดิษฐ์” นักธุรกิจและเจ้าของอมตะนคร มาทำเป็นละคร บอสใหญ่เจเอสแอลคุยฟุ้งใช้งบลงทุนสูงถึง 10 ล้าน เพราะตั้งเป้าจะทำขายต่างประเทศด้วย ปัดนักธุรกิจชื่อดังให้เงินลงทุน เพื่อต้องการโปรโมตตัวเอง

“เราลงทุนไปเยอะโดยเฉพาะเรื่องอุปกรณ์ โปรดักชั่นการถ่ายทำ ที่คิดว่าอยากจะใช้เวลาและความประณีต เพราะเราจะเอาไปขาย และเผยแพร่ละครเรื่องนี้ในประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น เพื่อให้เขารู้จักประเทศไทยมากขึ้น และเรื่องนี้เราจะถ่ายทอดตัวละครที่มีชีวิตอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องดราม่าอย่างเดียว แต่มันมีทุกรสทั้งรัก น้ำตา แค้นมีหมด ดังนั้นการเสนอภาพออกไปคงไม่ใช่แค่ผิวเผิน”

“ที่เลือกชีวิตคุณวิกรมมาทำเป็นละคร เพราะเราชอบหนังสือที่เขาเขียน ซึ่งเจเอสแอลได้ทำละครที่เกี่ยวกับคน อย่างพุ่มพวง ดวงจันทร์ มิตรชัย บัญชา แต่บุคคลเหล่านั้นเสียชีวิตแล้ว แต่คุณวิกรมยังอยู่ ชีวิตเขามีแต่ความพอเพียง ดังนั้นมันยากที่จะถ่ายทอด และที่เราเอาชีวิตคุณวิกรมมาทำเป็นละคร ไม่ใช่ว่าอยากจะมาโปรโมตเขา เราไม่ได้รับค่าโปรโมตอะไรจากคุณวิกรมเลย (หัวเราะ) แล้วคุณวิกรมก็ไม่ได้มาจ้างให้เราทำละคร แต่เราเป็นคนไปหาเขาเอง ซึ่งถ้าใครได้ดูละครเรื่องนี้ แน่ใจได้เลยว่ามันไม่เป็นยาพิษแน่นอน”







เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก





กำลังโหลดความคิดเห็น