“ป๋อ” เผยอยากเป็นนักแสดงอิสระ และยังไม่ได้จะตัดสินใจเซ็นสัญญาต่อหรือไม่ พร้อมประกาศลาออกจาก “จันทร์พันดาว” ลั่นรายการมีสิทธิ์โดนยุบ สุดฮอตตั้งแต่มีข่าวย้ายค่าย มีงานใหม่ๆ เข้ามามายไม่ว่าจะเป็นละคร ผู้จัด ผู้กำกับ
ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่พระเอกหนุ่ม “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” ใกล้ที่จะหมดสัญญากับช่อง 7 สีในอีก3 เดือนข้างหน้า และช่อง 3 ก็เตรียมต้อนเข้าสังกัด แต่พระเอกหนุ่มก็ยังไม่ได้ตัดสินใจสักทีว่าตกลงจะย้ายหรือจะเซ็นสัญญาต่อกันแน่ แต่ล่าสุดหนุ่มป๋อเผยถึงความคืบหน้าในการตัดสินใจครั้งนี้ในงาน Together We Will Beat Cancer ที่เซ็นทรัลเวิลด์ว่า อยากที่จะเป็นนักแสดงอิสระมากกว่า และตอนนี้ก็มีหลายๆ ที่ให้ความสนใจ พร้อมกับนำเสนองานต่างๆ ให้มากมาย
“ถ้าถามผมตอนนี้ผมอยากเป็นฟรีแลนซ์ครับ เพราะว่าผมทำงานมา 10 ปี พูดจริงๆ ว่าต้องให้โอกาสผมในการที่จะทำงานใหม่ๆ ด้วย บางทีผมเป็นพ่อครัวน่ะครับ ผมสร้างงานมา ผมปรุงอาหารอย่างนี้มา 10 ปีแล้ว บางทีผมก็อาจจะอยากไปลองเรียนรู้กับประสบการณ์ใหม่ๆ มีเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ซึ่งถามว่าอันนี้ผมผิดมั้ย ผมเลวทรามขนาดนั้นมั้ย ผมก็คงจะประเมินว่า คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ คือจริงๆ แล้วก็ต้องบอกว่าต้องให้โอกาสผมด้วยในการที่จะหาอะไรใหม่ๆ ให้กับคุณผู้ชม”
“ต้องบอกว่าตอนนี้ผมได้รับโอกาสเยอะมากครับ ขอบคุณจริงๆ เพราะว่าได้รับการติดต่อมาให้เป็นผู้จัด ทำรายการก็มีนะครับ ให้เป็นผู้กำกับก็มี มีละครเวทีด้วย มีงานใหม่ๆ เข้ามาเยอะแยะไปหมดเลย ซึ่งก็คิดว่ามีคนต้องการเราเยอะเหมือนกันเนอะ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ แต่อย่าเรียกว่าเนื้อหอมเลย เอาเป็นว่าดังตอนแก่เลยดีกว่า(หัวเราะ) คือผมอยากจะบอกว่าผมรักวงการบันเทิงนะครับ ผมก็อยากจะทำงานในวงการบันเทิงให้นานที่สุด เพราะฉะนั้นผมต้องมีเส้นทางอย่างไรก็ได้ที่จะต้องทำงานให้หลากหลายนะครับ”
“ถ้าถามว่าอีก 3 เดือนที่เหลือจะทำยังไง ผมอยากเป็นอิสระครับ ต้องพูดตรงๆ เลย คุณแดงท่านก็โอเพ่นนะครับ คุณแดงท่านก็บอกว่าเป็นนักแสดงอิสระก็ร่วมงานกับช่อง 7 ได้เป็นปกติอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นประโยชน์ก็เกิดกับคนดูช่อง 7 หรือช่องอะไรก็ตามแต่อยู่แล้ว”
“เพราะฉะนั้นมันไม่ได้หมายความว่าเป็นอิสระแล้วจะไม่ได้งานช่อง 7 เลย ถ้าไม่ได้งานก็ต้องถามผู้ใหญ่แล้วล่ะครับว่า เป็นเพราะอะไร แต่ ณ ตอนนี้ผมใช้คำพูดว่าผมอยากเป็นอิสระในการทำงาน เพราะว่าสุดท้ายแล้วผมอยากทำงานที่หลากหลายให้คนดูเขาได้ดูมากขึ้น เพราะว่าเราทำงานมา 10 ปี แน่นอนเราต้องหาอะไรใหม่ๆ ให้คนดูเขาด้วย ถ้าอยากจะยืนอยู่ในวงการนี้ให้ได้ก็ต้องหาอะไรแปลกใหม่ให้กับตัวเอง แล้วก็ให้กับคนอื่นด้วย”
พร้อมเผยถึงเรื่องรายการ “จันทร์พันดาว” ที่มีสิทธิที่จะปิดฉากลง แต่ทุกอย่างยังมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะอาจจะเปลี่ยนพิธีกรมาแทนตน หรืออาจจะเหลือแค่นางเอกสาว “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” แค่คนเดียวก็ได้ แต่สำหรับตนนั้นออกแน่นอนแล้ว
“เรื่องของจันทร์พันดาวก็น่าจะยุบนะครับ น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ น่าจะ 80% เพราะว่าไหนๆ เราคุยกันแล้ว และแม้กระทั่งตัวกบเองก็คุยกันว่าจะยังไงดี เพราะเราทำกันมา 3 ปีแล้ว เวลามันก็เริ่มลดน้อยถอยลง กบก็ไม่แน่ว่าอาจจะไปมีน้องหรือเปล่า ก็อาจจะต้องเลิกกันไปก่อน”
“แต่ถามว่าเสียดายมั้ย เสียดายมากครับ เพราะว่าผมกับกบเริ่มมาด้วยกัน แล้ววันนี้ถ้าใครติดตามจันทร์พันดาวก็จะรู้ว่าสนุกมากๆ ก็เลยรู้สึกว่ามันเริ่มมาเก่งกันตอนจะเลิกอยู่แล้ว ไปเจอทีมงานเจเอสแอลก็เดินเข้ามากอดผม บางคนจะร้องไห้ก็มี ผมก็บอกว่ายังไม่ได้ตาย ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหน”
“แต่คงอัดอีกไม่เกิน 4 เทปครับ แต่อันนี้ยังไม่แน่นะครับ อย่าเพิ่งฟังจากผมคนเดียว เพราะว่าทางผู้ใหญ่เขากำลังแพลนอยู่ครับ แต่จริงๆ จะยุบเลยหรือเปล่าผมไม่ทราบจริงๆ นะ อาจจะมีคนเข้ามาแทนผม แล้วสุวนันท์อยู่ต่อหรือบางทีอาจจะเปลี่ยนทั้งสองคนเลย แต่สำหรับผมคงไม่ได้ทำ เนื่องมาจากว่าอย่างที่บอกว่า คุยกันแล้วมันน่าจะหยุดไว้ที่ตรงนี้ดีกว่า เพราะว่ามันต้องใช้เวลามากขึ้น พอมันต้องเปลี่ยนเวลา มันต้องไปเอาท์ดอร์มากขึ้น ผมก็เลยคุยกับทางช่องว่าเราหยุดกันก่อนมั้ย แต่สุดท้ายแล้วพอมันมีเรื่องสัญญาอะไรเข้ามาด้วย ก็เลยโอเคงั้นผมเลิกก่อนดีกว่า แต่ตอนนี้จะเป็นยังไงต่อไป ต้องติดตามนะครับ ใกล้สรุปแล้วล่ะ”
ออกอาการตัดพ้อเรื่องของกระแสคำวิพากษ์วิจารณ์ บอกตนน้อมรับทุกกระแส แต่อยากให้มองตรงกลาง และตนไม่ใช่คนอกตัญญูแน่ๆ
“แล้วก็เรื่องกระแสที่มีเยอะแยะไปหมด ก็ไม่เป็นไรครับ ก็ฝากเรื่องกระแสไว้หน่อยแล้วกัน ไม่ว่ากระแสจากอินเตอร์เน็ตหรืออะไรก็ตามแต่น้อมรับครับ น้อมรับทุกคำวิจารณ์เลย เชิงบวกก็ดี ในเชิงลบก็ดี แต่ก็ต้องบอกเลยว่าต้องแยกกันนะ อะไรคือโลกแห่งความฝัน อะไรคือโลกแห่งมายา อะไรคือโลกของความเป็นจริง”
“การที่เรารักกันน่ะ เรารักกันสักครึ่งทางผมว่าจะดีกว่า เพราะว่าอย่างน้อยมันยังมีช่องว่างระหว่างกันและกัน ถ้าเกิดรักแล้วไม่ลืมหูลืมตาอะไรเลย แล้วก็ไม่ฟังเหตุผลอะไรกันเลย ผมว่ารักอย่างนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มันเหมือนรักในอย่างที่เขาเป็น คือบางทีเราต้องรักในสิ่งที่เขาเป็นอย่างนี้ แล้วไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหรอกครับ สองคือคนดูได้ประโยชน์แน่ๆ เชื่อเถอะ”
“ผมยอมรับนะครับว่า เป็นเพราะข่าวด้วยผมเลยยิ่งต้องทบทวนมากขึ้น แม้กระทั่งคำวิจารณ์เยอะๆ ยังต้องทบทวนเลย บางทีวิจารณ์มาก แรงมากๆ คือหลายครั้งก็หยาบคาย แล้วก็มีเขียนจดหมายไปด่าไปว่าที่บ้านก็มี บางทีว่าถึงพ่อถึงแม่ คือหลายครั้งที่พ่อผมโทรมาบอกว่า พ่อเป็นคนบอกเองว่า กตัญญูคืออะไร หรือไอ้คำว่าอกตัญญูคืออะไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปฟัง วิธีการตอบแทนเรื่องความกตัญญูมันสามารถตอบแทนได้หลายวิธีมาก ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวิธีนี้ แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าผมน้อมรับทุกคำพูดนะ ไม่ว่าจะบวกหรือจะลบ เพราะว่าคนที่ลบก็มาจากความรักนี่แหละ คือผิดหวังบ้าง บางทีอาจจะออกไปในเชิงลบบ้าง”
“ก็มีเสียใจบ้างเหมือนกันครับ บางคนลงไว้ว่า จากคนเคยรักป๋อ เมื่อก่อนชอบแต่ตอนนี้เกลียดๆๆๆ ก็มี ใจเย็นๆ ครับ พี่รู้ว่าน้องรักพี่ เพราะอย่างน้อยน้องก็เคยรัก โลกเราอยู่ด้วยความรักเถอะครับ คือถ้าบางทีผมทำอะไรไม่ถูกใจ ผมขอโทษ แต่ต้องลองฟังในสิ่งที่ผมคิดบ้าง เพราะว่ามันคือชีวิตของผม ถูกมั้ยครับ”
“ผมว่าสังคมเราที่เราแบ่งแยกสีกัน เพราะผมว่าเราไม่ฟังกันเลย ใครไม่คิดเหมือนเราคือศัตรูกันแล้ว ใครไม่คิดเหมือนเราคือคนไม่ดี ซึ่งมันไม่ใช่ เราควรจะน้อมรับฟังความคิดของคนอื่นบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะคิดไม่เหมือนเราก็ตาม มันก็คือความคิดของมนุษย์ทุกๆ คนที่มีโอกาสที่จะแตกต่างกันได้ในสังคมประชาธิปไตย ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันแต่เรารักกันได้ อย่าเพิ่งเกลียด”
ยันการตัดสินใจครั้งนี้ไม่มีปัญหากับ “สุรางค์ เปรมปรีดิ์” เจ้าแม่ช่อง 7 อย่างแน่นอน
“ตอนนี้ยังไม่ได้คุยเพิ่มเติมกับคุณแดงเลยครับ คุยแค่ครั้งนั้นแล้วก็ยังไม่ได้คุยอีกเลย แต่ที่ว่าคุณแดงตัดพ้อ ไม่จริงเลยครับ ผมต้องบอกเลยว่าผมกับผู้ใหญ่รักกันเป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ผมว่าท่านน่ะสนใจทุกคนแหละครับ แม้กระทั่งผมท่านก็สนใจ ท่านยังบอกเลยว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็บอกมานะ เพราะว่ายังทำงานด้วยกันอยู่นะ คือทำงานด้วยกันมา 10 ปีมันไม่ใช่แค่คนทำงานแล้วไงครับ มันอาจจะเป็นมากกว่านั้นแล้ว และในเชิงลึกก็อย่างที่บอกแหละครับ ในส่วนตัวจริงๆ ก็ยังหัวเราะ ยังพูดคุยกันปกติ คุณแดงท่านก็ยังเมตตาผมเหมือนเดิม”
“แต่ในส่วนของการทำงาน ผมอาจจะต้องพูดกับคุณแดงตรงๆ ว่าผมอยากจะทำอย่างนี้ เพราะว่าผมโตแล้ว ผมย่อมที่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง ผมเรียกว่าอยู่ในวัยที่เกินบรรลุนิติภาวะมาแล้ว เพราะฉะนั้นผมย่อมตัดสินใจด้วยตัวเองได้ในเรื่องของการทำงาน”
“ซึ่งท่านก็ฟัง ท่านก็ให้โอกาสว่าเอาอย่างนี้ไปคิดเลย 3 เดือน ก็เอาเป็นว่าเรื่องลุย ยังไม่ต้องเล่นแล้วกัน เพราะพี่ว่าเธอเล่นเธอก็ยังไม่มีสติ ผมก็บอกว่าโอเคครับถ้าอย่างนั้นผมก็น้อมรับ ก็ถือว่าแฟร์ คุณแดงท่านก็แฟร์กับผมมาก ผมกลัวคุณแดงโกรธจะตาย อันนี้พูดจริงๆ แต่ท่านไม่ได้โกรธเลย ท่านหัวเราะคิกคักๆ แล้วก็เหมือนอารมณ์ว่าเป็นห่วงด้วยซ้ำว่าจะไปทำอะไร”
“ถามว่าส่วนตัวอยากเล่นมั้ย มันก็มีทั้งข้อดีและข้อไม่มีนะครับ เอาเป็นว่าเรื่อง ลุย ใครจะเล่นก็ได้ หมายความว่ามันมีนักแสดงช่อง 7 ที่เก่งๆ เยอะมากครับที่เขาสามารถเล่นได้ มันไม่จำเป็นต้องเป็นผม แต่ว่าถ้าผมเล่นผมก็ชอบครับ แล้วมันเป็นทางของผม แล้วทีมงานก็เป็นทีมงานเดิม จากละครเรื่อง คมแฝก เรื่อง รุกฆาต เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสได้เล่นก็จะเป็นเรื่องที่ผมว่าสนุกอีกเรื่องนึง”