"ไผ่ วันพ้อยท์" เซ็ง ช่อง 7 ดื้อไม่ยอมให้ "บ๊วย-เอ๋" ขอโทษผ่านรายการ และไม่จ่ายค่าทนายหลักแสนให้ อ้างกลัวเป็นเยี่ยงอย่างทำให้มีคดีอื่นตามมา บอกจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไปให้ถึงที่สุด พร้อมเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งเพิ่ม จาก 50 ล้านเป็น 100 ล้าน ส่วน "หยาด" จะมาเป็นพยานให้หรือไม่ เจ้าตัวไม่ซีเรียส เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว
เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 2 พิธีกรชื่อดังจากรายการ "คันปาก" อย่าง "บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ" และ "เอ๋ พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์" ฐานความผิดหมิ่นประมาท กรณีไปพูดออกอากาศในทำนองว่า นางเอกสาว "หยาดทิพย์ ราชปาล" ได้หนีแม่มาอยู่บ้านนักการเมืองดัง "ไผ่ ลิกค์" หรือที่รู้จักในนาม "ไผ่ วันพ้อยท์" เพื่อเสพยาติด ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลของนักการเมืองดังเป็นอย่างมาก จึงดำเนินการฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและแพ่ง
ซึ่งในส่วนของคดีอาญาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (28 ม.ค.) "ไผ่ วันพ้อยท์" พร้อมทนายความ "สาคร ศิริชัย" ได้เดินทางมายังศาลอาญา รัชดา เพื่อเบิกความและไต่สวนมูลฟ้องที่ห้องพิจารณาคดี 813 ซึ่งทางศาลได้นัดให้ฝ่ายโจทก์มาฟังผลอีกครั้งวันที่ 5 ก.พ.นี้ที่ศาลอาญาเวลา 09.00 น. ว่า ศาลจะประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ภายหลังนักการเมืองดังได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าในเรื่องของคดีว่า
"วันนี้มาไต่สวนมูลฟ้อง ผมก็พูดในเรื่องราวความเป็นจริงทั้งหมด ก็คือผมพูดในศาลหมดแล้ว ส่วนผลผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง อันนี้ก็แล้วแต่ทางศาลว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ซึ่งผมก็พูดออกไปวันนี้ว่าผมเสียหายยังไงบ้าง เรื่องราวเป็นยังไง เราได้รับผลกระทบยังไงบ้าง"
"ซึ่งเบื้องต้นผมแค่ต้องการคำขอโทษ เราอยากให้คนที่เข้าใจผิดเราได้รับทราบ แต่ทางช่อง 7 ไม่ยอมในสิ่งที่เราอยากให้เป็น เราต้องการให้เขาขอโทษ ซึ่งเขาไม่ยอมขอโทษ คือถ้าเป็นตัวคุณบ๊วยกับคุณเอ๋เอง เราไม่เคยติดต่อไม่ได้เคยได้คุยกัน แต่จะคุยติดต่อผ่านทนายความแทน อีกอย่างหนึ่งผมคิดว่าค่าใช้จ่ายเท่าที่ได้เรียกไป มันเป็นค่าใช้จ่ายของทนาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องจ้างทนาย เขาก็น่าจะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบหรือเปล่า เราก็ขอแค่ตรงนี้ ที่ไปเรียกส่วนอื่นๆก็ไม่มีแล้ว"
"เหตุผลที่เขาให้เรา ที่บอกว่าไม่ขอโทษเราเพราะกลัวคนอื่นจะเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งฟังแล้วรู้สึกแย่ ผมคิดว่าการที่คุณเป็นสถานีโทรทัศน์ ก็ควรจะดูและพิจารณาก่อนที่จะออนแอร์ออกมาให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งในครั้งนี้ผู้เสียหายคือเรา ดังนั้นผมยืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป ซึ่งผลจะออกมาแนวไหนก็ยอมรับได้ไม่มีปัญหา ถ้าเขาบอกว่าทำได้แค่นี้เราจะได้รู้ ก็จะได้เอาไว้ป็นบรรทัดฐานว่ามันได้แค่ตรงนี้"
ต่อข้อซักถามที่ว่าจะไปขอความร่วมมือนางเอกสาว "หยาดทิพย์ ราชปาล" ให้มาช่วยเป็นพยานหรือไม่ เจ้าตัวเผยว่าแล้วแต่นางเอกสาว ตนไม่ซีเรียสอะไร
"เรื่องคุณหยาดมาเป็นพยาน จริงๆแล้วเราไม่ได้ติดต่อกันเลย คือที่ผมมาตรงนี้ก็แค่เรื่องของผม ณ วันนี้ มาวันนี้เพราะผมได้รับผลกระทบ ส่วนถ้าเขาจะมาเป็นพยานให้หรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ เอาเป็นว่าถ้าเขาอยากจะมาก็มา หรือมันอาจจะเป็นวิธีพิสูจน์ตัวเองหรือเปล่าว่าไม่เกี่ยวข้อง ถามว่าอยากให้มามั้ย อันนี้เฉยๆครับ ถ้ามาก็มา ถ้าไม่มาก็ไม่ซีเรียส"
ด้านทนายความ "สาคร ศิริชัย" เผยถึงเงื่อนไขที่ยื่นเสนอไปยังจำเลยทั้งสองคน แต่ได้รับการปฏิเสธจากช่อง 7 ว่าจะไม่มีการขอโทษเกิดขึ้น
"ทางเราจะติดต่อผ่านทางทนายของคู่กรณีทั้งคู่ เราขออยู่ 2 เรื่องเท่านั้นเอง คือเรื่องการประกาศคำขออภัย หรือคำขอโทษ และในเรื่องของจำนวนเงินค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก ซึ่งตรงนี้ที่เรียกไปเรามองว่าเป็นค่าเสียหายที่คุณไผ่ ได้รับความเสียหายจริงๆ เป็นการชดเชยความเสียหาย เพียงแค่หลักแสนเอง มันน้อยมากกับสิ่งที่เราเสียไป และให้เขาลงขอโทษคุณไผ่ในรายการของเขาเอง และลงหนังสือพิมพ์สัก 2-3 ฉบับ อย่างที่คดีหมิ่นประมาททั่วไปทำกัน"
"ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดวิสัยที่ช่อง 7 ควรจะทำได้ แต่เท่าที่ติดต่อผ่านทางทนาย ในส่วนของการขอโทษทางช่อง 7 ปฏิเสธเลยว่า จะไม่มีการขอโทษ เขาเกรงว่าจะมีรายอื่นนำไปฟ้อง หรือเรียกค่าเสียหายต่างๆ ซึ่งทางช่อง 7 เป็นบริษัทที่มีหุ้นส่วน มีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนมาก ถ้านำเงินมาจ่ายในลักษณะนี้ เขาก็เกรงว่าถ้ามีกรณีพิพาทเรื่องอื่นอีกแล้วมากระทบ เช่นเป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งมีการนำเสนอข่าว เขาก็เกรงว่าจะไปเป็นเยี่ยงอย่าง และจะมีการดำเนินคดีฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหายกันอีก ซึ่งเราได้ติดต่อคุยกับทนายความคู่กรณีมา เมื่อเงื่อนไขมันเป็นแบบนี้ ทางศาลเลยบอกว่าเมื่อทางคุณไผ่ขอให้มาเจรจา สุดท้ายแล้วทางฝ่ายคู่กรณีไม่มีการรับเงื่อนไขเลย ก็คงจะคุยกันไม่ได้ เราก็คงใช้กระบวนการยุติธรรม หาความเป็นธรรมให้ตัวเองต่อไป"
ในส่วนคดีแพ่งที่ยื่นฟ้องช่อง 7 เป็นจำเลยที่ 1 และ "บ๊วย-เอ๋" เป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ทนายสาครเผยว่า ได้มีการแก้สำนวนฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม จาก 50 ล้านเป็น 100 ล้าน
"ในส่วนของคดีแพ่ง เราได้ไปฟ้องเพิ่มอีก 50 ล้าน แล้วก็จะมีการนำสืบว่าเราเสียหายจริงอย่างไร จริงๆวันนี้เราฟ้องแค่คุณบ๊วยและคุณเอ๋ ทางทนายของคุณบ๊วยและคุณเอ๋ได้แจ้งให้ทราบว่า คุณบ๊วยและคุณเอ๋ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เพราะยังไงเขาทำในนามช่อง 7 แต่วันนี้เราไม่ได้ฟ้องช่อง 7 นะ ซึ่งถ้าเป็นช่อง 7 เราจะฟ้องแพ่ง และจะขึ้นศาลเดือนหน้า ในฐานะที่เป็นนายจ้าง และฟ้องให้เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนคุณบ๊วยกับคุณเอ๋ เป็นจำเลยที่ 2 และ 3"
"ตอนหลังผมมาแก้คำฟ้องใหม่ เป็นฟ้องคุณเอ๋กับคุณบ๊วยคนละ 25 ล้านบาทเท่ากัน และให้ช่อง 7 รับผิดชอบร่วมอีก 50 ล้าน รวมทั้งหมดเป็น 100 ล้าน ซึ่งตอนนี้เราได้ส่งสำนวนให้พิจารณาแล้ว ส่วนมันจะนานแค่ไหนเราก็รอ เพื่อแสวงหาความเป็นธรรมให้ได้มากที่สุด เพราะทางครอบครัวของคุณไผ่ได้รับความเสียหายมาก"