“เอ๋-บ๊วย” ทำเฉยไม่ยอมไปเคลียร์คดี “ไผ่ วันพ้อยท์” งานนี้เลยเจอฟ้องแพ่งเรียก 50 ล้านเพิ่มอีกหนึ่งคดี ด้านเจ้าตัวโยนให้ผู้ใหญ่ช่อง 7 เคลียร์ เผยยินดีคุยกับไผ่เพราะอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี
เป็นเรื่องเป็นราวกันมาตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว สำหรับคดีที่ “ไผ่ วันพ้อยท์” หรือ “ไผ่ ลิกค์” อดีตผู้สมัครสส.พรรคพลังประชาชน จ.กำแพงเพชร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับ “เอ๋ พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์” พิธีกรรายการ “คันปาก” ทางช่อง7 กรณีพูดออกอากาศในทำนองที่ว่าดาราสาว “หยาดทิพย์ ราชปาล” ได้หนีมาอยู่ที่บ้านไผ่เพื่อเสพยาเสพติด ซึ่งฝ่ายโจทก์อ้างว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงศ์ตระกูล อีกทั้งยังส่งผลให้เสียคะแนนนิยมจนกระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า เป็นเหตุให้ต้องลุกขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีดังกล่าว
แต่ปรากฏว่าเอ๋กับบ๊วยและช่อง 7 ต้นสังกัด ยังคงเพิกเฉยไม่มีการติดต่อมายังผู้เสียหาย ล่าสุดทนายของไผ่ก็เลยฟ้องคดีแพ่งเพิ่ม เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท และขอให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากไม่พอใจที่ทางรายการไม่ยอมแก้ข่าวหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งที่ได้มีการฟ้องไปแล้ว ซึ่งทางไผ่ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้มีการนัดสอบปากคำพยานกันเรื่อยมา แต่ทั้งสองพิธีกรก็ยังไม่เคยขึ้นสอบปากคำเลยสักครั้ง
แต่ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 /มี.ค./53) บ๊วยและเอ๋ พร้อมทนายความได้เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดาเพื่อสอบพยานเป็นครั้งแรก ซึ่งมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และเผยว่าไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่กับคดีนี้ เพราะว่าทางผู้ใหญ่ช่อง 7 เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด แต่ตนทั้งคู่ก็อยากจะให้จบคดีโดยเร็วที่สุดเหมือนกัน
เอ๋ : “ก็ตื่นเต้นดีค่ะ เพราะเคยเห็นแต่ในหนังนะ(หัวเราะ) แต่พอเข้าไปในห้องจริงๆ ก็ตื่นเต้นค่ะ”
บ๊วย : “เราก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยครับ เพราะว่าศาลก็เรียกคุยกันในเรื่องของข้อเท็จจริง วันนี้เราก็มาคุยกันในเรื่องของความจริง และมารับทราบว่า ศาลมีการพิจารณาคดีถึงไหนแล้ว และขึ้นฟังข้อเสนอของทางฝ่ายโจทก์ว่าเป็นยังไง ทางฝ่ายจำเลยสามารถทำให้ได้มั้ย ซึ่งตอนนี้เราสองคนก็เป็นจำเลยอยู่”
เอ๋ : “ส่วนเรื่องจะดำเนินการยังไงต่อ จะขอโทษมั้ย อันนี้ก็คงต้องเป็นไปตามขั้นตอนต่อไป หลังจากที่มีการสืบพยานแล้วนะคะ เรื่องนัดคุยกันก็คงต้องตามขั้นตอนอีกเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ยังไม่ทราบจริงๆ ว่าจะยังไง ต้องคุยกันอีกทีนึงก่อน แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องมายังไม่ได้มีการนัดพูดคุยกับทางคุณไผ่เลยค่ะ”
บ๊วย : “ต้องบอกว่าทางผมและเอ๋ทำงานให้กับรายการคันปาก เป็นของช่อง 7 ซึ่งทางช่อง 7 ก็รับผิดชอบดูแลคดีนี้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดผมกับเอ๋ไปติดต่อทางคุณไผ่เอง เกรงว่าบางทีการดำเนินคดีหรือวิธีการจะไม่ตรงกัน เราก็ต้องให้เกียรติทางผู้ใหญ่ จริงอยู่ที่คดีนี้เป็นของเราสองคน(หัวเราะ) แต่ถ้าเกิดเราไปละเมิดและไม่ตรงกับทิศทางที่ทางช่องกำลังจะดำเนินคดี ก็จะผิดทิศทางกันไป ฉะนั้นเราก็ต้องให้ความเชื่อใจกับทางช่องว่าจะมีทิศทางยังไงต่อไป เราสองคนก็ยินดีน้อมรับครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคดีนี้เป็นคดีที่เราสองคนเป็นจำเลยก็จริง แต่ทางช่องดูแลอย่างดีมากๆ ครับ”
เอ๋ : “จริงๆ ก็อยากให้จบเร็วๆ นะคะ เพราะทางเราทั้งสองฝ่ายก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะมันก็เนิ่นนานมาแล้ว ก็อยากจะให้ไกล่เกลี่ยกันได้ค่ะ”
บ๊วย : “คือผมก็พูดเสมอว่าทางผมเอง ทางเอ๋และทางคุณไผ่ไม่ได้มีการโกรธกัน ทุกวันนี้ก็ไม่ได้โกรธกัน เพราะการที่เราทำรายการแล้วอาจจะไปกระทบจิตใจใคร และรู้สึกไม่พอใจก็สามารถฟ้องร้องได้ เป็นสิทธิของทุกคนอยู่แล้ว แต่ ณ ขณะนี้เราเองก็อยากจะจบคดีให้เร็วที่สุด เนื่องจากครอบครัวเราสองคนก็ไม่สบายใจ ทางคุณไผ่ก็ไม่สบายใจ ทุกคนไม่สบายใจกันหมด อยากให้จบลงด้วยดีครับ ทุกคนอยากดูละครแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งครับ ถามว่าพร้อมมาคุยกันมั้ย เราพร้อมเสมอครับ และผมเชื่อว่าทางคุณไผ่เองก็พร้อมเช่นเดียวกัน เจอกันเถอะครับ มาคุยกัน เอ๋จะได้แต่งงานสักที(หัวเราะ)”
ด้าน “สาคร ศิริชัย” ทนายของ “ไผ่ วันพ้อยท์” เผยว่า ถ้าสองพิธีกรยอมติดต่อไปทางไผ่เรื่องน่าจะจบได้ด้วยดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางไผ่เองก็ตั้งใจอยากจะให้เรื่องราวจบที่อีกฝ่ายยอมขอโทษ และยอมชดใช้ตามที่ได้มีการเรียกร้องไปแล้ว
“วันนี้เป็นนัดสอบคำให้การและสอบพยานหลักฐานนะครับ ซึ่งวันนี้ศาลก็เรียนชี้แจงว่าถ้าทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันได้ ก็จะดีกว่าให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคดีจะออกมาในแนวทางไหน แต่ถ้าคุยกันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และวันนี้ผมก็ได้ฝากคุณบ๊วยไปแล้วว่า น่าจะมีการติดต่อไปเป็นการส่วนตัวถึงคุณไผ่ เพราะเราเองก็ทราบว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่เรื่องนี้มันสร้างความเสียหายกับวงศ์ตระกูลของเขา ซึ่งถ้าคุยกันแล้วพอใจและไม่ติดใจอะไร ก็อยู่ที่คุณไผ่เอง แต่คิดว่าน่าจะคุยกันได้ครับ”
“ทางคุณไผ่เองอยากจะจบคดีโดยที่สามารถเยียวยาในส่วนของชื่อเสียงของเขาได้ เพราะจำนวนเงินเราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก เป็นแค่ค่าเสียหาย ค่าใช้จ่าย ค่าทนายเท่านั้น นอกนั้นคุณไผ่ก็อาจจะให้ทางช่อง 7 ทำการขอโทษ ทั้งทางสื่อเขาเอง หรือว่าลงตามสื่อหนังสือต่างๆ เพื่อเป็นการชี้แจงและแก้คำครหาเสียๆ หายๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าคุยและเคลียร์กันได้ก็จะเป็นเรื่องดีครับ ซึ่งก็จะมีนัดสืบพยานกันอีกในวันที่ 29 ก.ค. ฝ่ายโจทก์จะมีนัดสืบพยานอีก 5 ปาก และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 20 ก.ค. นี้ โดยจะสืบพยานจำเลยอีก 6 ปากครับ”