"แตงโม" รับดร็อปเรียน เหตุเป็นอุปสรรคชีวิต ลั่นขอโฟกัสหาเงินผ่อนบ้าน 10 ล้านให้พ่อก่อน บอกเป็นค่านิยมของคนไทย ใบปริญญาใบเดียวไม่ช่วยล้างหนี้ได้ เผยจะกลับไปเรียนต่อที่เมืองนอก พร้อมยัน “แต๊งค์” ไม่เคยพูดจะหาเงินเลี้ยง โบ้ยสื่อเขียนข่าวกันไปเอง
เคยตกเป็นประเด็นเอาแต่สนใจเรื่องความรัก จนลืมเรียนให้จบ จากนั้นไฮโซหนุ่ม “แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ” ได้ออกโรงสนับสนุนแฟนสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” อีกแรงว่า ถึงแม้นางเอกสาวจะเรียนไม่จบ แต่ทว่าเป็นคนเก่ง สามารถหาเงินได้มากกว่าคนที่จบปริญญาโท โดยตนยินดีหาเลี้ยงแฟนสาวเอง หากเรียนไม่จบจนได้รับปริญญาจริงๆ
ซึ่งภายหลังไฮโซหนุ่มให้สัมภาษณ์ออกไป ปรากฏได้รับเสียงด่ามากมายจมหู ร้อนถึงสาวแตงโมต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวเอง โดยยอมรับว่าเรื่องเรียนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตนในขณะนี้ เนื่องจากต้องทำงานหาเงินสร้างบ้านราคา 10 ล้านให้พ่อก่อน
“เรื่องเรียนยังไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับต้นๆของโม ณ เวลานี้ สิ่งสำคัญต้นๆ ของโมตอนนี้คือ การหาเงินสร้างบ้านให้พ่อ เพราะซื้อไว้แล้ว ยังไงก็ต้องผ่อน 2 หลังก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว และยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าใช้จ่ายคุณพ่ออีก"
"คือโมเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว คุณพ่อจะหาเงินเฉพาะส่วนที่คุณพ่อใช้จ่าย แต่ว่าหลักๆ เลยโมจะเป็นคนหา เพราะฉะนั้นการเรียน ณ เวลานี้มันเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของโม โมก็ต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง"
"อันไหนที่สำคัญตอนนี้ก็ต้องเอาไว้ก่อน เรื่องเรียนถ้าตอนนี้โมได้กระดาษใบนั้นมา มันไม่ได้ช่วยให้โมผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นโมต้องทำงาน ตอนนี้ก็ดร็อปเรียนที่ม.ธุรกิจบัณฑิต ปี 3 ไว้ มันเหลืออีกนิดเดียวก็จริง แต่โมเก็บปีแรกๆ ไม่ได้ครบขนาดนั้น"
"คือโมจะเรียนเอาวิชาจำเป็นไว้ เรียนเอาวิชาที่เราสามารถไปทำมาหากินได้ ส่วนวิชานอกโมไม่ได้เรียน อย่างพวกคิดเลขที่มันไม่ได้ใช้ โมไม่เรียนเลย คิดว่าเรียนไปก็เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ เราก็เรียนเฉพาะอะไรที่มันตรงสาขา"
"อย่างตัดเย็บ ประวัติศาสตร์ศิลป์ องค์ประกอบศิลป์ อะไรที่มันสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ โมเอาไว้หมด แต่ว่าวิชาอื่นไม่จำเป็นสำหรับชีวิตโมก็ไม่รู้จะเรียนทำไม”
ปัดแฟนหนุ่มไม่เคยพูด จะเลี้ยงตนหากเรียนไม่จบ โบ้ยสื่อเอาไปเขียนให้เป็นประเด็นเอง
“ที่ว่าพี่แต๊งค์พูดถึงโมเรียนไม่จบ เขาก็เลี้ยงได้ อันนี้เขาไม่ได้พูดนะคะ นักข่าวไปเขียนเอาเอง เขาอ่านก็ยังงงๆอยู่เลย เขาบอกไม่ได้พูด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นโมก็ไม่ได้หวังให้ใครมาเลี้ยง โมสนุกกับการทำงาน โมรักที่จะทำงาน ทำแล้วมันได้เงิน"
"เราใช้เงินที่หามาเองมันสะใจว่า เรายังมีกำลังที่จะทำมันอยู่อีกนะ ไอ้นี่เราก็ทำได้ ไอ้นั่นเราก็ทำได้ คนที่เขาจ้างเรา เขาพอใจในผลงานเรา มันเป็นอะไรที่รู้สึกดี ทุกวันนี้กับพ่อโมเองยังไม่ขอเงินเลย แต่ถ้าวันนึงเราต้องไปใช้เงินคนอื่น โมรู้สึกไม่เต็มที่กับเงินตรงนั้น”
เปรยการเรียนจบได้ปริญญาเป็นแค่ค่านิยมในเมืองไทย ซึ่งถ้าตนจะกลับไปเรียน คงไปเรียนที่เมืองนอกตามที่ตั้งใจมานาน
“ส่วนว่าจะกลับไปเรียนมั้ย ถ้าใจจริงแล้วสิ่งที่คิดมาตลอดเวลา 6-8 ปี คือการไปเรียนเมืองนอกเท่านั้น แต่ไม่เคยทำได้สักครั้งเพราะงานมันเยอะ ก็ยังคิดที่อยากจะไปเรียนอยู่ เรื่องเรียนตอนนี้เลยยังหาบทสรุปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการงานด้วย"
"ที่สำคัญตอนนี้การงานมันเป็นสิ่งจำเป็น และคุณพ่อก็สนับสนุนให้ทำงานมากๆ (หัวเราะ) เพราะเขาเห็นว่าเรามีความสุขกับตรงนี้ แล้วต้องยอมรับว่าวงการบันเทิง มันหาเงินได้มากกว่าคนจบปริญญาโทตั้งหลายเท่า มันปฏิเสธไม่ได้ในข้อนี้”
“ฉะนั้นส่วนหนึ่งมันคือค่านิยม อย่างบ้านเราบางทีกระดาษใบเดียวโมยังเห็นเขาไปเสิร์ฟอาหาร แต่ไม่ได้บอกว่าให้เด็กทุกคนทำตามนะ คือการเรียนในมหาวิทยาลัยหรือการเรียนในอะไรก็ตาม มันเสริมสร้างให้เราเป็นคนเต็มคน"
"แต่ว่าด้วยความที่โมทำงานในวงการนี้ โมเป็นเด็กที่โตกว่าวัยเยอะมาก โมเจออะไรมาค่อนข้างเยอะแล้ว สังคมในมหาวิทยาลัยโมเคยเข้าไป เพราะฉะนั้นโมได้สังคมตรงนั้นกลับมาหมด โมเลยไม่ต้องการอะไรจากที่นั่นอีกแล้ว ไม่รู้จะเอาอะไร”
เผยเหตุซื้อบ้าน 2 หลังรวมราคา 10 ล้าน เพราะเป็นความต้องการในบั้นปลายชีวิตของพ่อที่อยากอยู่กับลูกสาว
“บ้านที่ซื้อเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 หลัง โมหลังนึง พ่อหลังนึง 2 หลังก็ 8 ล้าน ค่าตกแต่งรวมๆ แล้วก็น่าจะประมาณ 10 ล้าน ตอนนี้ยังไม่เสร็จยังไม่ได้ตกแต่งข้างใน น่าจะสักครึ่งปีถึงจะเสร็จ ภายในปีหน้าน่าจะได้อยู่ ซึ่งคุณพ่อก็ปลื้มมากๆ คือคุณพ่อมีความสุขอย่างเดียว คือการได้อยู่กับโม ไม่ว่าจะทำอะไรด้วยกันก็ตาม ทำกับข้าวด้วยกัน นั่งดูทีวี ไปดูหนัง กินข้าว ออกมาทำงานกับลูก นั่นคือความสุขของคุณพ่อ”
“แต่ทุกวันนี้เราแยกกันอยู่ เพราะด้วยการอำนวยความสะดวกหลายๆ อย่าง เส้นทางการทำงาน หมายถึงว่าถนนหนทาง แยกกันอยู่แล้วเราไปทำงานง่าย คุณพ่อก็มีแฟนโมเลยแยกกันอยู่มาเป็น 10 ปีแล้ว และความหวังเดียวของคุณพ่อในบั้นปลายชีวิต เขาอยากอยู่กับลูก เพราะฉะนั้นสิ่งนี้แหละมันทำให้โมต้องทำงานเยอะ”
“แล้วที่โมแยกออกมาอยู่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับแฟนคุณพ่อนะคะ โมโอเค คือคุณพ่อไม่ได้แต่งงานใหม่ ไม่ได้มีคุณแม่ใหม่ให้ แฟนคุณพ่อก็เป็นคนที่มาดูแลคุณพ่อแทบจะทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ ถ้าดูแลคุณพ่อแล้วก็จะดูแลถึงโมด้วย คือเขาก็ทำหน้าที่ค่อนข้างหนักเหมือนกัน”
เมินถูกมองอยู่ก่อนแต่งกับ “แต๊งค์” ย้อนเป็นแฟนกันมันผิดตรงไหน ยังมั่นใจฝ่ายชายเป็นรักครั้งสุดท้าย
“ข่าวที่ว่าโมอยู่ก่อนแต่งกับพี่แต๊งค์ อันนี้โดนไปแล้ว อธิบายไปแล้ว ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเราอายุเท่านี้จะ 30 กันแล้ว และเขาเป็นแฟนเรา เขาไม่ใช่คนอื่น ข่าวพวกนี้โมเฉยๆ เพราะนี่คือแฟนโม แต่ถ้าเกิดวันนึงไปบอกว่าโมอยู่กับพี่เคน ธีรเดช อันนี้คงปรี๊ดมากเพราะมันผิด แต่นี่มันแฟนเลยไม่รู้จะผิดตรงไหนดี”
“ตอนนี้เราสองคนคบกันมา 4-5 เดือนแล้ว ก็ยังยืนยันคำพูดเดิมนะว่า ขอเป็นสุดท้ายแน่นอน ยิ่งอยู่ยิ่งใช่ ยิ่งอยู่ยิ่งมั่นใจมากขึ้น มองอนาคตด้วยกันมั้ยก็มองไว้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าวางแพลนอะไรไว้ แต่หมายถึงว่าพยายามที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันดีที่สุด เพื่อมันจะได้มีวันพรุ่งนี้ต่อๆ ไป"
"เราทำอะไรกันก็ไม่กั๊ก หมายถึงว่าโมไม่คิดที่จะเอาเขาไปหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อกั๊กไว้ว่า วันนึงฉันเจอคนที่ดีกว่า เราทำตัวเหมือนเป็นคนสุดท้ายกันแล้วจริงๆ เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันแล้วจริงๆ เราดูแลกันในลักษณะนั้นค่ะ”
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |