นอกจากฟอร์มการเล่นของนักเตะแล้ว อีกประการหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเซ็งปนรำคาญเป็นอย่างมากในการแข่งขันฟุตบอลศึกเอเชี่ยนคัพ 2011 ระหว่างทีมชาติไทยกับสิงคโปร์เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมาก็คือการถ่ายทอดสดของช่อง 7
จริงอยู่มันอาจจะเป็นเรื่องเก่าๆ และถึงแม้จะรู้ว่ามันคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมากับการพูดถึง แต่ในฐานะแฟนบอลไทยคนหนึ่งก็อยากจะกระทุ้งถึงกันบ้าง
เพราะการตัด(เข้าโฆษณา)กันเกือบจะทุกครั้งที่บอลออกแบบนี้ ผมว่ามันเกินไป
แน่นอนครับ ในแง่หนึ่งบรรดาสปอนเซอร์เจ้าของโฆษณาทั้งหลาย คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการถ่ายทอดสดขึ้นมา (ให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเคเบิ้ลทีวีได้มีโอกาสรับชม) แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือในการที่จะทำให้คนที่เขาดูบอลไม่ต้องเสียอารมณ์จนเกิดความรำคาญกับการยิงโฆษณาชนิดที่ "ถี่ยิบ" (โดยเฉพาะในทุกๆ ครั้งที่ช่อง 7 ถ่ายทอด)
เช่น แทนที่จะหลอกเอาเงินชาวบ้านโดยการส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาก็ให้ขึ้นเป็นกราฟฟิกหรือข้อความโฆษณาทางด้านล่างจอทีวีแทน
ส่วนบรรดาเจ้าของสินค้า เอเยนซีทั้งหลาย ท่านอย่าได้คิดว่าการที่สินค้าของท่านได้ออกผ่านจอทีวีบ่อยๆ ระหว่างการถ่ายทอดสดจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะแม้จะจำชื่อสินค้าของท่านได้จริง แต่คนดูส่วนใหญ่เท่าที่ผมสัมผัส(แน่นอนว่ารวมทั้งผม)จะรู้สึกโกรธและพาลหาเรื่องสินค้าของท่านมากกว่าที่จะมองเห็นว่าเป็นผู้มีอุปการะคุณที่ต้องให้การสนับสนุน
หลายคนอาจจะมองในแง่ของบุญคุณทำนองที่ว่าเขาถ่ายให้ดูก็บุญแล้ว ถ้ารำคาญนักก็ไม่ต้องดู หรือถ้ารักกันจริงก็ไปดูที่สนามเสียเลยสิ ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่า ก็ในเมื่อถ่ายทอดแล้วทำไมไม่ทำให้มันออกมาดี ให้คนเขาชมล่ะครับ
เหมือนกับพ่อ-แม่ที่มีลูกออกมาแล้วปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะสั่งสอน จนลูกกลายเป็นคนเลว ทำตัวเกเร ระรานชาวบ้าน ตรงนี้พ่อแม่ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบใช่หรือไม่?
ทั้งหลายทั้งปวงผมไม่ได้ตำหนิบรรดาเจ้าของโฆษณาทั้งหลายหรือว่าช่อง 7 นะครับ เพราะเข้าใจดีถึงการทำงานในภาคส่วนที่เป็นเอกชน ช่อง 7 อุตส่าห์เสียเงินไปซื้อลิขสิทธิ์มาก็ย่อมจะต้องหากำไรจากตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เพราะที่น่าตำหนิก็คือสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรวมถึงรัฐบาล
รู้ทั้งรู้อยู่มิใช่หรือครับว่าการถ่ายทอดสดในการแข่งขันแต่ละครั้งคือการประชาสัมพันธ์ที่ดี(ที่สุด)ในการที่จะทำให้คนไทยได้หันมาเชียร์สนับสนุนทีมชาติไทยมากขึ้น (อย่าบอกนะว่ากลัวว่าถ้าถ่ายทอดสดแล้วจะทำให้คนไม่เข้าไปดูในสนาม ตรงนั้นผมว่ามันขึ้นอยู่กับฟอร์มการเล่นมากกว่า) ทำไมไม่คิดจะเจียดจัดงบมาให้ความสำคัญกับตรงนี้บ้าง
ที่สำคัญรัฐฯ เองก็มีสื่อทีวีอยู่ในมือมิใช่หรือ? จะเอาไว้ถ่าย(ทอดสด)แต่ฟุตบอลประเพณี งานประกวดธิดาสวนทุเรียน แข่งเรือยาว หรือนายกฯ พบประชาชนเท่านั้นหรือครับ
หรือถ้าทางสมาคมฯ คิดว่าจะขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพื่อหารายได้มาพัฒนาทีมกันจริงๆ ก็น่าจะตั้งเงื่อนไขไปเลยว่าห้ามไม่ให้มีการตัดเข้าโฆษณาระหว่างการแข่งขัน เหมือนอย่างเช่นฟีฟ่ากำหนดไว้สำหรับผู้ที่จะซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกไปถ่ายฯ (จนเจ้าของลิขสิทธิ์ในบ้านเราทั้งรายเก่ารายใหม่เอามาโฆษณาเคลมจนดูเหมือนเราเป็นหนี้บุญคุณในความเพลิดเพลินอารมณ์ระหว่างชม)
ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าระบบการจัดการของสมาคมฟุตบอลมันเป็นอย่างไร แต่ผมว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้
เขียนเรื่องนี้ ก็เพราะเย็นวันนี้ (2 ธ.ค.) จะมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลซีเกมส์ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเวียดนาม ผ่านช่อง 11 (17.45 น.) จากประเทศลาว
ที่ผ่านมาเรื่องการถ่ายทอดสดกีฬารายการนี้มีปัญหาวุ่นวายไม่น้อยทีเดียวครับ หลังลาวได้ขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งนี้ให้กับ บริษัท เพชรจำปา จำกัด โดยมีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาเผยแพร่ในประเทศไทย ขณะที่ทางสหพันธ์ซีเกมส์ มองว่าการซื้อขายสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องผ่านการลงนามในสัญญา หรือทำข้อตกลงกับคณะกรรมการเฉพาะกิจของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ที่คณะมนตรีซีเกมส์ (ประกอบด้วย ศ.เจริญ วรรธนะสิน, น.พ.วารินทร์ ตัณฑศุภศิริ และนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ) แต่งตั้งขึ้นเสียก่อนตามข้อสรุปที่มีขึ้นมาตั้งแต่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเจ้าภาพว่า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดนั้นไม่ได้เป็นของประเทศเจ้าภาพ หากแต่เป็นของสหพันธ์ซีเกมส์
เรื่องนี้ใครจะมั่ว ใครทำตัววุ่นวาย ใครจะหวงก้างอะไรเอาไว้ หรือใครจะได้ผลประโยชน์อะไรไป ผมเองก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่ที่รู้ก็คือปีนี้จะไม่มีการถ่ายทอดสดซีเกมส์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ หรือทีวีพูล เหมือนที่ผ่านๆ มาแต่อย่างใด โดยช่องที่รับหน้าที่ถ่ายทอดสดแต่เพียงผู้เดียวก็คือช่อง 11
ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ผลประโยชน์มักจะนำมาซึ่งความความขัดแย้ง ไม่เว้นแม้แต่กีฬาที่ว่ากันว่าเป็นยาวิเศษที่ทำให้คนรักใคร่ สามัคคีแสดงน้ำใจซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งเชื้อชาติพันธุ์
ท้ายสุด ผมก็หวังว่าเงินกำไร 30 ล้านบาทที่ "เฮียฮ้อ" ณ อาร์เอสฯ ให้สัมภาษณ์ว่าได้มาแน่ๆ แล้วจากบรรดาสปอนเซอร์ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนลิขสิทธิ์นี้ คงจะไม่ทำให้แฟนกีฬา-คอบอลทั้งหลายต้องเสียอารมณ์กับโฆษณาระหว่างชมการถ่ายทอดสดอยู่นะครับ
จริงอยู่มันอาจจะเป็นเรื่องเก่าๆ และถึงแม้จะรู้ว่ามันคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมากับการพูดถึง แต่ในฐานะแฟนบอลไทยคนหนึ่งก็อยากจะกระทุ้งถึงกันบ้าง
เพราะการตัด(เข้าโฆษณา)กันเกือบจะทุกครั้งที่บอลออกแบบนี้ ผมว่ามันเกินไป
แน่นอนครับ ในแง่หนึ่งบรรดาสปอนเซอร์เจ้าของโฆษณาทั้งหลาย คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการถ่ายทอดสดขึ้นมา (ให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเคเบิ้ลทีวีได้มีโอกาสรับชม) แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือในการที่จะทำให้คนที่เขาดูบอลไม่ต้องเสียอารมณ์จนเกิดความรำคาญกับการยิงโฆษณาชนิดที่ "ถี่ยิบ" (โดยเฉพาะในทุกๆ ครั้งที่ช่อง 7 ถ่ายทอด)
เช่น แทนที่จะหลอกเอาเงินชาวบ้านโดยการส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาก็ให้ขึ้นเป็นกราฟฟิกหรือข้อความโฆษณาทางด้านล่างจอทีวีแทน
ส่วนบรรดาเจ้าของสินค้า เอเยนซีทั้งหลาย ท่านอย่าได้คิดว่าการที่สินค้าของท่านได้ออกผ่านจอทีวีบ่อยๆ ระหว่างการถ่ายทอดสดจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะแม้จะจำชื่อสินค้าของท่านได้จริง แต่คนดูส่วนใหญ่เท่าที่ผมสัมผัส(แน่นอนว่ารวมทั้งผม)จะรู้สึกโกรธและพาลหาเรื่องสินค้าของท่านมากกว่าที่จะมองเห็นว่าเป็นผู้มีอุปการะคุณที่ต้องให้การสนับสนุน
หลายคนอาจจะมองในแง่ของบุญคุณทำนองที่ว่าเขาถ่ายให้ดูก็บุญแล้ว ถ้ารำคาญนักก็ไม่ต้องดู หรือถ้ารักกันจริงก็ไปดูที่สนามเสียเลยสิ ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่า ก็ในเมื่อถ่ายทอดแล้วทำไมไม่ทำให้มันออกมาดี ให้คนเขาชมล่ะครับ
เหมือนกับพ่อ-แม่ที่มีลูกออกมาแล้วปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะสั่งสอน จนลูกกลายเป็นคนเลว ทำตัวเกเร ระรานชาวบ้าน ตรงนี้พ่อแม่ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบใช่หรือไม่?
ทั้งหลายทั้งปวงผมไม่ได้ตำหนิบรรดาเจ้าของโฆษณาทั้งหลายหรือว่าช่อง 7 นะครับ เพราะเข้าใจดีถึงการทำงานในภาคส่วนที่เป็นเอกชน ช่อง 7 อุตส่าห์เสียเงินไปซื้อลิขสิทธิ์มาก็ย่อมจะต้องหากำไรจากตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เพราะที่น่าตำหนิก็คือสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรวมถึงรัฐบาล
รู้ทั้งรู้อยู่มิใช่หรือครับว่าการถ่ายทอดสดในการแข่งขันแต่ละครั้งคือการประชาสัมพันธ์ที่ดี(ที่สุด)ในการที่จะทำให้คนไทยได้หันมาเชียร์สนับสนุนทีมชาติไทยมากขึ้น (อย่าบอกนะว่ากลัวว่าถ้าถ่ายทอดสดแล้วจะทำให้คนไม่เข้าไปดูในสนาม ตรงนั้นผมว่ามันขึ้นอยู่กับฟอร์มการเล่นมากกว่า) ทำไมไม่คิดจะเจียดจัดงบมาให้ความสำคัญกับตรงนี้บ้าง
ที่สำคัญรัฐฯ เองก็มีสื่อทีวีอยู่ในมือมิใช่หรือ? จะเอาไว้ถ่าย(ทอดสด)แต่ฟุตบอลประเพณี งานประกวดธิดาสวนทุเรียน แข่งเรือยาว หรือนายกฯ พบประชาชนเท่านั้นหรือครับ
หรือถ้าทางสมาคมฯ คิดว่าจะขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพื่อหารายได้มาพัฒนาทีมกันจริงๆ ก็น่าจะตั้งเงื่อนไขไปเลยว่าห้ามไม่ให้มีการตัดเข้าโฆษณาระหว่างการแข่งขัน เหมือนอย่างเช่นฟีฟ่ากำหนดไว้สำหรับผู้ที่จะซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกไปถ่ายฯ (จนเจ้าของลิขสิทธิ์ในบ้านเราทั้งรายเก่ารายใหม่เอามาโฆษณาเคลมจนดูเหมือนเราเป็นหนี้บุญคุณในความเพลิดเพลินอารมณ์ระหว่างชม)
ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าระบบการจัดการของสมาคมฟุตบอลมันเป็นอย่างไร แต่ผมว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้
เขียนเรื่องนี้ ก็เพราะเย็นวันนี้ (2 ธ.ค.) จะมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลซีเกมส์ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเวียดนาม ผ่านช่อง 11 (17.45 น.) จากประเทศลาว
ที่ผ่านมาเรื่องการถ่ายทอดสดกีฬารายการนี้มีปัญหาวุ่นวายไม่น้อยทีเดียวครับ หลังลาวได้ขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งนี้ให้กับ บริษัท เพชรจำปา จำกัด โดยมีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาเผยแพร่ในประเทศไทย ขณะที่ทางสหพันธ์ซีเกมส์ มองว่าการซื้อขายสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องผ่านการลงนามในสัญญา หรือทำข้อตกลงกับคณะกรรมการเฉพาะกิจของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ที่คณะมนตรีซีเกมส์ (ประกอบด้วย ศ.เจริญ วรรธนะสิน, น.พ.วารินทร์ ตัณฑศุภศิริ และนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ) แต่งตั้งขึ้นเสียก่อนตามข้อสรุปที่มีขึ้นมาตั้งแต่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเจ้าภาพว่า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดนั้นไม่ได้เป็นของประเทศเจ้าภาพ หากแต่เป็นของสหพันธ์ซีเกมส์
เรื่องนี้ใครจะมั่ว ใครทำตัววุ่นวาย ใครจะหวงก้างอะไรเอาไว้ หรือใครจะได้ผลประโยชน์อะไรไป ผมเองก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่ที่รู้ก็คือปีนี้จะไม่มีการถ่ายทอดสดซีเกมส์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ หรือทีวีพูล เหมือนที่ผ่านๆ มาแต่อย่างใด โดยช่องที่รับหน้าที่ถ่ายทอดสดแต่เพียงผู้เดียวก็คือช่อง 11
ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ผลประโยชน์มักจะนำมาซึ่งความความขัดแย้ง ไม่เว้นแม้แต่กีฬาที่ว่ากันว่าเป็นยาวิเศษที่ทำให้คนรักใคร่ สามัคคีแสดงน้ำใจซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งเชื้อชาติพันธุ์
ท้ายสุด ผมก็หวังว่าเงินกำไร 30 ล้านบาทที่ "เฮียฮ้อ" ณ อาร์เอสฯ ให้สัมภาษณ์ว่าได้มาแน่ๆ แล้วจากบรรดาสปอนเซอร์ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนลิขสิทธิ์นี้ คงจะไม่ทำให้แฟนกีฬา-คอบอลทั้งหลายต้องเสียอารมณ์กับโฆษณาระหว่างชมการถ่ายทอดสดอยู่นะครับ