xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศคนกินแกลบ-ประเทศที่คุกมีไว้ขังคนจนกับหมา/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

มี 2 ข่าวที่เกี่ยวกับคนในวงการบันเทิง และสื่อมวลชนที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจไม่น้อยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

เป็นความสนใจที่มากไปด้วยความสงสัยว่า นี่ตกลงแล้วตรูกินข้าวกล้อง-ข้าวหอมมะลิเอเอสทีวี หรือกินหญ้ากินแกลบอยู่วะเนี่ย?

ข่าวแรกเกี่ยวกับวอยซ์ ทีวี ของ คุณหนูโอ๊ค คุณหนูเอม 2 ทายาทอดีตนายกฯ (ปัจจุบันเป็นนักโทษชายหนีคดี ที่วันๆ ไม่ทำอะไรมัวแต่นั่งทวิตเตอร์ยกหางตัวเอง พร้อมๆ กับทำตัวเหมือนคนเนรคุณแผ่นดินไทยมากขึ้นทุกวันๆ ด้วยการด่าประเทศบ้านเกิดของตนเอง)

วอยซ์ ทีวี มีคนในวงการสื่อมวลชนที่คุ้นหน้า อย่าง ทรงศักดิ์ เปรมสุข นั่งแท่นบริหาร ส่วนคนที่จะมาทำรายการป้อนก็อาทิเช่น ปลื้ม ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล, จอม เพ็ชรประดับ ซึ่งรายหลังนี้แหละครับที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกสนใจ

ใครจะคิดอย่างไร แต่สำหรับผมในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาต้องขอบอกว่าฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นครับสำหรับเหตุผลที่เจ้าตัวมักจะบอกกับสังคมในทุกๆ ครั้งที่เปิดเนื้อที่สื่อให้อดีตนายกฯ ทักษิณใช้ผ่านการสัมภาษณ์โดยบอกว่าเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามีโอกาสได้ชี้แจง...โดยที่ตนหาได้ยืนอยู่ข้างเดียวกับอีกฝ่ายแต่อย่างใด

(ใครเชื่อยกมือขึ้น)

จริงอยู่ครับ เมื่อถูกกล่าหาผู้ที่ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิ์ที่จะชี้แจงแก้ต่างให้กับตนเอง(ถ้าจะให้ดีก็ต้องเป็น "เวที" เดียวกันกับที่มีการกล่าวหา) แต่สำหรับอดีตนายกฯ คนนี้มิได้ถูกกล่าวหา หากแต่ถูก "ศาล" ท่าน "ตัดสิน" แล้วว่าทำผิด ต้องมารับโทษตามกฏหมาย

แล้วก่อนที่ศาลท่านจะมาตัดสินนั้น ก็ใช่ว่าท่านจะไปห้ามไม่ให้เอาหลักฐานมาโต้แย้ง เอาคำมาแก้ต่างซะที่ไหน

ที่สำคัญเวลาที่นักโทษชายคนนี้ให้สัมภาษณ์ฟาดเขา ฟาดกลีบ ถีบไปถึงคนอื่นๆ ทั้งศาล ทั้งป๋าเปรม ทั้งใครต่อใครอย่างสาดเสียเทเสีย ด่าเขาว่าเลวอย่างนั้น เป็นคนไม่ดีอย่างนี้ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ล้าหลัง ฯ ทำไมคุณสื่อมวลชนผู้ยืนอยู่ตรงกลางและเทิดทูนไว้ซึ่งอุดมการณ์ความยุติธรรมถึงไม่คิดที่จะเปิดโอกาสให้กับคนเหล่านั้นได้มีโอกาสชี้แจงบ้างล่ะครับ?

ล่าสุดกับการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวอยซ์ ทีวี คุณจอมก็ให้เหตุผลที่น่าชื่นชมมากๆ (อีกแล้วครับท่าน)กับนักข่าวของซูเปอร์ บันเทิง ที่ไปสัมภาษณ์ตัวเขามา

โดยบอกว่าเป็นเพราะที่นี่ไม่มีสี ที่นี่มีอิสระที่ทำให้ได้ทำ(งาน)ในสิ่งที่อยากทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ต่างจากที่ทำงานเดิมที่ต้องทำงานตามใบสั่ง พร้อมกันนี้ก็ยังยืนยันด้วยว่าหากที่นี่มีเรื่องการเมืองมีเรื่องของสีเสื้อเข้ามาแทรกแซงวุ่นวาย หรือว่าที่นี่เป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษชายทักษิณจริงๆ ตนก็พร้อมที่จะโบกมือลาทันที

“ตอนนี้ถ้าเราเอาความเป็นสี เอาความชอบหรือไม่ชอบทักษิณ เอาไปใส่ในทุกคน ทุกคนก็จะเป็นอย่างใดอย่างนึงหมด ไม่มีใครคนใดคนนึงเลยที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับสี ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเอาหรือไม่เอาทักษิณ ถ้าเราลองมองย้อนกลับอีกว่า ประเทศเรามันล้าหลังและยังมีปัญหาเหมือนทุกวันนี้เพราะมันติดอยู่ 2 ประเด็น"

"เพราะว่าคุณอยู่สีไหน คุณเอาหรือไม่เอาทักษิณ ถ้าเราลองมองข้าม 2 ประเด็นนี้ ว่าในฐานะที่เราเป็นสื่อ เราจะร่วมสร้างสังคมยังไงและช่องทางที่ผมมาคุยกับทางวอยซ์ ทีวี ผมคิดว่ามันเป็นช่องทางที่ผมมีอิสระภาพในการคิดและการทำ และก็มันเป็นการคิดการทำที่ไม่ขึ้นอยู่กับสี ไม่ติดในเรื่องของจะเอาคุณทักษิณหรือไม่เอาคุณทักษิณ"

"เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันเป็นอิสระภาพที่ผมได้รับ ผมไม่สามารถที่จะได้รับอิสระภาพจากสื่ออื่นๆโดยเฉพาะสื่อหลัก และโดยเฉพาะสื่โทรทัศน์ ผมจึงคิดว่าอันนี้เป็นจุดยืนอันนึงที่ผมสนใจ และเป็นจุดยืนกันนึงที่ผมต้องพิสูจน์ว่า มันจะเกิดขึ้นจริงได้ไหม แต่ผมเชื่อว่าถ้าให้โอกาสผม ผมก็สามารถทำได้"

"แต่ในพื้นที่สื่อหลักผมไม่ได้รับโอกาสตรงนั้น แม้จะพยายามจะทำแต่ก็ถูกป้ายสี”


ฟังแล้วเคลิ้มมั้ยล่ะ

เปิดหน้าเปิดตัวชัดเจนกันซะขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าทำไมเจ้าตัวถึงยังคิดว่าการให้สัมภาษณ์ด้วยลักษณะคำพูดเช่นนี้จะยังมีคนเชื่ออยู่

แต่ก็เอาเถอะครับ ใครจะเชื่อก็เชื่อกันไป เพราะในอนาคตความจริงมันก็อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าตัวเขาบอกก็ได้ เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้สำหรับผม ขอนุญาตนะครับทีjจะบอกว่า...เชื่อพี่ก็ศรีธัญญาแล้วครับ
...
มากันที่ข่าวที่ 2 ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ เป็นเรื่องของคุณ "บีม ศรัณยู" ดาราพิธีกรช่อง 3 ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวดำเนินคดีหลังขับรถที่แต่งคล้ายกับรถตำรวจไปเฉี่ยวชนรถคันอื่น แถมยังขับหนีก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดักจับกุมไว้ได้

เบื้องต้นตามข่าวที่ออกมาจากการตรวจสอบภายในรถของหนุ่มบีมตำรวจพบอาวุธปืน ออโตเมติก ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด .22 หมายเลขทะเบียน กท.596314 จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 16 นัด, เครื่องช๊อตไฟฟ้า 1 อัน, หน้ากากป้องกันแก๊ส 2 อัน, วิทยุสื่อสารยี่ห้อโมโตโรล่า 1 เครื่อง และวิทยุสื่อสารติดรถยนต์ยี่ห้อ ไอคอม 1 เครื่อง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากของกลาง ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเล็กๆ แต่อย่างใด ทว่าเพียงแค่มีการ "ปิดห้องคุย" ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับ "ผู้ใหญ่" ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ เรื่องธรรมด๊าธรรมดาไปในทันที

ขณะที่เหตุผลการชี้แจงของหนุ่มบีมเองก็ดูจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถที่ถูกตกแต่งก็เป็นรถที่ใช้เข้าฉากละคร เรื่องที่ตนเหมือนชนแล้วจะหนี จริงๆ แล้วเขาจะไปมอบตัวแต่เข้าใจว่าเป็นอีก สน.หนึ่ง

"ส่วนที่พกพาอาวุธก็เป็นอุปกรณ์เล่นบีบีกัน แล้วก็ถ่ายละครทั้งหมด มันเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในการแสดงครับ เพราะปกติเวลาไปถ่ายละครดึกๆ แล้วช่วงนี้เห็นข่าวแรงมากในเรื่องของอาชญากรรม ผมก็เลยพกไว้ แต่ปืนอันนี้เราไม่เคยเอาออกมาใช้อะไรเลย เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย"

"ใบอนุญาตพกพาต้องเรียกว่าเราไม่เคยเอาออกมาใช้ คือเอาไว้ใช้ประกอบการแสดงบ้าง ก็ไม่มีปัญหาในการใช้แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เคลียร์กับทางผู้ใหญ่ทางตำรวจหมดแล้ว ส่วนเรื่องรถก็แน่นอน มันเป็นอุปกรณ์ในการเล่นละครเหมือนกัน เขาก็เคลียร์และเช็คเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

อ่านแล้วเข้าใจตรงกันใช้มั้ยครับว่า ตกลงแล้วเครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 16 นัด, เครื่องช๊อตไฟฟ้า 1 อัน, หน้ากากป้องกันแก๊ส 2 อัน, วิทยุสื่อสารยี่ห้อโมโตโรล่า 1 เครื่อง ทั้งหมดนี้คืออุปกรณ์การเล่นบีบีกัน?

ส่วนปืนออโตเมติก ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด .22 หมายเลขทะเบียน กท.596314 นั้นเป็นปืนจริง แต่เป็นปืนที่เอาไว้ใช้ในการแสดง บังเอิญว่าช่วงนี้ถ่ายละครดึกประกอบกับเห็นข่าวอาชญากรรมค่อนข้างแรง ตนก็เลยเอามาพกไว้ ส่วนใบอนุญาตพกพาไม่จำเป็นต้องมีเพราะไม่เคยเอาออกมาใช้ ก็เลยไม่มีปัญหาในการใช้ (แต่ทำไมข่าวช่อง 3 ตอนเช้าๆ ถึงได้บอกว่านี่เป็นปืนบีบีกันไปซะได้)

"ผมกำลังจะเดินทางไปบางแสน ไปแข่งรถในรายการบางแสนเฟสติวัล แต่ก็มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ดีครับถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างนึง ที่เรียกว่าสะดุดดูแล้วก็เข้าใจปัญหาชีวิตมากขึ้น (เอารถจากกองถ่ายไปแข่งเหรอ) ใช่ครับ...ไม่ใช่ครับ คือรถคันนี้มีไว้ถ่ายละครอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีเจตนาอะไร ก็ได้คุยกับทางผู้กำกับการ และรองผู้กำกับการสน.สามเสน และผู้ใหญ่ทางบชน.1 แล้วก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างเคลียร์”

"ผมเองทำงานอยู่ในวงการ ก็พยายามตั้งใจทำเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับแต่เสียงหัวเราะ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เสียใจนิดหน่อยครับ”

ฟังแล้วก็น่าเห็นใจเจ้าตัวเสียเหลือเกิน

ไม่ได้จะมาจับผิด หรือฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรกันหรอกครับ เพียงแต่ตอนนี้เห็นความศักดิ์สิทธิ์แบบ "สั่งได้" ของกฏหมายและผู้พิทักษ์กฏหมายบ้านเรา ผมชักจะเริ่มเชื่อแบบที่คนส่วนใหญ่เขาว่ากันแล้วครับ ที่ว่า...

บ้านเราคุกมีไว้ขังคนที่ยอมทำตามกฏหมาย คนจน แล้วก็หมาจริงๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น