สาวหล่อ “เจมส์” โล่งศาลสั่งไม่รับฟ้องคดีปลอมบัตรเครดิต “ตุ๊กตา” เผยรอวันนี้มานานเพื่อพิสูจน์ตัวไม่ผิด ท้าอีกฝ่ายถ้าว่างจัดก็ลุยฟ้องได้อีก ปัดได้แบ็คดีหนุนหลังทำหลุดคดี บอกมีหลักฐานแน่นเป็นสลิปโชว์ ดาราสาวรับรู้ใช้บัตรร่วมกัน ลั่นอโหสิกรรมให้ “ตุ๊กตา” และไม่คิดฟ้องร้องกลับ เชื่อใครทำอะไรไม่ดี จะได้รับผลกรรมนั้นเอง
ตกเป็นจำเลยของสังคมมาตลอดระยะเวลา 6 เดือนเต็ม หลังถูกดาราสาว “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปลอมและใช้บัตรเครดิต และมีการลักทรัพย์รับของโจร จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนสั่งฟ้อง “น.ส.ภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล” หรือ “เจมส์” ให้อัยการ และช่วงเช้าวานนี้ (27 ต.ค.) ที่ศาลอาญา รัชดา ได้มีการนัดหมายให้สาวหล่อ “เจมส์” มาฟังคำตัดสินว่าจะรับฟ้องในคดีดังกล่าวหรือไม่ ปรากฏทางศาลสั่งไม่รับฟ้อง พร้อมให้ถอนการประกันตัว
ภายหลังมีการเซ็นเอกสารรับทราบหลุดพ้นการเป็นผู้ต้องหาแล้ว “น.ส.ภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล” ได้เผยความรู้สึกกับบันเทิงออนไลน์ผู้จัดการว่า เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าศาลจะไม่รับฟ้อง เผยถึงคดีจะดำเนินต่อไป ตนก็มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะชี้แจงให้ฟังว่า ใครกันแน่ที่หลอกลวงประชาชน
“รู้สึกธรรมดา คือไม่ได้มั่นใจว่าท่านจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่พี่รู้อยู่ว่าการกระทำและเอกสารต่างๆที่เรามี มันค่อนข้างชัดเจน ถ้ามีการสั่งฟ้องจนสู้คดี ยังไงเอกสารของพี่ก็ชัดเจนมากว่า พี่ไม่ได้กระทำความผิด เลยไม่ได้กลัวอะไร วันนี้ทางศาลสั่งไม่ฟ้อง แล้วให้ถอนการประกันตัว พี่ก็ไปเซ็นว่าไม่ได้เป็นผู้ต้องหาแล้วนะ แล้วอยากจะบอกว่าจริงๆที่ตุ๊กตาฟ้องพี่ มันมีอยู่แค่คดีเดียว ไม่ได้เป็นไปตามที่ข่าวลงเลย"
"หลังจากที่เขาแจ้งความดำเนินคดีนี้ ที่บอกว่ามีผู้เสียหายมาร้องเรียนเยอะเป็นหลายสิบคดี ตามที่พี่เห็นในข่าว แล้วเขาจะรวมทุกอย่างมาเป็นคดีเดียวที่กองปราบ แต่ที่สุดที่ขึ้นสู่ศาลมีเพียงคดีเดียว อันอื่นที่อ้างว่าเป็นคดีคือ ใครนึกอยากจะแจ้งอะไร ก็เดินเข้าไปแจ้งได้ จะรวมสัก 30 คนไปแจ้งก็ย่อมได้ แต่ผลของการสอบสวนจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่มีใครทราบ แต่ข่าวอื่นหนังสือพิมพ์อื่นก็ลงไปจนคนเสียหายเยอะแยะ โดยที่ไม่ได้สอบถามอะไรเลย”
“ทางศาลได้รับเอกสารการกล่าวหาจากตุ๊กตา แล้วเขาพิจารณาดูว่า สมควรที่จะฟ้องหรือเปล่า นั่นคือส่วนของเขา ส่วนของพี่ก็เตรียมเอกสารไปสำหรับการขึ้นศาล ต้องให้ศาลดูว่าพี่มีอะไรบ้าง ก็คือหลักฐานทุกอย่างที่มีในขณะที่อยู่ด้วยกัน การจ่ายเงินและสลิปของการรูดบัตรทุกใบว่า ใครเป็นผู้ใช้ พี่มีเอกสารตรงนั้นหมด”
“พี่มีเอกสารเยอะแน่นมาก แต่ทางเราไม่เคยได้พูดอะไร เพราะไม่มีใครมาถามอะไรเรา มีแต่ลงสื่อโจมตี ที่เสียใจมากคือให้ตำรวจกองปราบมาจับแล้วชี้หน้าออกหนังสือพิมพ์ แล้วกล่าวหาในทุกสิ่งที่ไม่ยุติธรรม แต่ไม่มีใครฟัง แล้วเป็นคดีใหญ่โตมาก ซึ่งทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ แล้วพี่ก็รอวันนี้ รอวันที่ทุกอย่างได้พิสูจน์"
"ทุกคนก็เห็นแล้วว่าเขาเอาอะไรไปฟ้อง แล้วคนที่จะโกงคน รายการในการรูดบัตรเครดิตที่ออกมา ที่ศาลและอัยการมีตอนนี้ มันก็เป็นรายการที่ช็อปปิ้งในต่างประเทศ สินค้าแบรนด์เนมทั้งนั้น แล้วมิจฉาชีพที่ไหนจะทำแบบนั้นคะ ก็ต้องตรวจสอบชัดเจนว่าไปต่างประเทศด้วยกัน ใช้ในต่างประเทศด้วยกัน สินค้าแบรนด์เนมทั้งหมดกี่หมื่นกี่แสน แล้วก็มีลายเซ็นในการซื้อของ”
“ในสลิปนั้นเราจ่ายให้เขาก็เยอะ เขาจ่ายเองด้วยก็มี หลังจากที่ไม่ได้คบกัน เราช่วยกันใช้ ก็ช่วยกันจ่าย ก็รับรู้กันมาโดยตลอด แต่ประโคมข่าวออกมาเป็นอีกอย่างหนึ่ง เราก็รู้สึกไม่ค่อยดี เรามีหลักฐานหมดแต่ตอนแรกไม่ให้สื่อดู เพราะตอนนั้นสื่อมวลชนไม่ได้เป็นคนตัดสินพี่ ถึงสื่อมวลชนจะเห็นอะไรชัดเจน แต่เรื่องมันขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว รูปคดีมันเปลี่ยนไป เขารู้อะไรของทางเราเยอะมันก็จะไม่มีวันนี้"
"อันนี้เพราะเขาคิดว่าเราไม่มีอะไร เขาก็พูดไปเรื่อย พูดไปเยอะขึ้น ยิ่งเราไม่มีอะไรมาพิสูจน์ ยิ่งเราเงียบเขายิ่งเยอะขึ้น พอเยอะแล้วสุดท้ายที่เรามี เรายื่นตรงต่อศาล นั่นแหละคือสิ่งที่พิจารณาออกมาในวันนี้ แล้ววันนี้เราพูดกับสื่อมวลชนได้เต็มที่ ซึ่งพี่ก็ขอความเป็นธรรมว่า ตอนที่เราโดนทำร้ายทุกฉบับ แต่ในวันนี้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนด้วย ไม่ใช่ดาราจะพูดอะไรก็ได้ จะมาแจ้ง 10-20 คดีพี่ก็ยินดีมาเลย ใครที่ไปทำอะไรมาเลย และถ้ามันไม่ใช่เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ต้องรู้”
ปัดมีเส้นสายได้แบ็คดีหนุนหลังทำให้ศาลไม่รับฟ้อง ลั่นถูกดาราสาวกลั่นแกล้งให้ข่าวมั่ว แถมยังค้านการประกันตัวอีก
“ไม่มีค่ะ กล้าพูดได้เลยว่าไม่รู้จักใครเลย เราไปวันนี้ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยในทุกๆเรื่อง ไปถึงก็ไปยื่นเรื่องเซ็นชื่อธรรมดา รอฟังคำสั่งจะขึ้นศาลด้วยซ้ำ พี่เตรียมตัวไปอย่างดีสำหรับการขึ้นศาล เตรียมเอกสารไปทุกอย่าง ตัวเองก็ไม่ได้คิดด้วยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ว่า เราไม่ต้องขึ้นศาลแล้ว ที่ลงข่าวไปมันผิดไปหมดหาว่าเรามีใครต่อใคร เราไม่มีใครเลยนะ และเราก็ไม่รู้จักใครเลยด้วย วันที่ประกันตัวที่บอกว่าเป็นคนสนิทของเสธ.หนั่น (พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์) มาประกันตัวพี่ คือใครก็มาประกันตัวพี่ได้ การที่เราขอต่อศาล เพราะมันไม่ใช่ความผิดที่ร้ายแรงที่จะต้องคัดค้านการประกันตัวเพื่ออะไรคะ เป็นคดีอุกฉกรรจ์อะไร ธรรมดาศาลก็ให้ประกันตัวทุกคนอยู่แล้ว"
"แต่การไปคัดค้านการประกันตัวของคุณ คือต้องการแกล้งเขาเท่านั้น ไม่อยากเห็นเขาอยู่ข้างนอกที่จะต่อสู้อะไร ถ้าคนเราแค่โกงกันหรือโมโหกันมันคงไม่ถึงขนาดนี้ ทนายเราก็พิมพ์เอกสารส่งไปสดๆเลยให้ศาลท่านพิจารณา นั่นคือวันที่เอาเอกสารทั้งหมดขึ้นสู่ศาล ให้อัยการดูตามนี้ ให้ตำรวจเจ้าของสำนวนดูตามนี้ แล้วให้ท่านคิดเอาเองว่าสมควรได้รับการประกันตัวหรือไม่ ท่านก็ดูสกรีนหมดทุกอัน ส่วนผู้พิพากษาเป็นใครเรายังไม่รู้จัก ทนายก็ไม่รู้จักในวันนั้น เรายื่นตรงนั้นแล้วก็ได้รับความเมตตาให้ประกัน ถามว่าพอได้ประกันตัวก็มาแกล้งเราอีกว่า เรารู้จักใคร มีเส้นมีสายที่ไหน พี่ก็เลยว่ามันเยอะไป”
ปฏิเสธไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ที่ก่อชนวนทำให้ “ตุ๊กตา” แค้นตนถึงขนาดจะเอาติดคุก บอกใครทำไม่ดี สักวันจะได้รับผลกรรมเอง
“ทุกวันนี้พี่เจมส์ไม่รู้เลยว่า ตุ๊กตาโกรธแค้นอะไรขนาดนี้ หลังจากที่เราจากกันวันที่เดินออกมาจากศาล พี่บอกว่าถึงเราจากกันไม่ค่อยสวยนัก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรง ไม่มีเลยจริงๆ ไม่มีการทำร้ายกัน ไม่มีอะไรอย่างที่ออกมาเป็นข่าวเลย ตุ๊กตาแค้นพี่อยากเอาติดคุกให้ได้ แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย พี่ก็ไม่รู้ด้วยว่าทุกอย่างเกิดจากอะไร ที่ทำให้ตุ๊กตาเป็นแบบนี้ คือพูดด้วยความสัจจริง สาบานเลยว่าไม่รู้จริงๆ”
“พี่เคยถามแล้วว่า ตุ๊กตาเป็นอะไรขนาดนั้น เขาไม่ตอบ แค่บอกว่าฉันจะทำอย่างนี้ พี่เคยถามแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวตามสื่อต่างๆเยอะมากจนไม่รู้จะคุยอะไร ก็ได้แต่ดูต่อไป ถ้าตุ๊กตาจะลุยฟ้องพี่อีก ก็ไม่กลัวทำไปเลย ถ้าทำได้ทำไปเลย เพราะเกือบครึ่งปีแล้วที่เป็นข่าว เราก็ได้รับอะไรที่ไม่ดีเยอะแยะมาก จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่มีใครกลัวใครแล้วล่ะ สุดแท้แต่ว่ามันจะเป็นยังไง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ พี่ก็เชื่ออย่างหนึ่งว่าใครที่ทำอะไรไม่ดี มันต้องเห็นออกมาแน่นอน รวมทั้งตัวพี่เองด้วย พูดให้เห็นชัดเจนไปเลย ถ้าพี่ทำความผิดก็คงไม่พ้นอาญาแผ่นดิน แต่ถ้าเขาทำความผิดใส่ร้ายผู้อื่น เขาก็ต้องได้รับเหมือนกัน”
“ถามว่าพี่อยากจัดแถลงข่าวเคลียร์ตัวเองให้ประชาชนรับรู้มั้ย คิดว่าไม่ พี่ให้สัมภาษณ์ที่นี่ที่เดียว เพราะพี่อยากดูว่าสื่อมวลชนถ้าเราให้สัมภาษณ์แค่ฉบับเดียว เขาสามารถทำออกมาได้ยังไง แล้วคนอื่นถ้าอยากได้อะไรก็คุยกับที่นี่ไปเลย แถลงข่าวไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเราทำถูกไม่ได้อยู่ห้องขังยังไง สักวันคนก็ต้องรู้ พี่อยากบอกให้สื่อมวลชนและประชาชนรู้ว่า ข้อนี้เราไม่ผิดแล้วนะ ตามที่ลงข่าวกันไปว่าปลอมเอกสาร เอาบัตรเขาไปใช้ เราก็เคลียร์เป็นเรื่องๆไป ถ้ามีเรื่องใหม่มาอีกก็เดี๋ยวจะเคลียร์ให้ฟังอีก ถ้าเขาจะฟ้องอีกก็ไม่กลัว เพราะพี่มีหลักฐานของทุกคนที่เขาเอ่ยชื่อว่ามาฟ้อง”
เผยยินดีถ้าทางกองปราบจะเรียกตัวไปสอบสวน หลังดาราสาวไปร้องขอให้รวมทุกคดีที่แจ้งความไว้ให้เป็นคดีเดียวกัน แจงเหตุที่ฟ้องหมิ่นอีกฝ่ายเพราะต้องการสั่งสอนว่าอย่าทำ พร้อมท้า “ตุ๊กตา” ให้ฟ้องหมิ่นกลับ เหน็บถ้าว่างก็ทำไป
“ส่วนที่ตุ๊กตาไปแจ้งรวมคดีทั้งหมดที่กองปราบ ทางกองปราบก็รับเรื่องแล้ว ถ้าเขาเรียกตัวพี่ก็ยินดีที่จะไปคุย ทางทนายของเราก็ติดต่อไปแล้วว่า ทางตำรวจจะเชิญตัวไปคุยเมื่อไหร่บอกเลย จะไปคุยให้ฟังทีละเรื่องทีละคน เพราะมันต้องใช้เวลาในการอธิบาย พี่ก็คุยได้หมดพร้อมมีเอกสาร พี่มีเอกสารเต็มกระเป๋าเลย แล้วคนที่ไปแจ้งความเป็นคนใกล้ชิดทั้งนั้น ไม่มีคนนอกเลย แล้วมันจะเป็นข้อหาหลอกลวงประชาชนได้ยังไง"
"มีสองคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่บุญธรรม ที่เหลือเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่บุญธรรม ก็เหมือนญาติ และเพื่อนสนิท แล้วก็คนงานในบ้าน คุณตุ๊กตา และคุณชฎาพร (รัตนากร) พี่ไม่เห็นมีใครนอกเหนือจากนี้ แต่แค่คุณตุ๊กตาเองก็แจ้งไป 3-4 คดี คนละ 3-4 คดีรวมแล้วก็เลยเยอะ”
“ในส่วนที่พี่ฟ้องตุ๊กตาหมิ่น อันนั้นทนายทำเรื่องฟ้องต่อศาลไปแล้ว เราก็ดำเนินตามไปว่าเขาหมิ่นประมาทเราตั้งหลายอย่าง ทุกครั้งที่ออกสื่อ แต่พี่ก็แจ้งไปแค่อันเดียวเพื่อให้ตุ๊กตารู้ว่าอย่าทำแบบนี้ พี่ไม่ได้มีจุดประสงค์จะไปเล่นงาน เอาเป็นเอาตายอะไรหรอก จริงๆพี่จะแจ้งกลับว่าคุณแจ้งความเท็จ คุณมาให้การหลอกลวงประชาชนก็ได้"
"ขณะนี้อัยการส่งไม่ฟ้องพี่ทำได้แล้ว แต่พี่ยังไม่ทำเลย และถ้าจะตุ๊กตาจะฟ้องว่าพี่หมิ่นกลับ ก็เอาสิฟ้องมา ก็ฟ้องกันไปฟ้องกันมา ตุ๊กตาทำอะไรได้ก็ทำ เขาโตแล้วคิดเองได้แล้วว่า ควรทำยังไง เขาคงจะว่างก็ฟ้องไปสิ ถ้าเขาฟ้องมาก็ไม่เป็นไร พี่ก็คงขึ้นศาล ก็ฟ้องตามสบายแล้วแต่”
ฝากขอบคุณ “ตุ๊กตา” ที่ทำให้ตาสว่างรู้ว่า ไม่สามารถไว้ใจคนรอบตัวได้ ลั่นอโหสิกรรมให้ และไม่คิดฟ้องกลับ แนะทำอะไรขอให้คิดดีๆ
“พี่ขอบคุณและอโหสิกรรมให้ตุ๊กตา และไม่คิดฟ้องกลับด้วย จะทำอะไรก็สุดแท้แล้วแต่ตุ๊กตา ตุ๊กตาโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ แต่ทำอะไรขอให้ตุ๊กตาคิดให้ดีๆ อย่าทำแบบนี้อีก แต่ตอนขึ้นศาลครั้งสุดท้าย พี่ขอขอบคุณตุ๊กตาจริงๆ ที่ทำให้พี่รู้ว่า คนใกล้ชิดรอบตัวพี่ ไม่มีใครสมควรที่จะคบเลย"
"สุดท้ายก็เหลือตัวคนเดียวจริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องของตุ๊กตา พี่ก็จะไม่ทราบว่ามีคนระดมกันไปแจ้งความพี่มากมายขนาดนั้น ตุ๊กตาเป็นตัวเปิดให้มากกว่า หลังจากนี้พี่ก็คงจะใช้ชีวิตที่อยู่คนเดียวเงียบๆ ก็กลัวแล้วที่ต้องคบหากับใครในสังคมเมืองไทย พี่จะไปเริ่มต้นใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปหรือเปล่า”