"สายป่าน"แจงชนวนเหตุคิดฉีกสัญญา “โกโก้” เพราะขาดการประสานงานทำให้คิวป่วน รับเป็นฝ่ายเปิดฉากพูดหยาบคายใส่ก่อน แต่คู่กรณีไม่ควรแรงกว่าเพราะเป็นผู้ใหญ่ ขำถูกแฉสูบบุหรี่ บ่ายเบี่ยงไม่ตอบทำจริงหรือไม่ อ้างคนรู้ดีใครเป็นยังไง โต้ฉีกสัญญาแล้ว จำใจเป็นเด็กในสังกัดต่ออีก 1 ปีจนกว่าจะหมดสัญญา เพราะไม่คิดฟ้องร้อง พร้อมปัด “เอ ศุภชัย” ทาบทามดึงเข้าสังกัดตามรอย “มาริโอ้”
กลายเป็นศึกเกาเหลาระหว่างดารากับผู้จัดการส่วนตัวไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” ให้สัมภาษณ์แบบงงๆ ไม่รู้สาเหตุที่ทำให้นางเอกสาว “สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข” คิดฉีกสัญญาไม่ขอเป็นเด็กในสังกัดต่อไป ทั้งๆที่สัญญายังเหลืออีก 1 ปี พร้อมกันนั้นยังได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ พูดแฉนางเอกหน้าใสว่าเป็นสิงห์อมควัน จากนั้นค่อยมาสำนึกในภายหลังว่าไม่ควรพูดออกสื่อ ยันจะไม่ขอพูดเรื่อง “สายป่าน” อีก
ด้านนางเอกสาวก็ได้ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกแล้วเช่นกัน โดยแจงว่ารับไม่ได้กับการประสานของอีกฝ่าย จนมีปากมีเสียงทะเลาะกันรุนแรง บอกยังสำนึกบุญคุณอยู่เสมอ แต่เรื่องความเคารพไม่มีให้แล้ว
“เขาบอกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตอบแค่นี้เหรอคะ สาเหตุที่มันเกิดขึ้น ถึงขั้นเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา คงเป็นเรื่องการติดต่อประสานงานที่วุ่นวาย ปัญหาคือเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาป่านมีอัดเสียงกับทางหนังเยอรมัน แล้วต้องมีไปอัดรายการตอนบ่ายโมง คือป่านรู้แล้วว่ามีงานบ่ายโมง แต่ป่านไม่รู้ว่าต้องไปถึงที่นั่นบ่ายโมง หรือต้องออกจากที่อัดเสียงบ่ายโมง ซึ่งมันไม่ชัดเจน คือเราเคยพูดกันก่อนหน้านี้แล้วว่า คิวป่านไม่แน่นอน มีอะไรให้โทรเช็คกันวันต่อวันนะ ป่านก็รู้ คุณแม่ก็รับรู้ตรงนี้ อย่างที่ทราบกันว่าพี่โก้เองก็งานเยอะแล้ว ตัวหนูเองก็ยุ่ง เรื่องราวก็เลยล่าช้าขึ้น”
“ตอนนั้นป่านโทรไปตอนเที่ยงยี่สิบ เขาไม่รับโทรศัพท์ พอเที่ยงสี่สิบแปดนาทีเขาให้ผู้ช่วยมาตามว่าต้องไปแล้ว ซึ่งโชคร้ายคือป่านต้องไปถึงที่นั่นบ่ายโมง แล้วตอนนั้นเที่ยงสี่สิบแปดแล้ว ป่านก็ถามเขาไปว่า ป่านโทรไปหาพี่โก้แล้วทำไมไม่รับ ก็เลยเกิดเรื่องเกิดราวขึ้น ปัญหาหลักๆที่ทำให้เกิดเรื่องครั้งนี้ ก็มาจากการพูดจา และการประสานงาน เรื่องการพูดจาก็เป็นแบบติดต่อไม่ได้ พอติดต่อได้ปุ๊บก็มีการใช้วาจาที่แรง อาจเป็นเพราะเราสนิทกันเกินไป แล้วป่านค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเวลาอยู่แล้ว คือหนูไม่สามารถไปโวยวายกับทีมงานได้ เรื่องเวลาเป็นเรื่องซีเรียสและทีมงานอยากรู้ว่า ทำไมพี่โก้ไม่รับโทรศัพท์”
“แต่เมื่อวันที่14 เขาได้มาหาป่านที่ทำงาน เพราะป่านมีอัดเสียงของเยอรมัน เขาไปหาป่านพร้อมกับทนาย คุณพ่อคุณแม่ และก็ผู้ช่วย โดยที่ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้าเลย แล้วป่านมีทำงานตอน9โมง เขาไปกินเวลาในการทำงานชั่วโมงกว่า จากปกติป่านต้องเลิก6โมง สุดท้ายกลับกลายเป็นเลิก2ทุ่ม แล้วมันยังเคลียร์ไม่ลงตัว ป่านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมากับทนาย เขามายื่นข้อเสนออะไรอย่างนี้ ซึ่งในรายละเอียดป่านไม่สามารถบอกได้ และเราก็มีการนัดหมายอีกทีในวันที่16”
“แต่หลังจากนั้นเขาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้ติดต่อกับป่านเลยหลังจากวันที่14 ป่านก็เฮ้ย!แล้วคุณทำไมไม่บอกว่า คุณมาพร้อมกับทนาย พ่อและแม่ ทำไมคุณบอกว่าไม่ได้ติดต่อเลย เราก็งง เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะอะไรถึงพูดไปอย่างนั้น ทำไมไม่พูดความจริงล่ะ แล้วการนัดหมายในวันที่16 พอมีข่าวกันปุ๊บเขาก็ไม่ได้มาตามที่นัดหมาย แต่ไอ้วันที่14 ไม่ได้มีการนัดหมายเขากลับมาพร้อมกับทนาย แต่วันที่16ทนายกับเขาเป็นคนนัดหมายเอง แต่เขากลับไม่มาตามนัด แล้วก็บอกว่าไม่มีการคอนเฟิร์ม”
รับมีปากมีเสียงกันรุนแรง และใช้ถ้อยคำหยาบคายสาดใส่กัน โดยตนเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน แต่รับไม่ได้ที่อีกฝ่ายพูดหยาบคายกว่า ทั้งที่เป็นผู้ใหญ่
“พอได้คุยกันก็มีการทะเลาะนิดหน่อย ขึ้นเสียงกัน เหมือนกับพี่เขาก็อารมณ์ขึ้น ต่างคนต่างอารมณ์ขึ้น แล้วก็มีคำพูดคำหนึ่งที่เราไม่สามารถพูดได้ มันเป็นคำพูดจาไม่สุภาพ คือเขาพูดใส่เรามา แต่ตัวหนูเองก็ยอมรับนะคะว่า พูดจาหยาบคายใส่เขาก่อน ด้วยความที่เป็นเด็ก คือเราโมโหว่าทำไมโทรไปไม่รับโทรศัพท์ ป่านก็เลยขึ้นเสียงว่ามีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ ป่านก็ใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงออกไป แต่คำพูดที่เขาพูดกลับมามันค่อนข้างแรงเหมือนกัน”
“ซึ่งคำพูดที่ป่านพูดจะอยู่ในระดับพูดกับเพื่อน แต่เขาโตกว่า คือเหมือนเป็นการพูดจาไม่เพราะกับผู้ใหญ่ แต่ที่จริงหนูก็พูดแบบนี้กับเขาอยู่แล้ว คือพูดหยาบคายกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หยาบมากอะไรขนาดนั้น แบบว่าเฮ้ย!ทำไมไม่รับโทรศัพท์วะ มันก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ณ ตอนนี้เขาเป็นผู้มีพระคุณกับป่าน แต่คำพูดที่เขาสวนป่านออกมา ซึ่งด้วยโอกาสตอนนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เขากลับบอกว่าเอาอะไรมาวัดว่าคำไหนหยาบกว่า คือถ้าหนูพูดออกไปให้พวกพี่รู้ พวกพี่ก็จะรู้เลยว่า คำไหนหยาบกว่า ก็คือคำว่าผู้มีพระคุณยังรำลึก ยังนึกถึงในพระคุณอยู่ แต่ความเคารพ...ก็ว่ากันไป”
ย้ำปัญหาของตนไม่ซ้ำรอยกรณี “มาริโอ้ เมาเร่อ” แจงเป็นเรื่องของเวลาไม่เกี่ยวกับเงินทอง ออกอาการขำถูกอีกฝ่ายแฉสูบบุหรี่ผ่านรายการ “แฉแต่เช้า” ย้อนให้มาถามด้วยตัวเองดีกว่า
“กรณีของป่านไม่เหมือนกับมาริโอ้ ไม่เกี่ยวคนละเรื่องกัน คือที่ผ่านมาป่านไม่ได้บอกว่ารู้สึกไม่ดี แต่รู้สึกอึดอัด เพราะเป็นคนซีเรียสกับเรื่องเวลา บางทีมันไม่พอสำหรับเรา มันไม่มีการเผื่อเวลาการเดินทางสำหรับเราเลย มันดูค่อนข้างรัดตัวไปหมด ดูค่อนข้างวุ่นวาย มันทำให้เราดูไม่ดีหลายอย่างๆ เช่นมีงานตอน 6โมงเช้า และก็มา8โมงเช้าอะไรแบบนี้ ป่านไม่ขอพูดดีกว่าว่าเขาจัดคิวให้ไม่ดี แต่หลายๆคนก็รู้กันอยู่แล้ว”
“เรื่องเงินเราไม่ได้มีปัญหากันเลย ที่ผ่านมาอย่างที่มีข่าวและได้ถูกนำเสนอไป ความจริงก็เป็นตามนั้นทั้งหมดเลย หลังจากนั้นเราก็ไม่มีการติดต่อกันเลย ถามว่าจะมองหน้ากันไม่ติดหรือเปล่า คือหนูยังไม่ได้เจอหน้ากัน ก็เลยไม่รู้ว่าจะมองติดหรือเปล่า(หัวเราะ) แต่ที่เขาให้สัมภาษณ์แล้วร้องไห้ เขาร้องไห้ทำไมเหรอคะ จะร้องทำไม เขาบอกว่าคุณแม่ร้องไห้ ตัวเขานั่งร้องไห้”
“แล้วตลกมากเลยที่เขาฝากถามป่านผ่านรายการแฉแต่เช้าว่า เลิกสูบบุหรี่หรือยัง เขาเอาเรื่องเก่ามาพูดใหม่ คือคนที่ร่วมงานกับป่านจะรู้อยู่แล้วค่ะว่า ใครเป็นอะไรยังไง ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เขา....ถามว่าโกรธเขาไหม คือวันนั้นป่านก็ได้ฟังนะ พอฟังแล้วก็รู้สึกตลก ฝากมาถามทำไม ก็ถามป่านเองสิ”
ลั่นไม่อยากมีเรื่องถึงขั้นฟ้องร้อง พร้อมโต้เตรียมฉีกสัญญา โบยบินออกจากสังกัดก่อนสัญญาหมด
“ตอนนี้ป่านไม่ได้พยายามติดต่อพี่โก้เลย เขาก็ไม่โทรมา ตอนนี้ป่านก็ปรึกษาคุณลุง ซึ่งคุณลุงก็ไม่อยากให้พูดอะไรเลย ป่านยังไม่มีทนาย เพียงแต่มีผู้ใหญ่ที่ให้คำปรึกษาเฉยๆ ถามว่าจะถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลหรือเปล่า ป่านเองก็คงไม่ทำถึงขนาดนั้น ป่านยังไม่ทราบอนาคต เราไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ อย่างแรกคือหนูยังเด็ก สอง...ยังไม่ได้บรรลุนิติภาวะ สาม...เราตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ การรับงานที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่เป็นคนตัดสินใจให้ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยตัดสินใจตลอดเลย ป่านเลยตัดสินใจเองไม่ได้ แต่ในใจก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกัน”
“ป่านยังไม่ทราบเลยว่าจะออกมารับงานเองมั้ย เพราะยังมีสัญญาเหลืออยู่อีกปีหนึ่ง และยังไม่มีการฉีกสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น ที่มีข่าวว่าคุณแม่จะยกเลิกสัญญาก่อนสัญญาจะหมด อันนี้ป่านเองก็ยังไม่ทราบ ตอนนี้คุณแม่ไม่ได้พูดอะไร เขาเฉยๆ แล้ว หลังจากเกิดเรื่องตั้งแต่วันที่ 16 วันนั้นป่านโทรถามว่าพี่โก้อยู่ไหน แล้วเขาก็ไม่มา เราก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย สัญญาเหลืออีกปีนึงหลังจากนี้ก็ยังไม่ทราบเลยว่าจะอยู่กันยังไง ตอนนี้ป่านยังไม่ได้คิดว่า ยังอยากอยู่กับพี่โก้ต่อหรือไม่อยากอยู่ แค่คิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะแก้ปัญหายังไง อยากเคลียร์กับเขามั้ย ป่านก็ไม่รู้ว่าจะเคลียร์อะไร เพราะมันไม่มีอะไรแล้ว ต่างคนต่างทำงานทำหน้าที่ของตัวเองไป”
“จะยังให้พี่โก้ติดต่องานอยู่มั้ย ถ้าเขารับงานมาเราจะไปหรือเปล่า คือมันยังมีสัญญาอยู่ เรายังทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่อนาคตก็ยังไม่ทราบ ถามว่าอึดอัดไหม อึดอัดแน่นอนค่ะ อึดอัดอยู่แล้วอึดอัดที่มันมีปัญหา อึดอัดที่ว่ามันไม่น่าจะเป็นขนาดนี้ มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากอะไร ที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เรื่องราวแบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับตัวป่าน ถามว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้วหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบค่ะ สำหรับป่านก็อย่างที่บอกไป ป่านพูดอะไรมากไม่ได้”
ปัด “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ดึงตัวไปเป็นเด็กในสังกัดตาม “มาริโอ้” แอบเหน็บไม่มี “โกโก้” อาจทำให้การประสานงานเร็วขึ้น
“พี่เอยังไม่มีติดต่อมา คือด้วยความที่ป่านยังติดสัญญากับพี่โกโก้อยู่ ดังนั้นป่านไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างที่บอกว่ายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรยังไง ตอนนี้ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนช่วยตัดสินใจ แต่ถามว่าอยากอยู่กับพี่โก้ต่อไหม ไม่เห็นน่าถามเลย (หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่ไปค่ะ ต้องรอดู เพราะป่านตัดสินใจเองไม่ได้ เลยยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะอะไรยังไง ส่วนเรื่องมีผลกระทบกับงานที่ตามมา ป่านไม่กลัว การประสานงานเองอาจจะรวดเร็วมากกว่าหรือเปล่า ก็ไม่รู้นะ”