xs
xsm
sm
md
lg

“เจมส์” ยันบริสุทธิ์ ท้าตรวจสอบเป็นเจ้าแห่งชีวิตลาว ด้าน “ตุ๊กตา” งัดคลิปเสียงแฉอีกฝ่ายสารภาพปลอมบัตรเครดิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาวหล่อ “เจมส์” เผยเหตุฟ้อง “ตุ๊กตา” หมิ่น เพราะครอบครัวได้รับผลกระทบ ถูกสังคมตราหน้าเป็นคนเลว ยันเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เคยหลอกลวงใคร ยินดีโชว์หลักฐานมีเชื้อสายเป็นเจ้าแห่งชีวิตลาวจริงๆ พร้อมปัดไม่เคยแอบอ้างได้เงิน 103 ล้านเหรียญจากแบงค์กรุงเทพฮ่องกง ด้านดาราสาวงัดหลักฐานเด็ด เป็นคลิปเสียง “เจมส์” ยอมรับผิดเรื่องปลอมบัตรเครดิต เผยเตรียมฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาทเช่นกัน

เกี่ยวกับกรณีที่ น.ส.ภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล หรือ “เจมส์” ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องดาราสาว “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยดาราสาวได้ไปพูดผ่านรายการ “บุษบาบานเช้า” ทางช่อง 5 ในทำนองว่าอีกฝ่ายเป็นพวก 18 มงกุฎ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กับสาวหล่อ “เจมส์” เป็นอย่างมาก

ความคืบหน้าล่าสุดช่วงเช้าวานนี้ (19 ต.ค.) คู่กรณีทั้งสอง “ตุ๊กตา” และ “เจมส์” พร้อมทนายความส่วนตัว ได้เดินทางมายังศาลอาญา รัชดา ตามหมายนัดเพื่อไต่สวนมูลฟ้องในคดีดังกล่าว โดยภายหลังเสร็จสิ้นจากห้องพิจารณาคดี 912 สาวหล่อ “เจมส์” ก็ได้มาเปิดใจกับสื่อมวลชนก่อน ถึงเหตุผลที่ต้องยื่นเรื่องฟ้องร้องดาราสาวว่า หลังถูกพูดพาดพิงถึง ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบ ยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เคยมีปัญหาอะไรกับ “ตุ๊กตา” มาก่อน

“ในคดีหมิ่นประมาทตรงนี้ก็อยากให้เข้าใจเจมส์หน่อยนะคะ จริงๆเจมส์ไม่อยากดำเนินคดีอะไรหรอก เจมส์คิดว่ามันหลายรอบหลายครั้ง แต่อันนี้มันเป็นครอบครัว และก็ในเครือญาติหลายท่านที่ถูกพาดพิง และเจมส์เสียหายอย่างมาก ซึ่งชื่อเสียงของเจมส์ไม่สำคัญเท่ากับเครือญาติและบุพการี ตอนนี้ครอบครัวก็ได้ถูกซักถามว่าทำไมเราเป็นคนเลวคนชั่ว เป็นคนผิดมากมายขนาดนั้น เขาก็คงเบื่อแล้วที่จะตอบคำถาม ทุกคนก็ไม่ทราบว่าเราทำผิดหรือถูก แค่นี้เองค่ะที่ทำให้เจมส์ต้องออกมาเรียกร้องความยุติธรรมบ้าง”

“สำหรับเจมส์และคุณอุบลวรรณ เจมส์ขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่เราเคยคบกันมา จนถึงตอนที่เราเลิกคบกัน อาจจะเลิกกันไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องราวรุนแรงอะไร และก็ไม่มีเรื่องราวใหญ่โตมากมายอะไร ถึงขั้นต้องฟ้องร้องกัน ในตอนแรกก็ต้องขอโทษสื่อมวลชนที่เจมส์ไม่เคยแถลงอะไร หรือบอกข้อมูลอะไรต่างๆ เลยเป็นฝ่ายที่ถูกเสนอข่าวอยู่ฝ่ายเดียว"
 
"แต่ในวันนี้ทุกอย่างใกล้ถึงจุดสิ้นสุดในทุกคดี และก็ได้รับทราบคดีอื่นๆเพิ่มขึ้นอีกหลายๆคดี ก็ขอยืนยันว่าเจมส์ไม่ได้เป็นตามนั้นจริงๆ เรามีหลักฐาน พยานเอกสาร และพยานบุคคลจากบริษัทต่างๆอย่างชัดเจน ก็ถึงเวลาที่เจมส์จะแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเจมส์จะทำในสิ่งที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์”

“สำหรับคุณอุบลวรรณ เจมส์ก็อาจจะโกรธเขาบ้างที่ว่า ทำไมถึงต้องรุนแรงขนาดนี้ ในการพูดคุยเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่อย่างที่เป็นข่าวก็คือรุนแรงมาก ตอนนี้เจมส์ยังไม่เข้าใจว่า สิ่งที่ตุ๊กตาทำ ทำไมถึงต้องรุนแรงขนาดนี้ เพราะจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน แต่ตอนนี้อยากขอบคุณเขา ที่ทำให้เจมส์ได้รู้ว่าคนใกล้ชิด หรือคนสนิทของเจมส์ทุกคน จริงๆ เขาดีกับเจมส์มากน้อยแค่ไหน”

“สำหรับสื่อมวลชนเจมส์น้อยใจอยู่แล้วตั้งแต่ตอนแรก แต่ก็เข้าใจพวกท่าน และก็อยากให้พวกท่านมีมโนธรรมและจริยธรรมในวิชาชีพ แต่เจมส์ก็เข้าใจว่าท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าต้องเสนอข่าว แต่อยากให้ท่านศึกษาหรือหาข้อมูล แต่ก็เข้าใจว่าท่านไม่มีเวลาที่จะไปสืบความจริงว่าคืออะไร แต่เจมส์ก็ขอให้เสนอข่าวที่มันเป็นจริงเถอะค่ะ ถึงตอนนี้แล้วถ้ามีโอกาสที่จะหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องคดีทั้งหมดได้ ขอความกรุณาให้มีมนุษยธรรมต่อผู้ที่ถูกเสนอข่าวด้วย เสนอความจริงออกมาเลยค่ะ ประชาชนทุกคนรอที่จะให้เจมส์พูดในวันนี้มานานแล้ว”

ยืนยันไม่ใช่ 18 มงกุฎต้มตุ๋นประชาชน และมีเชื้อสายเป็นเจ้าแห่งชีวิตของลาวจริงๆ

“ความจริงคือเจมส์ไม่ได้หลอกลวงประชาชน ทุกอย่างมีการช่วยเหลือกัน ทุกอย่างที่ออกมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจมส์ในเวลานี้ คือคนใกล้ชิดใกล้ตัวเจมส์ทุกคน ไม่มีประชาชนภายนอกเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนเรื่องเชื้อสายของเจมส์ที่สื่อมวลชนพยายามถาม แต่เจมส์ไม่เคยตอบ ก็ขอยืนยันว่าคุณยายของเจมส์เป็นคนลาวค่ะ คุณยายเจมส์คือ บุปผา รัตนวงศ์ษา"
 
"ส่วนทางคุณพ่อก็สามารถสอบถามทะเบียนประวัติ หรือทะเบียนราษฎร์ได้เลย คุณพ่อของเจมส์คืออีสมาอีน ฮาเซีย เจริญผล มีเชื้อสายทางซาอุดิอาระเบีย หรือมีชื่อไทยว่านายสมัย เจริญผล เป็นคนเดียวกันค่ะ ตรงนี้ในเครือญาติทุกท่านเราได้ทำโปรชาร์ตออกมา ทุกท่านยังมีชีวิตอยู่ และยินดีจะให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ เจมส์ยืนยันว่ามีเชื้อสายอิสลาม เจมส์เป็นมุสลิมลาวแน่นอน แต่ในเรื่องที่จะเป็นอะไรต่างๆ เจมส์ไม่ขอพูดตรงนี้”

ซึ่งขณะที่ “เจมส์” กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น จู่ๆ “ตุ๊กตา อุบลวรรณ” ก็เดินเข้ามายืนขนาบข้าง พร้อมเปิดคลิปเสียงจากโทรศัพท์มือถือให้คู่กรณีและสื่อมวลชนฟัง เป็นเสียงสนทนาของผู้หญิงสองคน ที่มีน้ำเสียงคล้าย “เจมส์” และ “ตุ๊กตา”

ตุ๊กตา : “นี่คือเสียงอะไรคะ อยากให้ตอบคำถามหน่อย”
 
เจมส์ : “พี่จำไม่ได้ว่าพี่คุยกับใคร ที่ตุ๊กตาให้พี่ฟัง พี่ไม่รู้คุยกับใคร”

ตุ๊กตา : “ตุ๊กตาอยากจะให้ชี้แจงในส่วนของที่ดิน ที่ว่าไปปลอมแปลง ซึ่งเป็นหลักฐานในศาลที่จะต้องชี้แจง”
 
เจมส์ : “ก็ในเรื่องของรถยนต์ทุกคนทราบดี ไม่ได้มีรถหายไป หรือใครไปปลอมสัญญาใคร ซึ่งทางบริษัทก็จะมาชี้แจงให้ทราบตรงจุดนี้ ส่วนในเรื่องของธนาคารกรุงเทพที่บอกว่า ได้จ่ายชดใช้ให้เจมส์ 103 ล้านเหรียญฮ่องกง ตรงนี้ไม่มีค่ะ เจมส์ไม่ได้แอบอ้าง หลักฐานที่เขานำมามันไม่ใช่แน่ ซึ่งตรงนี้ก็ได้คุยกับศาลแล้วว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เจมส์ก็มีหลักฐานของเจมส์ที่โน่นแล้วจะนำมา”
 
ตุ๊กตา : “แล้วเสียงเมื่อกี้ที่ยอมรับว่าปลอมบัตรเครดิตล่ะ”

เจมส์ : “เราใช้ด้วยกัน ก็เราอยู่บ้านเดียวกัน”

ตุ๊กตา : “อ๋อ...เหรอคะ ตรงไหน ตอนไหนคะ”

เจมส์ : “เจมส์ขอถามตุ๊กตานะว่าเราเคยอยู่ด้วยกันมั้ย”

ตุ๊กตา : “แล้วเราเคยเหรอคะ เราไม่เคยค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย เจมส์ถึงกับทำหน้าเซ็งส่ายหัว แล้วรีบเดินชิ่งออกไปจากวงสัมภาษณ์ จากนั้น “ตุ๊กตา” จึงได้เล่าถึงคลิปเสียงที่นำมาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนโดยเฉพาะว่า

“เสียงที่เปิดให้ฟังเป็นเสียงของคุณภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล เขาโทรมาหาตุ๊กตาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว คือตุ๊กตาพยายามที่จะหาเบอร์เขา และตุ๊กตาเป็นคนโทรไปหาเขาก่อนว่า ตรงนี้พี่จะว่ายังไง พี่จะยอมรับมั้ย ถ้าพี่ช่วยหารถหนูจะคุยกับผู้เสียหายทุกคนว่าไม่ให้เอาเรื่อง คือถ้าพี่ยอมรับว่าทำผิด ก็ไม่มีใครจะเอาเรื่องพี่ เรายินดีที่จะยกโทษให้ แต่เขากลับยอมรับในโทรศัพท์กับบางคน แต่กับบางคนเขาก็ไม่พูดความจริง"
 
"อย่างเมื่อสักครู่นี้เขายอมรับกับตุ๊กตาคนเดียวว่า เป็นคนปลอมบัตรเครดิตของตุ๊กตาเอง เขาทำเองและปลอมเอง เซ็นลายเซ็นเอง คือไปด้วยกันแต่เขาเซ็น เพราะลายเซ็นตุ๊กตาไม่ได้ยากเลย เขายอมรับว่าทำผิดกับตุ๊กตาจริงๆ มันเป็นน้ำเสียงของเขาที่ยอมรับออกมา วันนั้นเขายังท้าให้ตุ๊กตาอัดเสียงเลยว่า พี่ผิดจริง พี่ปลอมหลักฐานจริง”

“ซึ่งระหว่างที่ตุ๊กตาบันทึกเทป ตุ๊กตาไม่รู้ว่าเขาทราบมั้ย แต่คนที่ฟังอยู่ในสายระหว่างที่ตุ๊กตาคุยมีอยู่ด้วยกัน 5 ท่าน คือตุ๊กตาทำเป็นประชุม 5 สาย ก็จะมีพี่ดา (ชฎาพร รัตนากร) แฟนพี่ดา แล้วก็ผู้เสียหายคนอื่นอีก 2 คน ตุ๊กตาไม่ได้ไปตัดต่อเสียงใคร ซึ่งตุ๊กตาเองก็รู้ว่ามันเป็นหลักฐานทางศาลไม่ได้ แต่ขอให้เป็นหลักฐานของสื่อมวลชน ที่จะทำให้ประชาชนที่ยังเชื่อเขาได้ดู"
 
"ให้รู้เถอะค่ะว่าคนคนนี้เป็นยังไง เพราะเสียงก็เป็นเสียงของเขา ให้ออกมาพิสูจน์อะไรก็พิสูจน์ได้ เพราะตุ๊กตามีบุคคลที่ฟังอยู่ถึง 5 ท่านที่จะมารับรองตรงนี้ และเสียงที่ตุ๊กตาอัดบันทึกสนทนาทั้งหมดนี้ สามารถเป็นหลักฐานของตำรวจได้ ซึ่งตุ๊กตาก็เตรียมมอบให้กับทางตำรวจและกองปราบแล้ว”

เผยความคืบหน้าได้นำทุกคดีมารวมกันเป็นคดีเดียว โดยมีทางกองปราบรับทำคดี และสืบสวนไปได้เยอะแล้วว่า มีมูลความจริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

“ถึงแม้ว่าคดีของตุ๊กตาจะอยู่ในชั้นที่อัยการสั่งฟ้องให้แล้ว แต่ตุ๊กตาก็ไม่หยุดแค่นี้ ล่าสุดตุ๊กตาได้นำคดีทั้งหมดที่โดนเขาคนนี้หลอกลวง ปลอมแปลง หรือเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สิน จากทุกท้องที่ที่เขารับทำให้ มารวมคดีที่กองปราบเพื่อให้มันเป็นคดีเดียวกัน และทางกองปราบรับทำคดีให้แล้ว"
 
"ไม่ว่าจะเป็นหน่วยสืบหรือหน่วยสอบ ตอนนี้ก็สอบไปได้เยอะแล้วว่า มันมีมูลความจริงค่อนข้างเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของบุคคลแค่คนเดียว แต่มันเป็นทั้งขบวนการที่มีทั้งสถาบันการเงิน ไฟแนนซ์ และผู้ร่วมขบวนการ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานธนาคารหรืออะไรก็ตาม มันทำเป็นขบวนการใหญ่ มันเป็นขบวนการที่บอกได้ว่าสร้างความเสียหาย ล่าสุดที่รวบรวมมาเสียหายจะร้อยล้านแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเอง”

“ตอนนี้มีผู้เสียหายประมาณ 20 คน เร็วๆนี้ตุ๊กตาไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะเกิดก่อนมาขึ้นศาลในคดีของตุ๊กตาก็ได้ ซึ่งตุ๊กตาจะพาผู้เสียหายทั้งหมด ที่เขาอ้างว่าไม่มีผู้เสียหาย พวกเขาจะเดินทางมาจากเชียงใหม่หรืออะไรก็ตาม ทุกคนพร้อมที่จะมาร่วมเป็นพยานให้ตุ๊กตา อย่างวันนี้ทุกคนก็จะมา แต่ทางทนายขอไว้ว่าวันนี้เป็นแค่ไต่สวนมูลฟ้อง แต่ว่าในวันที่อัยการสั่งฟ้องให้แล้ว ทุกคนจะมาให้ เขาจะได้เจอทุกคนที่เขาบอกว่าไม่ได้หลอก แล้วเขาก็จะได้รู้ว่าหลอกหรือไม่หลอก ซึ่งทุกคนได้แจ้งความไว้หมดแล้ว และทางกองปราบก็ทำเรื่องที่จะขอสำนวนเรียบร้อยแล้ว เขาอาจจะโดนก่อนที่จะขึ้นศาลครั้งต่อไป อันนี้ตุ๊กตาก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

ยืนยันจะฟ้องกลับในคดีหมิ่นประมาท เนื่องจากได้รับความเสียหาย ไม่สามารถไปออกรายการต่างๆพูดถึงคดีความได้

“ในใจของตุ๊กตาในส่วนของคดีฟ้องหมิ่น ก็คือต้องการฟ้องกลับ ตุ๊กตารู้ว่าเขาไม่มีตังค์ให้ตุ๊กตาอยู่แล้ว แต่ตุ๊กตาจะฟ้องกลับแน่นอน เพราะเขาทำให้ตุ๊กตาได้รับความเสียหาย จากการที่เขาออกมาพูดว่าตุ๊กตาอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นการแจ้งความแก้เกี้ยว เป็นการกันไม่ให้ตุ๊กตากับพี่ดาไปออกรายการอื่นๆ ถ้าไปออกเขาก็จะไปแจ้งความที่ทำให้เขาเสียหาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตุ๊กตาได้รับความเสียหายจากการที่เขาได้ฟ้องมา เขาทำให้เราไปออกรายการนั้นไม่ได้อีก มันเลยทำให้ตุ๊กตารู้สึกว่าต้องฟ้องกลับ”

“ตุ๊กตาไม่หวังอะไร ตุ๊กตาหวังแค่ให้คนผิดได้รับผิด ซึ่งคดีที่เราฟ้องเขาตอนนี้หลักฐานครบแล้ว มันไม่มีอะไรต้องหาแล้ว ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือดีมาก พยานทุกคนก็ให้ความร่วมมือดีมาก ตุ๊กตาก็ต้องขอบคุณเขาเหมือนกัน ที่ทำให้ตุ๊กตาได้รู้จักผู้เสียหายที่ตุ๊กตาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยว่าเป็นใคร จนเป็นมิตรแท้เพราะตุ๊กตาได้ช่วยเหลือเขา ตุ๊กตายืนยันว่าถ้ามันไม่ได้อยู่ในศาลจะเอาให้ตาย แต่ถ้าอยู่ในศาลก็ขอให้เขาติดคุก”

โต้เคยเป็นแฟนและอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เหมือนที่คู่กรณีพยายามกล่าวอ้างให้คนอื่นเข้าใจไปเช่นนั้น

“แล้วทำไมเขาถึงไม่พูดออกมาล่ะคะ เขาก็น่าจะพูดออกมาถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ คือเขาจะพยายามให้ทุกคนอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่จากการที่ตำรวจสน.โชคชัยได้ไปสอบถามเจ้าของบ้านทุกหลัง ที่เขาไปเช่าอยู่แล้วมีเอกสารชื่อของตุ๊กตาส่งไป 5-6 ธนาคาร ไม่เคยมีใครคนไหนเห็นเลยว่า ตุ๊กตาเคยอยู่ที่นี่ เราแค่เคยไปมาหาสู่กัน คุณพ่อคุณแม่ก็เคยไป แต่ไม่เคยอยู่ไม่เคยทำสัญญาเช่าบ้าน ดังนั้นคำพูดที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้ไม่เป็นความจริง”

ด้านทนายความส่วนตัวของดาราสาว “นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” ได้เผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า

“วันนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้อง ผมก็ได้ทำหน้าที่ในการนำหลักฐาน และพยานต่างๆที่ตัวผู้เสียหายหลายราย ได้มาแจ้งความตามท้องที่ต่างๆ ทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ เพื่อที่จะนำมาเสนอให้ศาลเห็นว่า คำพูดที่ตุ๊กตาพูดไปนั้นมีองค์ประกอบอะไร ซึ่งมันก็เป็นเหตุจูงใจ ซึ่งคดีนี้ศาลได้นัดฟังคำสั่งพิพากษาวันที่ 21 ธันวาคม เวลา 09.00 ว่าจะรับฟ้องหรือเปล่า ส่วนคดีที่ตุ๊กตาเป็นโจทก์จะมีนัดอีกทีปลายเดือนนี้ ตอนนี้ทางพนักงานอัยการกำลังรวบรวมหลักฐาน เพราะทางตัวคุณเจมส์ขอความยุติธรรมไปทางพนักงานอัยการ และทางอธิบดีก็มีการสั่งให้สอบเพิ่มในบางประเด็น ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเสร็จแล้ว”

“ทางคุณเจมส์ได้มีการเบี่ยงเบนประเด็น ทำให้คนมองว่าเขามีปัญหากับคนใกล้ชิด เพราะตอนนี้คดีที่ผู้เสียหายท่านอื่นกำลังแจ้งความอยู่ในการสอบสวน มันเลยยังไม่มีคดีไหนที่เข้าขั้นเป็นคดี เขาเลยมองว่าอาจจะเป็นคดีของคนใกล้ชิด เบี่ยงเบนประเด็นไปก่อน แต่สำหรับผมมองว่าคดีนี้เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ เขาปลอมแปลง หลอกลวงเอารถไป เป็นคดีที่สอบสวนอยู่ ถามว่าจะจบยังไง ผมว่ามันจบที่ตุ๊กตาไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นคดีที่มีผู้เสียหายหลายคน แต่ในคดีที่เขาฟ้องตุ๊กตาหมิ่นประมาทมันยอมความได้ ถ้าเขายินยอมในการเจรจา เราก็เจรจาได้ ซึ่งเราก็พร้อมเจรจาอยู่แล้ว แต่ในคดีอื่นๆที่เป็นคดีอาญาแผ่นดิน มันคงยอมความกันไม่ได้”





กำลังโหลดความคิดเห็น