xs
xsm
sm
md
lg

“ตุ๊กตา” บุกเล่นงานทอมคู่กรณีกระเจิง เดือด ก่อหนี้ให้แล้วยังมาพาดพิงว่าเป็นแฟน ด้านคู่กรณีโต้ไม่ใช่นักต้มตุ๋น ประกาศฟ้องกลับตุ๊กตา และ “ดา ชฏาพร” หมิ่นประมาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ตุ๊กตา อุบลวรรณ” บุกเล่นงาน ทอม คู่กรณีกลางงานแถลงข่าว สุดเดือด ก่อหนี้ให้นับ 2 ล้านยังไม่พอ ยังพาดพิงว่าเป็นแฟนกันอีก กร้าว กำลังรวบรวมหลักฐานจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเพื่อเตรียมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ด้านทอมรุ่มใหญ่ ย้ำไม่ได้เป็น 18 มงกุฎ ยืนกรานความสัมพันธ์กับ “ดา ชฎาพร” มากเกินกว่าเพื่อน พร้อมเผย เตรียมฟ้อง ตุ๊กตา กับ ดา ในข้อหาข้อหาหมิ่นประมาท กล่าวหาเป็นนักต้มตุ๋น

เป็นคดีที่หลายคนให้ความสนใจ หลังจากที่กองปราบจับกุมทอมรุ่นใหญ่ “เจมส์ ภัสมาภูฏิณฑ์ อัครวงศ์ตระกูล” หรือ “อลิสา เจริญผล” หลังจากแอบอ้างชื่อและปลอมแปลงเอกสารของอดีตดาราสาว “ดา ชฏาพร รัตนากร” และสาว “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” ไปทำธุรกรรมบัตรเครดิต ก่อนสร้างหนี้ให้แก่ดาราสาวทั้งคู่เป็นจำนวนกว่า 10 ล้าน

ซึ่งหลังจากได้รับการประกันตัวออกไปเพื่อสู้ดคีด้านสาว “เจมส์” ก็ได้นัดสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวตอบโต้2 ดาราสาวพร้อมทนาย โดยเจ้าตัวยืนยันไม่ได้เป็น 18 มงกุฎและไม่เคยหลอกลวงใครตามที่ดาราสาวกล่าวหา เนื่องจากครอบครัวสืบเชื้อสายจากเจ้านายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทนายรวบรวมหลักฐานฟ้องร้องกลับฐานหมิ่นประมาท

แต่ปรากฏว่างานแถลงข่าวเป็นอันต้องล่มไม่เป็นท่า เนื่องจากสาวตุ๊กตาบุกมาเอาเรื่องกลางงาน จนเกิดการโต้แย้งกันขึ้น เป็นเหตุให้ทนายของเจมส์ต้องหย่าศึก และบอกให้ไปสู้กันในชั้นศาลแทน

เจมส์ “สวัสดีนะค่ะสื่อมวลชนทุกท่าน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ นิตยาสาร เจมส์ นะค่ะ อลิสา เจริญผล หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ต้นน้ำ อัครวงศ์ตระกูล หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นภาษายาวี ภัสมาภูฎินฑ์ อัครวงษ์ตระกูล ก่อนอื่นเจมส์ต้องขอเล่าที่มาว่าทำไมถึงมีหลายชื่อ จริงๆ เจมส์ได้ใช้ชื่อ อลิสา เจริญผล มาโดยตลอด อาจจะเป็นตอนเด็กนักเรียนที่จะเป็นอีกชื่อหนึ่ง แต่พอตอนโตมาเจมส์ประกวดนางสาวไทย คนก็จะรู้จักในนามอลิสา เจริญผล มาเป็น10ๆ ปี แต่พอมีข่าวอะไรมากมายที่หน้าหนังสือพิมพ์ เจมส์เลยไปหาพระ แล้วพระก็เลย ให้ชื่อมา ลองเปลี่ยนชื่อดู เพื่อความเป็นสิริมงคล”

“แล้วคุณชฎาพรก็เป็นคนที่เลือกชื่อต้นน้ำ กับนามสกุล อัครวงษ์ตระกูล ให้เจมส์ ก็เลยเปลี่ยน เพื่อความเป็นสิริมงคล นี้เป็นที่มาของชื่อ ไม่ได้เปลี่ยนเพราะหนีหนี้ หนีหน้าใคร หลอกลวงประชาชน อย่างที่เป็นข่าว เลขบัตรประชาชนเป็นเลขที่เดิม เพราะถึงจะเปลี่ยนชื่ออย่างไรเลขบัตรประชาชน ของเรามันก็จะติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่สามารถหลบหนีได้”

“ในตลอดเวลา3-4 วันที่ผ่านมา เจมส์ได้ชื่อว่าถูกทั้งสองดารากล่าวหาว่าเจมส์เป็น18 มงกุฎ นักต้มตุ๋น หลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายมากมายก็แล้วแต่ เจมส์ขอชี้แจงว่า คำว่า18มงกุฎ ที่คุณอุบลวรรณ บุญรอด และคุณชฎาพร รัตนากรณ์ กล่าวหมายความว่าอะไร แต่ในความหมายของเจมส์ หมายความว่าเป็นคนไม่ดี หลอกลวงมนุษย์ สร้างความเสียหายให้กับคนทั่วไป ถ้าคุณอุบลวรรณ บุญรอด หมายถึง คำว่า 18 มงกุฎอย่างเดียวกับที่เจมส์คิด ตรงนี้เจมส์ต้องขอดำเนินคดีต่อคุณอุบลวรรณ บุญรอด เพราะเจมส์ไม่ใช่เป็นนักต้มตุ๋น และไม่ใช่18มงกุฏ เจมส์ก็มีงานทำที่ซื่อสัตย์ สุจริต เจมส์ทำงานอยู่ที่บริษัท อินทีเรียอยู่กับเพื่อนก็ทำงานปกติ ใช้ชีวิตปกติ ไม่ว่าจะเป็นในงานที่ผิดพลาดแล้วก็ กิจการที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดนฟ้องเป็นหนี้ หรืออะไร เจมส์ยอมรับนะค่ะ ทุกคนเป็นหนี้ได้ ยืมเงินเพื่อน กู้เงินสถาบันการเงิน ล้มละลาย เจมส์ ผ่านตรงนั้นมาหมดแล้วค่ะ”

“เจมส์ไม่ใช่นักหลอกลวงคน แต่เป็นคนที่ทำธุรกิจล้มเหลว ตลอดชีวิตของเจมส์ผ่านจุดที่สูงสุดที่เคยมีเงินมาและต่ำสุดที่ไม่เหลืออะไรเลย เจมส์ผ่านมาหมดแล้วทุกท่านก็คงเห็นมาโดยตลอดผ่านทางสื่อต่างๆในทุกเวลาที่มีเงินหรือไม่มีเงิน”

“ และที่กล่าวหาว่าเจมส์ปลอมแปลงเอกสาร ต้องขอพูดถึงความสัมพันธ์ ก่อนเลยดีกว่า เจมส์ไม่เคยปลอมแปลงเอกสารแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ถ้าจะให้พูดก็จะหาว่าเจมส์เอาความสัมพันธ์ในเรื่องส่วนตัวออกมาพูดต่อหน้าประชาชน ซึ่งไม่สมควร เจมส์เองก็เป็นอย่างที่ทุกท่านเห็น ท่าทางอย่างนี้ลักษณะแบบนี้เจมส์ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณชฎาพรหรอกนะค่ะ เจมส์ขอยืนยันถึงความสัมพันธ์ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว เจมส์รักกัน เจมส์ยอมรับค่ะ เจมส์เป็นคนรักของคุณชฎาพร พูดได้เลยแล้วก็เป็นสิบปีมาแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์จบแล้ว สิ้นสุดลงแล้ว”

“เจมส์ค่อนข้างคิดว่า ทั้งสองท่าน ไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวออกมาพูดในทำนองแบบนี้ ซึ่งมันรุนแรงมากแล้วมันก็เป็นเหมือนอาชญากรรมสังคม โดยเฉพาะการกล่าวหาว่า เจมส์อ้างถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศว่าเป็นเครือญาติของตัวเองเจมส์ขอยืนยันเลย คุณพ่อของเจมส์ คือคุณ อีสมาอีน ฮาเซียเจริญ ผล เป็นลูกคนท่าน ฮิบราฮิม ฮาเซียเจริญผล ฮาเซีย เป็นนามสกุลแห่งซาอุดิอาระเบีย และก็เป็นเครือญาติ กับญาติผู้ใหญ่ของประเทศนี้ จริงๆ”

“แล้วที่คุณอุบลวรรณ บุญรอด ได้บอกว่าได้เลี้ยงดูคุณแม่ของเจมส์ ให้เงินเดือนละ3 หมื่นบาท เจมส์ขอให้คุณอุบลวรรณพูดออกมาให้ชัดเจนว่าคุณอุบลวรรณทำอย่างนั้นจริง ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นจริงเจมส์ขอฟ้อง เพราะสร้างความเสียหายให้กับเจมส์คนเดียวมันไม่เป็นไร ยังพอรับไหวกับการต่อสู้กันในชั้นศาล แต่ถ้าสร้างความเสียหายให้กับญาติผู้ใหญ่ แล้วบุพการีด้วยแล้ว เจมส์รับไปไม่ได้ขอยืนยันว่าเจมส์ฟ้องแน่นอน ที่กล่าวอ้างถึงเครือญาติของเจมส์ ทำให้เสื่อมเสีย และสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเจมส์คงไม่กล้าออกสื่อ พร้อมกันทุกช่องขนาดนี้”

“ฟังอีกครั้งนะค่ะคุณพ่อคือคุณอีสมาอีน ฮาเซียเจริญ ผล เรื่องทั้งหมดให้เจมส์เสียหายทั้งครอบครัวทั้งวงษ์ตระกูลทั้งทางธุรกิจ ทั้งสื่อต่างๆเพื่อนฝูงทุกคน อาจจะมองภาพเจมส์เป็นแย่ที่สุดไปแล้ว เจมส์ก็ขอแค่ความเป็นธรรมเจมส์เป็นผู้ถูกกล่าวหาไม่ใช่ผู้ต้องหา และในวันที่ถูกจับกุมที่สน.โชคชัย 4 เจมส์นักทานข้าวกับคุณชฎาพรไม่ได้ถูกตำรวจจับ แล้วก็มีการเรียกนักข่าวมาทำข่าวแล้วก็ชี้หน้า แล้วก็ลงสื่อเลย เขาก็เชิญตัวเจมส์ไปขังทางด้านหลังโดยให้ไม่ติดต่อใครที่จะมาประกันตัวทั้งสิ้น ตอนนี้เรื่องก็อยู่ในชั้นศาลแล้วยังไงเจมส์ก็คงจะต้องสู้ เจมส์รับรองเลยว่าเจมส์ไม่หนีไปไหน หากใครที่คุณอุบลวรรณเชิญว่าเป็นเจ้าทุกข์ต่างๆว่าเจมส์ทำผิดจริงค่อยๆมาค่ะ เจมส์มีคำตอบให้กับทุกคำถาม ไม่ใช่คนๆเดียวจะสามารถทำกรรมชั่วได้ขนาดนั้น”

ทนายยันสถานภาพลูกความของตนกับสองนักแสดงสาวมีความสัมพันธ์ที่มากเกินกว่าเพื่อนแน่นอน ด้านเจมส์เองออกมาเผยว่าตนได้ใช้ชีวิตรักกับอดีตนางเอกสาวชฎาพรมาร่วม 10 ปี ส่วนเรื่องรถเบนซ์ราคา 7 ล้านบาทที่ถูกปลอมเอกสารทางทนายยอมรับว่าอยู่ในความครับครองของลูกความของตน จะทำการส่งคืนให้แน่นอน

ทนาย “ความสัมพันธ์ ระหว่างเขา เอาเป็นว่าผมให้ลูกความผม พูดถึงความสัมพันธ์ว่ามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่ว่าคุณอุบลวรรณและคุณชฎาพร จะพูดอย่างไรเราไม่ว่า ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ถ้าหากว่าลูกความของผมเป็นอย่างที่กล่าวหาเราก็พร้อมที่จะให้ศาลพิพากษาแต่หากมันไม่ใช่ผมบอกได้เลยว่า ผมปรึกษากันแล้วเราต้องการฟ้องเพื่อเรียกร้องสิทธิ์และศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิงของเขากลับคืนมา ต้องบอกเลยว่าเราฟ้องแน่นอน แต่ในส่วนว่าจะฟ้องข้อหาอะไร เดี๋ยวขอปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่รู้ๆว่า2 ข้อหาอันนี้แน่นอน เอาเป็นว่าเรื่องความสันพันธ์ผมไม่ให้พูดมากไปกว่านี้ จากที่ฟังข้อมูลจากลูกความของผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณอุบลวรรณ หรือคุณชฎาพรเองก็ดี จากการที่เราได้เห็นเอกสารจากลูกความก็เห็นว่าเป็นเรื่องจริง ยังไงก็ว่าอีกทีหนึ่ง ผมไม่ได้กล่าวหานะครับ”

“ส่วนเรื่องรถบอกคุณดาได้เลยว่าไม่ต้องห่วง เรื่องรถเรายอมรับว่าอยู่ในความครอบครองของเราคุณดาเองก็รู้มาโดยตลอด แล้วเรื่องรถใครเป็นคนผ่อนคุณดาก็รู้ เพราะฉะนั้นในเรื่องของรถเราส่งคืนให้แน่นอน เราขอเวลานิดนึงเพราะตอนนี้เราได้ทำการเข้าไปเจรจากับทางผู้เช่าซื้อเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทางนั้นเองก็รับรู้ตรงนี้เรามีพยานเป็นเอกสาร บอกคุณดาได้เลยว่าไม่ต้องห่วงผมรับประกันได้เลยว่าลูกความของผมคืนรถให้แน่นอน”

เจมส์ “ในกรณีรถเบนซ์ตอนที่เราซื้อเรามีเงินแต่พอเวลาผ่อนในบางครั้งเราก็ไม่มีทำให้บางครั้งมันก็มีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณชฎาพรเสียชื่อ เจมส์ฝากสื่อขอโทษคุณชฎาพรจริงๆ ที่เจมส์ไม่สามารถจะผ่อนรถได้ตรงเวลาทำให้คุณชฎาพรเสียชื่อ เวลาเรามีเงินเราก็มีด้วยกัน เวลาที่เราเป็นหนี้เราก็เป็นหนี้ด้วยกัน แต่ในวันนี้เจมส์เสียใจมากที่คำพูดคนคุณชฎาพร ไม่เหมือนกับคนเคยรักกันที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา 10 ปีเลย ความไว้ใจของคุณชฎาพรที่เจมส์เคยมีให้คิดว่าคุณชฎาพรคงคิดว่าเจมส์คงไม่มีรักที่แท้จริง”

ซึ่งขณะที่ “เจมส์” กำลังแถลงข่าวยังไม่ทันเสร็จ ปรากฏว่าจู่ๆ สาว “ตุ๊กตา” ก็บุกเข้ามากลางงานแถลงฉะคู่กรณี เพื่อให้เคลียร์ต่อหน้าสื่อเรื่องคดีความที่กำลังมีเรื่องกันอยู่ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ก่อนหน้านี้เจมส์ไปพูดในทำนองให้เข้าใจว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งทำให้สาวตุ๊กตาไม่พอใจอย่างมาก ระเบิดอารมณ์พร้อมต่อว่าคู่กรณี แต่ถูกทนายขัดขว้างเลยทำให้เกิดมีปากเสียงกับทนายด้วย เมื่อเคลียร์กันไม่ได้ทางทนายจึงขอยุติการแถลงข่าวในครั้งนี้ พร้อมกับบอกให้ไปเคลียร์กันในชั้นศาลแทน

จากนั้นสาว “ตุ๊กตา” ก็เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าว พร้อมเล่าถึงที่มาว่ามารู้จักกับ“เจมส์” จากการที่คู่กรณีมาตีสนิทและโอ้อวดสรรพคุณจนทำให้ตนตายใจ พร้อมยังบอกถึงสาเหตุที่ต้องมาบุกกลางงานแถลงข่าวครั้งเพรากลัวทางคู่กรณีจะหนีการจับกุมอีก

“สนิทกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว คือเขาพยายามเขามาสนิทไปไหนไปเป็นเพื่อน พยามยามเข้ามาดูแลเป็นเพื่อน แล้วหนูก็ไม่เคยใช่คำว่าทอม เพราะหนูเห็นเขาเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด แล้วเขาก็เอารายการทไวท์ไลโชว์ ที่เขาเคยไปออก ให้หนูดู หัวข้อ นักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ ทำเงินได้100 ล้าน ภายในหนึ่งปี ของอาต๋อย ไตรภพ ถ่ายปกหนังสือดิฉันมารีเฟอร์ข้อมูล เอาสเตทเม้นท์ที่เคยมีเงินเป็นร้อยๆล้านมาให้ดู แต่ตอนนี้ไม่มี แล้วเขาอยากให้ตุ๊กตาช่วยเหลือ ตุ๊กตาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ ไหนเขามีแม่แก่ๆคนหนึ่ง ซึ่งตอนหลังมาสืบทราบว่าไม่ใช่แม่แท้ๆ เป็นแค่แม่บุญธรรม แล้วเขาก็บอกว่ามีลูกคนหนึ่งที่เขากล่าวอ้าง ซึ่งตอนนั้นที่ตุ๊กตารู้จักเด็กอายุ 4ขวบ เขากล่าวอ้างว่า เป็นลูกที่เขาไปขอมาจากพี่อรอนงค์ ปัญญาวงศ์”



“คือตุ๊กตาพยายามจะตามหาตัวเขามานานแสนนานแล้ว แล้วได้เจอหน้าเขาหลังจาก 8 ปีก็คือเมื่อวันที่จับกุมได้ที่ทุกคนคงจะเห็นข่าวทางหน้า 1 วันนั้นก็ยอมรับว่าเกือบที่จะระงับสติอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะวันนั้นเขาก็ทำกับเราร้ายแรงมากๆ ทำให้ตุ๊กตาและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนถึงขนาดที่ตุ๊กตาต้องฆ่าตัวตาย หรือว่าพี่ดาเองก็ต้องฆ่าตัวตายเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่แค้นมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และรู้สึกว่าประเทศไทยของเรามีกฎหมาย ในเมื่อมีหมายจับแบบนี้ที่จะจับคนร้าย แล้วจับได้แล้ว แล้วเขาเองก็ยังกล้าที่จะออกมาแถลงข่าวด้วยการที่จะฟ้องกลับตุ๊กตาว่าตุ๊กตาแจ้งความเท็จหรือว่าตุ๊กตาไปกล่าวหาหมิ่นประมาทเขาในเรื่องของความเป็น 18 มงกุฎตรงนี้ทนไม่ไหวจริงๆค่ะ”

“แล้วบังเอิญว่าวันนี้ได้มีพยานหลายๆ คนที่ตุ๊กตารวบรวมได้แล้วได้คุยกับเขา ทุกคนโทรมาร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเป็นเฉพาะกับดาราแต่ว่าเขาทำอย่างนี้กับคนไม่ว่าจะเป็นที่พะเยาที่เขาดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่พะเยาหรือว่าที่เซนโยเซฟหรือว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ ที่บางแสน ที่พัทยา ที่เชียงใหม่ทุกคนโทรเข้ามาพร้อมที่จะให้การกับตุ๊กตา ตุ๊กตาขอบคุณจริงๆเลยทำให้วันนี้พอทราบจากพี่ๆนักข่าวที่หวังดีว่าเขาจะมาแถลงข่าว”

“ตัวตุ๊กตาอยากจะให้เขาตอบคำถามกับพี่ๆต่อหน้าสื่อมวลชนว่าเขาหนีทำไม คดีของหนูเปลี่ยนตำรวจมา 4 คนแล้วในการที่เรียกหมายเขาให้เขาออกมารายงานตัวพบตำรวจ แต่เขาไม่มาจนกระทั้งต้องขออำนาจออกหมายที่จะจับเขา แล้วสามารถไปจับเขามาได้ หนูเข้าใจว่ากระบวนการขั้นตอนมันมีการให้ประกันตัวกันได้ก็จริง แต่เขาประกันตัวไป ทางท่านผู้กำกับสน.โชคชัยได้ออกมาพูดว่าเขามีที่ดินมาประเมินไปแล้วประมาณ 1-2 แสนบาทแต่เขาก็ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป ซึ่งตอนนั้นหนูได้ออกจากสน.ตอน 3 ทุ่ม แล้วเขาก็โดนปล่อยไปตอน 5 ทุ่ม มันต้องเป็นความคับแค้นในความรู้สึกของหนูว่ากว่าหนูจะตามบุคคลคนนี้เจอมันใช้เวลานานมาก”

“แล้วที่บุกมาวันนี้คาดหวังว่าเขาจะบริสุทธิ์ใจ ถ้าเขาไม่ได้ทำจริงๆทำไมเขาไม่กล้าตอบคำถามต่อหน้าสื่อมวลชนว่าทำไมเขาถึงต้องหนีคดี ทำไมเขาถึงไม่ยอมที่จะต่อสู้ว่าเขา บริสุทธิ์ แต่เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะคุณยังไม่ได้เตี๊ยมคำพูดรึเปล่าว่าคุณจะพูดยังไง เพราะว่ากล้องก็เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ สามารถใช้เป็นคำพูดฟ้องร้องที่ศาลได้แต่เขากลับไม่พูด”

“ สิ่งที่เขาควรจะต้องออกมาตอบโต้คือเรื่องของหมายจับของหนู เขาต้องออกมาชี้แจงแถลงไขแล้วเขาบอกว่าหนูมีส่วนรู้เห็น แล้วทำไมไม่เอาหลักฐานมาชี้มาแสดง ทำไมไม่ตอบโจทย์คำถามผู้สื่อข่าวที่พยายามจะถามเขาเรื่องหมายจับตุ๊กตา เรื่องปลอมแปลงบัตรเครดิตเขากลับไม่พูดเขากลับบ่ายเบี่ยงไปในชั้นศาล แล้วกลับไปมุ่งทำร้ายคนที่ขู่ฆ่าเขา ณ ปัจจุบันก็ยังขู่ฆ่าเขาเมื่อวานซืนนี้เองก็คือพี่ดา เพราะเห็นว่าพี่ดาอ่อนแอใช่ไหม เห็นว่าพี่ดาเขาไม่สู้ใช่ไหมถึงได้พยายามจะเรื่องนี้ ก็อย่างที่ทราบไม่ว่าจะเป็นพี่อรอนงค์หรือว่าใครก็ตาม พยายามอ้างที่จะเป็นแฟนกับเขาไปหมด คือเห็นใครไม่ได้ก็เหมือนที่พี่อรกล่าวเอาไว้ว่า พอ5-4-3-2ปุ๊บจะต้องเอาแก้มเข้ามาแนบแก้ม จะต้องโน้มตัวมาถ่าย เพราะเขาถ่ายตัวเองไม่มีใครถ่ายให้เขาไงค่ะ เขาถ่ายมันก็ต้องแนบภาพที่ต้องใกล้ชิด แล้วจะเอามาตรงนี้เพื่ออะไร”

เผยอดีตสุดช้ำโดนทวงหนี้จนคิดฆ่าตัวตาย บอกจะสู้จนถึงที่สุดแม้ว่าจะต้องเสียเงินมากเพียงใดก็ตาม พร้อมเผยไม่กลัวอีกฝ่ายจ้างวานอุ้ม
“ ลองย้อนเวลากันไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เงินประมาณ 3 ล้าน มันเยอะสำหรับเด็กสลัมอย่างหนูที่ต้องเข้าวงการมาด้วยตัวเองทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ แล้วต้องมาโดนคนที่เรารู้สึกสงสาร คิดว่าเราเป็นดาราพยายามเข้าตีสนิท เข้ามาบอกว่าตัวเองเป็นนั่นเป็นนี่ มีแบ็คมาต่างๆ ไปออกรายการ นำเอาทุกอย่างที่เป็นหลักฐานเอกสารอย่างที่ให้ไปเอามาให้เราดูทำให้เรายอมใจอ่อน ยอมรับเลยค่ะว่าโง่แล้วก็ไม่ได้อยากจะออกมาประจานตัวเอง แต่เมื่อทราบว่ามีอีกหลายๆ 10 คนที่โดนคนๆนี้กระทำแล้วบางคนถึงกับโดนไล่ออกจากงานหรือว่าเขาไม่มีงานทำ หนูสงสารเขา เพราะฉะนั้นไม่ว่าตุ๊กตาหรือพี่ดาไม่อยากจะออกมาประจานความโง่ของตัวเอง แต่อย่าเรียกว่าโง่เลยนะค่ะ ใครที่มาดนอย่างตุ๊กตาที่เขาเรียกว่า 18 มงกุฎระดับเทพแบบนี้ ใช่วิธีตีเนียนหลอกมาขนาดนี้ พี่ดานี่คบกับเขามา 10 ปีแล้วเพิ่งรู้ว่าหลอกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว”

“คือ ณ ตอนนั้นหนูโดนทุกอย่าง แบงค์รุมเร้าเข้ามาโดยที่หนูก็ไม่โทษแบงค์นะคะ เพราะแบงค์มอบอำนาจให้ฝ่ายทวงหนี้มาทวง แล้วทุกคนน่าจะทราบดีว่าฝ่ายติดตามทวงหนี้เขามีวิธีทวงหนี้และคำพูดที่แรงขนาดไหน ณ ตอนนั้นหนูเข้าวงการมาด้วยตัวเอง อาร์เอสให้โอกาสหนูได้เกิดแล้วเขาขู่หนูว่าจะไปฟ้องให้หนูเสียหาย เขาจะขึ้นไปหาเฮียเหมือนกับจะทำให้หนูเสียชื่อเสียงและบริษัทอาร์เอส ณ ตอนนั้นเสียชื่อเสียง เขาขู่หนู ณ ตอนนั้นแบบนี้ แล้วหนูรู้สึกว่าตอนนั้นหนูยอมไม่ได้หรอก งั้นหนูยอมรับสภาพหนี้ดีกว่าในเมื่อแจ้งความไปแล้ว ตามคนๆนี้ก็ไม่เจอ เขาหนีเหมือนที่หลายๆคนตามเขาไม่ได้เหมือนกัน แล้วเหมือนทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาไม่ว่าจะเป็นรถเบนซ์ แล้วเขายังเอาไปรูดซื้อบริษัทเครื่องไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เอาไปรูดที่เมืองนอกด้วย สิ่งที่เข้ามา ณ ตอนนั้นหนูเป็นเด็กผู้หญิง 8-9 ปีที่แล้วหนูเป็นหนี้เกือบ 3 ล้านคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเขาจะเป็นยังไง”

“หนูจะสู้จนถึงที่สุดค่ะ แล้วพี่ดาเองก็จะสู้จนถึงที่สุดด้วยรวมถึงตอนนี้หนูบอกได้เลยว่าตัวหนูเองกับตัวพี่ดาเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ไม่ว่า พยานส่วนใหญ่ที่โดนเขากระทำกลัวเพราะเขาโทรไปขู่ฆ่า หนูยินดีที่จะไปรับเขาถึงที่เพราะเขาอยู่ต่างจังหวัดกันแล้วเขาไปแจ้งความแล้วมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาจะมาสั่งอุ้มหรือจ้างวานฆ่าหนูไม่กลัวค่ะ ถ้าหนูจะตายเพราะความจริงหนูก็ยินดีตาย”

พร้อมเผยทางฝ่ายคู่กรณีพยายามเล่นแง่เบี่ยงเบนรูปคดีให้ออกไปในเชิงชู้สาว ซึ่งตนมั่นในว่าสามารถมีพยานมาหักล้างได้
“คือเขาไม่รู้จะเล่นแง่อะไรแล้วไงอย่างที่เขาบอกว่าเขามีหลักฐานที่เขากล่าวอ้างกับหนังสือพิมพ์ว่าน้องจูนมีตัวตน แล้วเดือนนี้เดือนมิ.ย. จูนเดี๋ยวเดือนหน้าเขาคงจะมีน้องออกัส น้องอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดตามที่เขาชอบหลอก แต่ตอนนี้หนูบอกได้เลยว่ามีมิสเตอร์เซทเทมเบอร์แล้วกันขอใช้คำนี้ เขาโทรมาหาหนู เขาขอเวลาอีกแป็บนึงเขาจะมาเป็นพยานให้ว่าเขาเป็นอะไรกับคุณเจมส์ ซึ่งเขาเป็นผู้ชาย”

“เขาไม่ได้มีหลักฐานแต่เขามีหลักทรัพย์ แล้วก็ไม่รู้ว่าหลักทรัพย์นั้นจะปลอมมาอีกรึเปล่า หนูเองก็ยังไม่แน่ใจ คือบอกเลยว่าไม่กลัว อยากสร้างหลักฐานอะไรสร้าง อยากจะฟ้องอะไรฟ้องกลับ เชิญเลยค่ะแต่สิ่งนึงที่ ณ วันนี้ประชาชนจะได้เห็นมันน่าจะพิสูจน์ได้แล้ว หนูเองบอกเลยว่าไม่ต้องมาเชื่อหนู ให้ดูจากหลักฐาน ให้ดูจากเหตุผล ให้ดูจากการกระทำว่าเฮ้ยถ้าไม่ได้ทำจริงๆ ก็กล้าต่อหน้าสื่อซิ ทำไมไม่กล้า ไหนว่าจะเอาหลักฐานไง ทำไมส่งมาให้หนังสือพิมพ์ แต่พอทุกสื่อมารวมกัน ณ ตรงนี้ไม่เอาออกมาล่ะ จดหมายพี่เขา น้องจุนด้วย ทำไมไม่เอาออกมา เอาออกมา หลักฐานที่บอกว่าหนูรู้เห็นเป็นใจเรื่องบัตรเครดิตเอาออกมา แสดงว่าที่คุณพูดอย่างนี้คุณดูถูกหมายจับนะค่ะ หมายจับนี่กว่าจะผ่านกระบวนการขั้นตอนออกมาได้มันคืออะไร มันออกมากันง่ายๆเหรอค่ะ คุณมาพูดแบบนี้ประชาชนตัดสินเองแล้วกันค่ะ”

“หนูได้แต่หวังวิงวอนขออำนาจของใครก็ได้ที่มีอำนาจทางกฎหมายหรือว่าศาล หนูอยากให้เคสของหนูและพี่และของอีกหลายๆคนที่โดนเขาหลอกแต่ว่าทุกคนไม่กล้าที่จะมาแจ้งความ”

พร้อมกันนี้ สาวตุ๊กตาได้ต่อโทรศัพท์สายตรงถึงเหล่าบรรดาพยาน ไม่ว่าจะเป็นญาติคนนึงของ “เจมส์” เพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนถูกกระทำ และเพื่อให้เห็นถึงพฤติกรรมของคู่กรณี
ญาติเจมส์ “คือเมื่อประมาณ 12-13 ปีที่แล้ว ได้รู้จักกับ พี่เจมส์ ที่เชียงใหม่ ผ่านเพื่อนที่คนหนึ่งเป็นทนายความ ก็เขาบอกเขาอยากเรียกดารา พอดีเราก็รู้จักดาราอยู่หลายๆ คน ก็เลยนัดเจอกันจากนั้นเขาก็ชวนทำงานด้วย งานเขายุ่งมากๆ เลย เขาไม่มีเวลาเขาอยากให้ช่วยเป็นเลขาเขาได้ไหม เขาบอกว่าเขาทำงานอยู่กับออง ซานซูจี และก็ทำงานบางกอกแอร์ เวย์ แล้วก็ทำงานที่ฮ่องกงด้วย 3 งาน”

“เขาต้องบินไปบินมา ทำธุระ เขามาขอให้เราช่วยงานเขาหน่อย พี่ก็โอเค เห็นเขามาขอ เราก็เลยตกลงเป็นเลขาให้ เขาก็ยังบอกว่าคุณ ทักษิณ ชินวัตร ชวนเขาเล่นการเมือง จะให้เงินเขา 15 ล้าน เพื่อให้เขาลงสมัครเลือกตั้ง เห็นว่าเขายังเป็นยังเจนเนอเรชั่น เขาเป็นคนมีชื่อเสียง เขาก็เลยขอให้พี่ทำเรซูเม่ ทำจดหมายถึงคุณทักษิณ ชินวัตร ให้พี่ก็ทำให้ คือจริงๆ แล้วพี่ฟังดูแล้วพี่ก็เอ๋ มันจะเป็นไปได้เหรอ ว่าทำงานกับออง ซานซูจี แล้วก็ทำที่บางกอก แอร์เวย์ ไปด้วย ในเวลาเดียวกันแต่พี่ก็เฉยๆว่าจะรอดูว่าเขาจะทำอย่างไร สรุปว่าก็ทำงานให้เขาฟรีไม่ได้จ่ายเงินให้สักบาทเดียว”

“แล้วอย่างเวลาที่เขาไปไหนมาไหน ชอบพกกล้องเวลาเจอดาราก็ถ่ายตลอดจะขอเข้าไปถ่ายรูปด้วย ถ่ายเยอะมากเหมือนสนิทกันตั้งแต่รู้จักครั้งแรกเขาก็พกกล้องมาเลย เตรียมพร้อมเลย แล้วถ่ายเยอะมากเลย เหมือนสนิทกกันมากเลย เราเป็นคนแนะนำให้เขารู้จัก ดา เขาก็พยามยามตามตื้อ น้องดา แต่น้องดาเขาก็ไม่สนใจ พี่ว่าเขาชอบดารา พี่ว่าดาราเหมือนเป็นกลุ่มเป้าหมายเขา ดาราอาจหลอกง่าย ทีแรกเขาจะให้พี่ แนะนำเขาให้รู้จักกับแอนนา นาตาชา เปลี่ยนวิถี ด้วยนะ”

ญาติคนเดิมยืนยัน ความสัมพันธ์ระหว่างสาว “เจมส์” และอดตีนักแสดงสาว “ดา” ไม่ได้ความสัมพันธ์เกินเพื่อนอย่างที่คู่กรณีแอบอ้าง บอกฝ่ายคู่กรณีพยายามตามตื้อตลอด มั่นใจเจมส์น่าจะมีอาการป่วยทางจิต
“โอ๊ย....ไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่ใช่แฟนกัน ใครรู้จักเขา เขาก็บอกว่าเป็นแฟนเขาหมดแหละค่ะ อย่างอรอนงค์ เขาก็บอกว่าเป็นแฟนเขา คนนั้นก็แฟน ใครๆ ก็เป็นแฟนเขาทั้งนั้นแหละ

“คิดว่าเขาน่าจะมีอาการป่วยทางจิต คือถ้ารู้จักนิสัยเขาจริงๆ เขาจะเป็นคนตื้อ ตื้อมากๆ น้องดา อาจจะปฎิเสธ ไม่ได้หรือเปล่า เขาก็จะคอยตื้อคอยตาม ซื้อของมาให้ อะไรมาให้แล้วเขาก็ไม่ปล่อย แล้วน้องดาอาจสงสาร ไม่กล้าปฎิเสธ สงสารเลยเป็นเพื่อนเขา”

กำลังโหลดความคิดเห็น