xs
xsm
sm
md
lg

“ดู๋” เปิดหมดใจ หลังโดน “นาธาน-ดาว” ลูบคมแหกตาคารายการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดู๋ สัญญา” เปิดหมดใจกรณีโดน "นาธาน-ดาว" ลูบคมแหกตาคารายการสองรอบ ใจกว้างไม่โกรธ แต่เตือนคนเราจะพูดอะไรต้องตั้งสติให้ดี วอนสังคมอย่าเสียศรัทธาในความดี ถึงใครจะโกหกก็อยากให้สังคมให้อภัยกลับมาเป็นคนดี

เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่ “ดู๋ สัญญา คุณากร” พิธีกรชื่อดังโดน “ดาว มยุรี” หลอกในรายการ “ตาสว่าง” ถึงสองครั้งสองครา เรื่องข่าวคราวการทะเลาะกันกับอดีตเพื่อนซี้ “ฮาย อาภาพร นครสวรรค์” ที่ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองว่าแตกหักกับฮายเพื่อนซี้ชนิดประกาศตัดเพื่อนกันไปแล้ว

แต่จู่ๆ เจ้าตัวกลับพลิกลิ้นในรายการเดียวกันอย่างหน้าตาเฉย ว่าแค่งอนกันเท่านั้น แถมยังโบ้ยความผิดให้สื่อว่าเอาไปเขียนจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนสุดท้ายโดนด่ายับว่าเป็นคนลวงโลก ก่อนจะออกมากลับลำอีกหลายตลบและจบด้วยการเสนอตัวไปขอออกรายการวู๊ดดี้เกิดมาคุยเองชนิดทางรายการไม่ต้องขอร้อง ยอมรับว่าทะเลาะกันจริงๆ แต่ที่ต้องโกหกในรายการตาสว่างเพราะผู้ใหญ่สั่งไม่ให้พูดความจริง

งานนี้หลายคนจึงมองว่าเป็นการลูบคมพิธีกรชื่อดังอย่าง ดู๋ สัญญาอย่างมโหฬาร ซึ่งหากจะย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนดู๋ก็เคยสัมภาษณ์ "สมพงษ์ เลือดทหาร" แท็กซี่ลวงโลกที่แต่งเรื่องเก็บกระเป๋าผู้โดยสารออกรายการ "เจาะใจ" เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา “นาธาน โอมาน” ก็มาสัมภาษณ์ในรายการ “ที่นี่หมอชิต” เกี่ยวกับประเด็นโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวูด และเผยถึงชีวิตหนุ่มเนปาล ซึ่งภายหลังถูกสาวไส้ว่าแท้จริงแล้วนาธานไม่ใช่ลูกครึ่งเนปาลอย่างที่กล่าวอ้างมาโดยตลอด ส่วนเรื่องโกอินเตอร์ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือลวงโลกกันแน่? แต่ไม่ว่าใครพูดจริง-ใครโกหก แต่ที่แน่ๆ ก็คือพิธีกรชื่อดังโดนดารารับเชิญหลอกในรายการครั้งแล้วครั้งเล่า

เป็นพิธีกรต้องซักถามความจริงแต่กลับโดนแขกรับเชิญหลอกซะเองวันนี้ดู๋ก็เลยขอเปิดใจถึงเหตุการณ์โดนหลอก 2 ดอกว่า....

“ผมสัมภาษณ์คุณดาว มยุรีก่อน โดยส่วนตัวก็รู้จักทั้งดาวและฮาย โดยส่วนตัวก็ไม่คิดว่าคนที่เป็นบุคคลสาธารณะจะออกมาบอกว่าฉันทะเลาะกับใคร ก็เลยมีความรู้สึกว่ามันคงเป็นเรื่องหนักหนา ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนสนใจ ข่าวร้ายคนสนใจข่าวดีคนไม่สนใจเป็นเรื่องธรรมดา ก็อยากจะถามตามต่อว่าเรื่องมันเป็นยังไง ตกลงกันได้มั้ย ในรายการก็โทร.ไปคุยกับคุณดาว ซึ่งตอนนั้นคุณฮายไม่อยู่ ฮายอยู่ต่างประเทศ แล้วคุณดาวก็บอกว่าโกรธกันรุนแรง และไม่มองหน้ากัน เจอก็จะไม่คุย โกรธกันมาหลายปีแล้วด้วยเรื่องใหญ่ เราก็ถามว่าเรื่องอะไรเขาก็ไม่ยอมบอก”

“โดยส่วนตัวก็นึกสงสัยว่า ถ้าผมจะบอกว่าโกรธใครออกสื่อมันมีผลนะครับ ซึ่งการพูดอะไรต่อสื่อมวลชน แล้วเป็นความรู้สึกไม่ดีกับบุคคลใดก็ตามต้องเป็นธรรม และต้องระมัดระวังมากๆ และต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองพูด”

“ซึ่งประเด็นนี้เราต้องตามต่อ เพราะคุณฮายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอดีคุณฮายกลับมา เราติดต่อไปคุณฮายก็ยินดีมาออกรายการ ซึ่งเราก็ชวนคุณดาวมยุรีด้วย แต่คุณดาวบอกว่าไม่สะดวกมาออก แต่จะดูทางโทรทัศน์ แล้วเราก็โทร.ไปคุยระหว่างที่ออกอากาศ ซึ่งจริงๆ ตอนแรกบอกจะให้โทร.ไปคุย แต่ตอนหลังบอกว่าขอดูก่อน แล้วคุณฮายก็บอกว่าไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าโกรธกัน แต่ก็มีงอนกันเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น แล้วพอต่อสายโทรศัพท์ได้คุณดาวก็บอกว่าไม่มีอะไร ก็งอนกันนิดหน่อย ผมก็เลยงงว่าทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ(ยิ้ม)”

“ผมมีความรู้สึกว่าสื่อมวลชนมีจำนวนมาก มีหลายสำนัก และมีการแข่งขันกันหาข้อมูล เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นบุคคลที่คนสนใจ เป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นดารา เป็นนักแสดง เป็นนักการเมือง หรือเป็นนักกีฬาอะไรก็ได้ที่คนสนใจ มีคนรักคนชอบต้องระวังมากๆ พูดอะไรออกไป สำนักนี้ไม่เอาไปเผยแพร่สำนักนี้ก็เอาไปเผยแพร่อยู่ดี”

“แล้วถ้าบอกไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วมาบอกว่าไม่มีอะไรแบบนี้ ผมก็งง แต่ถามว่าโกรธมั้ย ผมไม่ได้โกรธอะไรเพราะไม่ได้ทำอะไรให้ผมเดือดร้อน แต่ผมแค่เป็นห่วงว่าต้องระมัดระวัง เพราะว่าทุกคนที่เสพข้อมูล ไม่ได้เสพแค่อ๋อมันเป็นอย่างนี้ รับรู้เสร็จมันจะมีอารมณ์ตามมาเช่น เฮ้ยทำไมมันเป็นแบบนี้วะ ซึ่งอันนี้มันจะเป็นอันตรายต่อผู้พูดเอง ฉะนั้นก็ต้องระมัดระวัง”

ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกโกรธแม้จะถูกดาวหลอกถึงสองรอบก็ตาม แต่ออกปากแนะว่าต่อไปจะพูดอะไรควรตั้งสติให้ดีๆ และต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูดด้วย
“เราไม่รู้หรอกครับว่าอะไรคือหลอกอะไรคือไม่หลอก มันเป็นการเล่าเรื่องของเค้า และไม่จำเป็นต้อง… ผมแค่มีความรู้สึกว่าชีวิตเราทุกวันนี้มันก็มีถูกหลอกเยอะแยะนะครับ เวลาฟังเขาอภิปรายในสภาคุณรู้เหรอครับว่าเขาพูดจริง งั้นไม่ต้องโกรธกันอีกเยอะเหรอครับ ไม่โกรธครับ”

“ต้องมีสติก่อนแล้วรวบรวมดีๆ ว่าเรื่องมันเป็นยังไง และสิ่งที่เล่าออกไปต้องพร้อมจะรับผิดชอบ ถ้าอยากจะเตือนก็อยากจะเตือนแค่นี้ หนึ่งมันจะเป็นเรื่องไม่ดีกับตัวเอง สองมันเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นๆ ที่จะพูดถึงใครก็ตาม ความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตาม ใจผมนะครับ ถ้าพูดในทางชื่นชนเป็นเรื่องดี ยังไม่มีใครเสียหาย สมมุติชื่นชมไปแล้ว ปรากฏว่าเขาไม่ได้ดีจริงก็ยังไม่ถึงกับเลวร้าย เพราะเราไม่ได้ไปรับประกันไม่ได้ไปเป็นนายประกันอะไรให้ แต่ถ้าพูดในทางเสียหายต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบ”

ถามถึงผลกระทบต่อรายการ ที่ปล่อยให้ดารารับเชิญมาโกหกในรายการซ้ำแล้วซ้ำเล่า พิธีกรชื่อดังแจกแจงว่า การตรวจสอบข้อมูลบางครั้งด้วยการแข่งขันในด้านของความเร็วของประเด็น ทำให้ไม่มีเวลาตรวจเช็คอย่างถี่ถ้วน แต่อย่างกรณีของดาวเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นความคิดภายใน ที่ตรวจสอบไม่ได้อยู่แล้ว
“จริงๆ แล้วเท่าที่ได้พูดคุยกับหลายๆ สื่อ ท่านก็ได้ให้ความรู้ผมมา ว่าจริงๆ มันต้องมีกรอบของการพิจารณาข้อมูลว่าเป็นอย่างไรก่อน แต่ทีนี้เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องของผม เช่นคุณมาสัมภาษณ์ผม แล้วผมบอกว่าผมเป็นอย่างนี้ แล้วมันกำลังเป็นประเด็น ในแง่ความเร็วของการแข่งขันคุณไม่มีเวลาไปตรวจสอบได้จริงหรอกว่าผมพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องของผมน่ะ ตรวจก็ไม่ได้ ผมคิดอย่างนี้ผมเป็นอย่างนี้ คุณจะตรวจสอบยังไงใช่มั้ยครับ”






“เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าใครต้องเป็นเหยื่อบ้าง ถ้าเป็นก็เป็นกันเยอะแหละครับ แต่ว่าเราในฐานะคนทำรายการเราเดือดร้อนมั้ย ผมไม่เดือดร้อน แต่ผมแค่รู้สึกไม่ดีว่า มันต้องเกิดบรรทัดฐานของผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยว่า สิ่งที่เราพูดไปถ้ามันกระทบกระเทือนหรือมีผลต่อบุคคลอื่นคุณต้องรับผิดชอบ ในแง่กฎหมายคุณก็ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นบางครั้งต้องระมัดระวัง เป็นห่วงเพราะว่านอกจากกฎหมายแล้วมันยังมีวิถีประชา ความรู้สึกของผู้คนซึ่งเข้ามาเป็นกฎหมายในระดับหนึ่งด้วยนะ ถ้าคุณทำตัวแบบนี้แล้วคนเขาจะรู้สึกกับคุณอย่างไร ซึ่งอันนี้น่าเป็นห่วงนะครับ แต่ถ้าถามว่าโกรธมั้ย ผมไม่ได้โกรธดาวเลยครับ แต่เป็นห่วงว่าต้องระมัดระวัง”

“ล่าสุดก็มีข่าวว่าจะไปออกอีกรายการหนึ่ง คราวนี้จะแฉเลยว่าโกรธจริงๆ ด้วยเรื่องอะไร ซึ่งผมก็ได้ยินอย่างนี้มาสองสามครั้งแล้ว และผมก็เป็นห่วงว่าน้องต้องรวบรวมสติดีๆ ก่อนว่าเรื่องมันคืออะไร ผมเข้าใจมนุษย์อาจจะเล่าไม่ได้หมด ทุกเรื่องอาจจะไม่สามารถเล่าได้หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องรวบรวมดีๆ ว่าอะไรที่จะเล่า และพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เล่า เสร็จแล้วก็พูดไปตามนั้น ถ้าสับสนไปมา วันนี้พูดแบบหนึ่ง มาวันนี้พูดอีกแบบหนึ่ง มันอันตรายกับตัวเอง”

ย้อนไปเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ที่เจ้าตัวเจอกรณีคล้ายๆ กัน เมื่อครั้งที่เชิญ “นาธาน โอมาน” มาสัมภาษณ์ในรายการที่นี่หมอชิต ถึงประเด็นโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวูด ที่ภายหลังกลับถูกลากไส้และรอวันพิสูจน์อยู่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแหกตานั้น ซึ่งกับกรณีนี้ดู๋ก็ยืนยันอย่างใจกว้างอีกว่า ไม่ติดใจอะไรในตัวนาธาน แต่ยอมรับว่าถ้าเกิดโดนหลอกจริงๆ ก็คงเสียความรู้สึกไม่น้อย

“ก่อนหน้านี้ก็นาธาน ถามว่าโดนหลอกโกรธมั้ยก็บอกว่าไม่ได้โกรธเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย สมมุติเขาเล่าเรื่องของเขาว่าไปได้ดิบได้ดีอะไร มันก็น่าชื่นชม เพราะมันหมายถึงว่าคุณต้องมีความสามารถถึงไปได้ดิบได้ดีในการทำงานระดับนานาชาติได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งหมดหลอกหมดเลย ก็เสียใจแค่ว่าเราไม่มีโอกาสตรวจสอบแค่นั้นเอง”

“ผมมีความรู้สึกแค่ว่า การตรวจสอบข้อมูลเราทำเท่าที่เราทำได้ กับสองกรณีนาธาน สิ่งที่เขาพูดมันไม่ได้เป็นการไปให้ร้ายใคร เพราะเขากำลังเล่าเรื่องตัวเอง ผมกำลังเล่าว่าผมได้ดิบได้ดีเพราะอะไรถึงได้ก็ว่ากันไป ผมก็คิดว่าไม่น่าจะมีคนเสียหาย ส่วนหนึ่งที่เสียแน่ๆ ถ้ามันไม่จริงก็คือเสียความรู้สึก เพราะตอนนี้ก็ยังไม่รู้เพราะไม่มีใครออกมาการันตีว่าเป็นอย่างไร”

“ผมแค่รู้สึกว่า วันหนึ่งประเทศไทยจะออกมาเป็นอันตราย คือใครมาบอกว่าใครทำอะไรแล้วดี คนก็จะบอกว่าเฮ้ยไม่จริงหรอก ไอ้เนี่ยมันดีไม่จริงหรอก แต่เวลาใครทำอะไรไม่ดี ใช่ไอ้นี่มันชั่วแน่ๆ คือเราพร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาวิบัติ แต่เราไม่พร้อมที่จะชื่นชมความสามารถหรือความดีของใครก็ตาม”

“ก่อนหน้านี้ย้อนไปเมื่อสิบปี สมพงษ์ เลือดทหาร(อดีตคนขับแท็กซี่ที่กุเรื่องเก็บกระเป๋าผู้โดยสารชาวต่างชาติได้กระทั่งกลายเป็นข่าวโด่งดัง) มาให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะใจ ก็ผมอีกนี่แหละเป็นคนสัมภาษณ์ เวลาเรื่องมันเป็นอย่างนั้น คนก็แห่ไปดีใจ แล้วพอวันหนึ่งเรื่องมันเป็นเรื่องโกหก คำถามคือโอเคเราระมัดระวังการทำงาน เราเสียใจในแง่ที่ได้ข้อมูลที่ผิดมาในการนำเสนอ แต่เราต้องไม่เสียศรัทธาในความดีของมนุษย์ เวลาเราเจอคนที่มีทิศทางว่าจะทำความดี ต้องไม่เสียศรัทธาไว้ก่อน แต่ถ้ามันทำชั่วเอามาออกเลย ถ้ามันทำดีอย่ามายุ่งกับมัน คงไม่จริงหรอกคนอย่างมันคงไม่ดีหรอก ซึ่งถ้าเราคิดแบบนี้ประเทศเราจะไม่ไปไหน เพราะเราเสียศรัทธาและก็ไม่มีใครเป็นคนดีอีกเลย ชั่วหมดทั้งประเทศ พอชั่วเชื่อเลย ถ้าดีอย่าเชื่ออะไรแบบนี้”

“ผมว่าทั้งคนทำ ทั้งคนรับรู้ข่าว หนึ่งอย่าเสียศรัทธาในความดี เพราะมันยังมีความดีอยู่ กับสองถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น ผมเสนอว่าโปรดมีเมตตาครับ อย่าถึงกับต้องให้อีกฝ่ายล้มหายตายจากไปจากสังคม ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ"

"เราประเทศเดียวกัน แค่เราทำงานเราทำมาหากินเราอยู่รอดในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ เราก็ลำบากอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วเรายังไปกดหัวคนอื่นเพราะเราเกลียดมัน เพราะมันทำไม่ถูกใจเรา เพราะมันไม่เป็นอย่างที่เราคิด ผมว่านอกจากที่เราประคองตัวเองแล้ว เรายังจะต้องช่วยกันดึงเขา แล้วบอกว่า เฮ้ยทำแบบนี้ไม่ดีนะ ระวังนะ ปรับปรุงตัวนะ เปลี่ยนแปลงนะ ไม่ใช่เกลียด เกลียดไม่ช่วยอะไร เกลียดไม่ช่วยให้ใครกลับมาเป็นคนดีได้”

ก่อนฝากถึงดาวว่าพร้อมให้เคลียร์ตัวเองทุกเมื่อ และยินดีรับหากจะขอโทษเพราะไม่ได้โกรธแค้นอะไร
“คุยได้ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาก็มีคุยหลังรายการวันนั้นเลย แต่ผมไม่ได้คุยเอง เจ้าหน้าที่คุยเพราะผมทำรายอยู่ แต่ว่าคุยเป็นการส่วนตัวก็ยังไม่ได้คุย แต่ถ้าจะคุยก็ไม่มีปัญหาไม่ได้โกรธอะไรครับ พูดด้วยใจจริงไม่ได้โกรธเลย เรื่องเล็กน้อยครับ ไม่ได้ต้องการให้เขาขอโทษแต่ถ้าเขาจะขอโทษก็ยินดีรับครับ”

“ถ้าจะฝากอะไรถึงคุณดาวคงอยากให้ระมัดระวัง ต้องมีสติว่ากำลังเล่าอะไรออกไป การเล่าอะไรออกไปกับคนๆ หนึ่ง สมมุติผมเล่ากับภรรยาผมสองคน ไม่เป็นไร แต่ถ้าผมเล่าอะไรออกไปให้สื่อมวลชน เล่าอะไรออกไปสู่คนจำนวนมากต้องระวังเพราะเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราเล่า”

กำลังโหลดความคิดเห็น