“ดาว” เปิดใจเหตุพลิกลิ้นกลางรายการ “ตาสว่าง” อ้างถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้พูดเฟค เผยร่ำไห้หลังให้สัมภาษณ์ และถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก สุดอึดอัดเตรียมออกมาแฉเรื่องจริงทั้งหมดผ่านรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” แทน ไม่แคร์ถูกมองเป็นสตอเบอร์รี่ตัวแม่ เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็น
กลายเป็นเรื่องโอละพ่อกลางรายการ “ตาสว่าง” กรณีศึกเกาเหลานักร้องสาวลูกทุ่ง “ดาว มยุรี” และ “ฮาย อาภาพร นครสวรรค์” ที่นักร้องเจ้าของฉายาเจ้าแม่ศัลยกรรม ได้พลิกลิ้นพูดดีต่อหน้านักร้องหุ่นเชพบ๊ะในรายการว่า แค่งอนกันธรรมดา หลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนกระแสสังคมด่าประณามว่า เป็นคนลวงโลก สตอเบอร์รี่ตัวแม่ อยากจะสร้างกระแสให้ตัวเอง
ล่าสุด “ดาว มยุรี” ได้ออกมากราบขอโทษทุกคนผ่านสื่อ พร้อมกับน้ำตาซึม ก่อนเปิดใจเผยถึงสาเหตุที่ต้องพูดกลับกลอกในรายการ “ตาสว่าง” ว่า เป็นเพราะถูกผู้ใหญ่ขอร้อง ไม่ให้มีเรื่องกันกลางรายการสด แต่ความจริงทั้งคู่กินเกาเหลาไม่ถูกกันจริงๆ
“ที่ทุกคนได้ดูรายการ ตาสว่าง อันนี้ดาวต้องขอกราบขอโทษพี่นักข่าวจริงๆ (ยกมือไหว้)และก็สื่อมวลชน แฟนเพลง แฟนรายการทุกคน ที่วันนั้นดาวไม่ได้พูดความจริงออกไป เพราะมีผู้ใหญ่ในวงการหลายๆ ท่าน เช่นพี่เอกชัย (ศรีวิชัย), พี่วิทยา ศุภพรโอภาส, อาไม้ เมืองตรี, อาสดใส รุ่งโพธิ์ทอง, พี่ยิ่งยง ยอดบัวงาม และพี่ๆ ที่อยู่ในวงการหลายท่านบอกกับดาว ขอร้องดาวว่าอย่ามีปัญหากันเลย อย่ามีเรื่องกันเลยนะ รอมชอมกันได้ก็รอมชอมกันไป เราอยู่ในวงการเดียวกัน เคยเป็นเพื่อนกันมา รักกันมา อยากให้มันจบอย่ามาสืบสาวราวเรื่องกัน”
“วันนั้นดาวไม่รู้หรอกว่า เขาจะไปออกรายการ ตาสว่าง ดาวมาจากลพบุรี เขาก็โทรเข้ามาถามดาวว่า ดาวจะตอบไหม ก็ถามทางผู้ใหญ่แล้วทางผู้ใหญ่ก็ขอดาวไว้ว่า ขอนะดาวงานนี้ ขออย่าให้มีเรื่องมีราวเลย ดังนั้นกับสิ่งที่ดาวตอบออกไป อาจเป็นเพราะดาวตอบไม่เป็น ตอบไม่เก่ง คราวนี้ผลที่ออกมาคือ พยายามทำให้มันรอมชอม ด้วยคำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่จริงๆ แล้วถ้าทุกคนได้ดูรายการ จะมีความรู้สึกว่าดาวอึดอัดพยายามฝืนยิ้มพูด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดาวอยากสรุปให้มันจบง่ายๆ”
“แต่พอสรุปในรายการแล้ว ตัวเองกลับถูกสังคมว่ากลับคำ กลับลิ้นหลอกพี่ๆ นักข่าวด้วย หลอกหลายๆ คนว่าเอ๊ะ!เสแสร้งเรื่องเหรอ? ทำไมต้องสร้างข่าวจะขายหนังสือเหรอ? จะสร้างชื่อเสียงตัวเองเหรอ? จริงๆดาวไม่มีเรื่องแบบนี้เข้ามาในสมองว่า เป็นคนลวงโลก ดาวก็เป็นคนซื่อๆ ถ้าไม่มีอะไรถึงที่สุดจะไม่พูด”
“แต่ดาวจะเป็นคนที่ฟังผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่ขอร้องมาหลายท่าน ดาวก็โอเคได้ ดาวพยายามทำให้มันรอมชอมมากที่สุดว่า ไม่ให้มันมีอะไรเกิดขึ้น ดาวยอมรับว่าวันนั้นทำเพื่อผู้ใหญ่ เพื่อทุกคนที่ขอร้องดาว ดาวได้ทำแล้ว ทำเพื่อทุกคนให้มันจบด้วยดี ผลปรากฏว่ามันสะท้อนกลับมาที่ตัวดาวเป็นอีกแบบหนึ่ง ทุกคนมองดาวว่าเสแสร้งแกล้งทำ สร้างข่าว สร้างกระแส จริงๆ แล้วมันมีเรื่องกันจริงๆ แต่วันนั้นมันพูดกันไม่ได้จริงๆ ก็อยากให้มันจบ”
“ที่ไม่พูดความจริง ตอนนั้นถ้าดาวถามเขาไปว่า เธอทำอะไรอยู่รู้อยู่แก่ใจ มันจะจบไหมล่ะ พิธีกรจะต้องถามดาวต่อไปอีกว่า มีเรื่องอะไรกัน มันต่อความยาวสาวความยืดแน่ๆ ดาวมองว่ามันไม่จบอยู่แล้ว ถ้าไปพูดในรายการนั้น แล้วผู้ใหญ่ก็ขอร้องดาว ถ้าดาวไม่พูด ดาวก็ต้องโดนผู้ใหญ่ติติงว่า ทำไมจะต้องไปสาวไส้กันในรายการ และเป็นรายการสดด้วย มันจะต้องแรงแน่ๆ ทำไมต้องมีปัญหากันในรายการ ทำไมไม่จบในเมื่อขอร้องแล้ว ทำไมต้องมาทะเลาะให้คนอื่นหัวเราะเยาะกันเหรอ”
“ดาวคิดไปตรงนั้น โห!ผู้ใหญ่ที่เรานับถือกันในวงการ ผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลยนะ ดาวกล้ายืนยันเลยว่าทุกคนขอร้องเราจริงๆไปถามได้เลย ดังนั้นดาวก็เลยคิดว่า ยังไงรอมชอมได้ก็จะดีที่สุด หรือพยายามทำเรื่องให้มันจบโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่สุดท้ายดาวถูกสังคมมองสร้างกระแส สร้างเรื่อง เลยต้องออกมาพูดเพื่อตัวเอง เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเองว่า เรื่องจริงทั้งหมดมันมีเรื่องจริงนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไร”
เผยหลังจบรายการ “ตาสว่าง” ถึงกับปล่อยโฮ พร้อมเตรียมแฉเรื่องจริงอย่างหมดเปลือกในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย”
“วันนั้นหลังวางสายกับรายการ ตาสว่าง ดาวรู้สึกอึดอัดอยากจะขอเคลียร์ตัวเอง ในเมื่อความจริงมันไม่ใช่อย่างที่ดาวพูดไปในรายการ เพราะผู้ใหญ่ขอร้องดาว ดาวอึดอัด เพราะดาวพูดไม่ได้ ดาวเลยโทรไปร้องไห้กับคุณวู้ดดี้ (มิลินทจินดา) วันนั้นโทรกลับไปโต๊ะฝ่ายรายการว่า ดาวขอเปิดใจดีกว่าว่า ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ดาวขอพูดจริงๆ ในรายการนี้รายการเดียว ก็บอกรายการอื่นไปแล้วว่า ดาวไม่ได้ไป”
“แต่ดาวได้ขอร้องคุณวู้ดดี้ว่า ดาวจะไปพูดในรายการของเขาในวันที่14 นี้ ดาวจะไปพูดในรายการวันนั้นว่า เหตุการณ์มันเริ่มมาอย่างไร ความจริงมันเป็นมาอย่างไร ก็จะเริ่มเรื่องตั้งแต่เราโกรธกันมาจากปัญหาอะไร ทำไมเราถึงเกลาเหลากัน ทำไมเราถึงไม่คบเพื่อนคนนี้ ก็จะเริ่มว่าประเด็นมันมาอย่างไร ดาวจะเคลียร์กับคุณวู้ดดี้ในรายการ ให้แฟนรายการ แฟนเพลง พี่ๆ นักข่าว ทุกคนจะได้ทราบความจริงเป็นมาอย่างไร แต่ดาวคงไม่เคลียร์กับเขาถ้าเจอหน้ากัน”
“ถ้าเรื่องเงินๆ ทองๆ มันก็น่าจะบุคคลที่สาม ซึ่งบุคคลที่สามไม่ใช่คนในวงการ แต่เป็นคนนอกวงการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่เท่ากับที่ดาวพูดว่า ความไว้วางใจเพื่อน ผลที่กลับมามัน...จากการที่เราคบใครคนหนึ่ง เราให้ใจไปร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลกลับมามันมีแค่20เปอร์เซ็นต์ เราควรคบต่อไปไหม เราควรถอยหลังกลับมาไหม เหมือนดาวที่คบแล้วไม่ใช่ เราก็ต้องถอยหลังกลับมา เราไม่เดินหน้า เราไม่เอาแล้วล่ะแค่นั้นเอง”
“แต่มันไม่ใช่เงินที่เขายืมเราไปแล้วไม่คืน มันเป็นเงินจากบุคคลที่สามมากกว่า คือบุคคลที่สามทำให้เป็นเรื่องโกรธกัน และที่เป็นเรื่องตรงนี้ด้วย มันก็คือความที่เราคบคนด้วยใจ แล้วที่ได้รับกลับมามันเป็นผลลัพธ์อีกแบบหนึ่ง และดาวบอกเลยว่าดาวไม่ได้มาปั่นกระแสเพราะไม่มีงาน ให้กล้าสาบานต่อหน้าไฟเลยว่า ดาวไม่เคยสร้างหรือปั่นกระแสตัวเองด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ที่จะต้องมานั่งตอบคำถาม จะมานั่งเถียงกัน ถ้าพูดกันก็คือพูดกันตรงๆโต้งๆไปเลย หลีกเลี่ยงอะไรไม่เป็น อันไหนที่ใช่คือใช่ อันไหนที่ไม่ใช่ก็คือไม่ ถ้าเอาเรื่องแบบนี้มาสร้างกระแสข่าวตัวเองมันไม่ใช่แล้ว”
“วันนี้ดาวต้องออกมาพูด มันไม่ได้แล้ว เพราะกระแสมาเยอะ กระแสข่าวสังคมมันเยอะมาก เหมือนว่าตัวเองเป็นคนลวงโลก ก็เลยต้องออกมาเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง เพื่อความเป็นจริงมันเป็นยังไง ถามว่ากลัวคนไม่เชื่อหรือเปล่า ดาวว่าไม่ค่ะ เพราะความจริงมันก็คือความจริงวันยังค่ำ ดาวไม่กลัวคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ในเมื่อดาวออกมาพูดแล้วว่า ความจริงมันเป็นเช่นนี้ คือเราก็เอาความจริงมาพูด”
รับยังไม่ได้เคลียร์กับ “ดู๋ สัญญา คุณากร” และ “อ.วีระ ธีรภัทร” แต่ฝากทีมงาน “ตาสว่าง” ไปบอกแล้ว ส่วนคู่อริ “ฮาย” ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว
“ส่วนคุณดู๋ หรืออ.วีระ ดาวยังไม่ได้คุยกับเขาหลังจบรายการเลย เพราะเหตุการณ์มันเร็วมาก ดาวก็โทรกลับไปนะ โทรกลับไปหาน้องที่โทรมาให้เราไปออนแอร์ เราโทรกลับไปและร้องไห้ด้วย เราก็บอกว่าคุณน้อง บอกพี่ดู๋กับอาจารย์ด้วยนะ มันไม่ใช่เรื่องจริงที่พูดออกไปในรายการ ตอนนั้นโดนผู้ใหญ่ขอร้องไม่ให้พูด ไม่ให้เราเป็นเรื่องเป็นราวกัน ดาวก็ยังเสียใจที่วันนั้นกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ อาจารย์บอกว่าอยากเขกหัว เราก็อืมอาจารย์ก็มาเขกละกัน"
“กับฮายเองตั้งแต่มีเรื่องก็ยังไม่ได้คุยค่ะ ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน เหมือนกับว่าเขาไม่มีเรื่องอะไร เหมือนเขาจบแล้ว ส่วนทางดาวสิมันไม่ใช่ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า มันมีเรื่องอะไร แต่ถ้าถามว่าร่วมงานกันได้ไหม คือด้วยอารมณ์วันนั้นดาวตอบตรงๆ นะ อารมณ์ตอนนั้นที่กระแสออกมาว่า ฮืม...ไม่ร่วมงาน แต่ก็คือทำได้ ไม่ใช่ไม่ร่วมงานแต่ก็ทำได้ เพียงแต่เราอาจไม่มานั่งคุยกัน ก็แยกกันไปจบ หรือว่าไปคอนเสิร์ต ก็ไม่ได้มาปะหน้ากันอยู่แล้ว”
ทำใจถูกมองเป็นสตอเบอร์รี่ตัวแม่ หรือคนลวงโลก บอกเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง
“ถ้าทุกคนจะมองดาวว่าเป็นสตอเบอร์รี่ตัวแม่แห่งปีเหรอ ถ้าทุกคนดูในข่าว มันก็ห้ามไม่ได้ที่เขาจะออกมาว่าเรา ซึ่งหากเขามองว่าดาวเป็นคนลวงโลก ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ มันห้ามไม่ได้อยู่แล้ว แต่เอาเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ใครทำอะไรก็ได้ ใครทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ"
"ซึ่งดาวทราบอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างไร แต่ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ มีผลกระทบกลับมาเยอะขนาดนี้ อย่างที่บอกว่าดาวเป็นคนที่ผู้ใหญ่บอกอะไร ขอร้องอะไร ดาวจะทำตาม อันไหนที่มันไม่มากเกินไป แต่ดาวไม่คิดว่าผลกระทบมันแรง ซึ่งคำพูดที่แรงกับไอ้คำว่า จะไม่เผาผีกัน คำพูดครั้งแรกที่ดาวพูดไม่มีคำว่าไม่เผาผีกันนะ ไม่รู้ว่ามาจากไหน อันนี้ต้องขอออกตัวก่อน”
เปลี่ยนใจไม่เขียนพ็อกเก็ตบุ๊คแฉอีกฝ่าย บอกตนมีประสบการณ์เยอะ ไม่จำเป็นต้องเขียนถึงก็ได้
“พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มต่อไปยังไม่ออก แต่ทำไมค่ะ เราจะพูดเรื่องเพื่อน เราไม่จำเป็นต้องเขียนเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ เพราะประสบการณ์ของดาวมีเยอะที่จะเขียนว่า เราคบเพื่อนมาแต่ละคนมันเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีส่วนของเขาเข้ามาก็ได้”