ถือเป็นข่าวเศร้าของคนในวงการอีกครั้ง กับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของผู้กำกับชื่อดังของไทย "บัณฑิต ฤทธิ์ถกล" ในวัย 58 ปี เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาของวันนี้หลังเกิดอาการช็อกในระหว่างที่กำลังฟอกไตกระทั่งหัวใจวายเฉียบพลันที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
โดยศพของผู้กำกับชื่อดังได้ถูกนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดมกุฎกษัตริยาราม และจะมีการสวดพระอภิธรรมทั้งสิ้น 7 วัน หลังจากนั้นจะเก็บไว้เป็นจำนวน 100 วัน ก่อนจะมีการทำพิธีฌาปนกิจต่อไป
"บัณฑิต ฤทธิ์ถกล" (พ.ศ. 2494) เป็นคนบ้านแพน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และอัสสัมชัญพานิช เมื่อ พ.ศ. 2514 จากนั้นได้เริ่มทำงานเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และเริ่มทำงานเขียนคอลัมน์วิจารณ์ภาพยนตร์ เขียนบทภาพยนตร์ และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น โบตั๋น, เสือภูเขา, ไอ้ผาง ร.ฟ.ท., ทอง ภาค 2 (2525)
ผลงานภาพยนตร์ในฐานะผู้กำกับเรื่องแรกของเขาก็คือภาพยนตร์เรื่อง คาดเชือกในปี 2527 จากนั้นจึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากงาน คนดีที่บ้านด่าน, ด้วยเกล้า ปัญญาชนก้นครัว ก่อนจะมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก ซึ่งส่วนหนึ่งของเนื้อหาถูกเขียนขึ้นมาโดยอิงกับชีวิตของการเป็นเด็กบ้านนอกเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงของตัวผู้กำกับเอง
บุญชูฯ นอกจากจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว หนังเรื่องนี้ยังสร้างเป็นการแจ้งเกิดคู่พระนางดาราคู่ขวัญอย่าง "จินตหรา สุขพัฒน์" และ "สันติสุข พรหมศิริ" อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ผลงานในระยะหลังๆ ของเขานับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง สตางค์ ที่ออกมาในปี 2543 ต้องถือว่าไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จมากนักทั้งในเรื่องของรายได้ หรือแม้กระทั่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา สงครามประชาชน, สาปเสือที่ลำน้ำกษัตริย์, ชื่อชอบชวนหาเรื่อง รวมถึง อุกกาบาต และ พระ เด็ก เสือ ไก่ วอก พร้อมๆ กับข่าวคราวเกี่ยวกับสุขภาพที่ทรุดลงไปเพราะอาการป่วย
ก่อนจะมาได้รับการต้อนรับจากภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องบุญชู อย่าง บุญชู ไอ-เลิฟ-สระ-อู ที่ดึงเอาดาราเด็กวัยรุ่นมาเป็นตัวชูโรงผสมกับนักแสดงรุ่นเก่าๆ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีในการทำหนังออกมาร่วม 30 เรื่อง และกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดในหนังของคนชื่อบัณฑิต ฤทธิ์ถกล ก็คือ การสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมเมือง และชนบท
และที่ถือว่าเป็นลายเซ็นของผู้กำกับคนนี้เลยก็ว่าได้ในมุมมองของ "หมู สุภาพ หริมเทพาธิป" บก.นิตยสารไบโอสโคป ก็คือเรื่องของความรัก ความเอื้ออาทร ความมีน้ำใจ และมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ซึ่งจะมีแทรกอยู่ในแทบจะทุกเรื่องและทุกแนวของหนังที่เขาทำออกมา
"คืออย่างแรกเลยที่เราจะเห็นในหนังของแกเกือบจะทุกเรื่องก็คือเรื่องของมิตรภาพ เพื่อนฝูง ความเอื้ออาทรซึ่งมันจะปรากฏออกมาในวิธีการคิดแบบคนไทย หรืออย่างแม้กระทั่งในหนังที่แกไม่ได้เขียนบทเองทั้งหมดเช่น 14 ตุลาฯ สงครามประชาชนมันก็มีเรื่องทำนองนี้แทรกอยู่"
"ส่วนช่วงที่ดูเหมือนจะตกๆ ไป ผมว่ามันเป็นเรื่องของการอยากหาความแปลกใหม่มากกว่า เพียงแต่ว่าทางที่เดินไปจะสังเกตได้ว่ามันไม่ใช่ทางที่แกถนัดสักเท่าไหร่นัก คือคนทำหนังก็พยายามหาหนทางใหม่ๆ ทีนี้การลองมันเหมือนงานงานศิลปะทั่วไปเราอาจจะไม่ชำนาญ มันไม่ใช่จริตของการที่จะทำหนังของตัวเอง ทำแล้วไม่สนุกก็อาจจะต้องกลับมาหาแนวทางของตนเองอะไรทำนองนั้น"
สำหรับโปรเจ็กต์ล่าสุดของบัณฑิต ฤทธิ์ถกลก็คือการเตรียมที่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องบุญชูภาคใหม่ที่มีกำหนดจะเข้าฉายในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปว่าการจากไปของผู้กำกับชื่อดังซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดบุญชูขึ้นมาจะส่งผลอย่างไรบ้างกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ผลงาน
คาดเชือก (2527), มือเหนือเมฆ (2527), คนดีที่บ้านด่าน (2528), คู่วุ่นวัยหวาน (2529), ด้วยเกล้า (2530), ปัญญาชนก้นครัว (2530), บุญชูผู้น่ารัก (2531), บุญชู 2 น้องใหม่ (2532), บุญชู 5 เนื้อหอม (2533), ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 (2533), โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ (2534), บุญชู 6 โลกนี้ดีออก สุดสวย น่ารักน่าอยู่ ถ้าหงุ่ย (2534)
เจาะเวลาหาโก๊ะ (2535), อนึ่งคิดถึงพอสังเขป (2535), บุญชู 7 รักเธอคนเดียวตลอดกาลใครอย่าแตะ (2536), กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ (2537), หอบรักมาห่มป่า (2537), บุญชู 8 เพื่อเธอ (2538), อนึ่งคิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 (2539), สตางค์ (2543)
14 ตุลา สงครามประชาชน (2544), สาปเสือที่ลำน้ำกษัตริย์ (2545), ชื่อชอบชวนหาเรื่อง (2546), อุกกาบาต (2547), พระ เสือ เด็ก ไก่ วอก (2549), ข่าวที่ไม่สำคัญ (My First Report) (2550) ภาพยนตร์สั้นในชุด แด่พระผู้ทรงธรรม, บุญชู ไอ-เลิฟ-สระ-อู (2551), อนึ่ง คิดถึงเป็นอย่างยิ่ง (2552)
...
จากใจลูก "บญชู"
เป็นรุ่นที่สองที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง "บุญชู" ครั้นพอรู้ว่าผู้กำกับ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล เสียชีวิต ก็ทำเอาพระเอกหนุ่ม "อาร์ตี้ ธนฉัตร" ที่ถูกวางตัวให้รับบทพระเอกของเรื่องในภาคต่อไปถึงกับเกิดอาการช็อกเลยทีเดียว
"พอดีอาร์ตี้กำลังนั่งกินข้าวอยู่ แล้วมีผู้ใหญ่โทรมาหาพ่อ บอกว่าอาป่วยหนัก(เสียงสั่นเครือ) พ่อเลยบอกให้รีบกินข้าวเดี๋ยวไปเยี่ยมอากัน จากนั้นไม่ถึง 10 นาทีผู้ใหญ่ก็โทรมาบอกอีกว่าคุณอาตายแล้ว ก็ขนลุก พอมาถึงโรงพยาบาลเห็นพี่ๆ ทีมงานแล้ว ก็รู้แล้วว่าอาไปจริงๆ"
"มันเบลอๆ ไปหมด เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่ได้เจอหน้าคุณอามาเป็นเดือนแล้ว แต่ทราบว่าคุณอาป่วยมานานแล้ว คุณอาต้องมาฟอกไตทุกเดือน ล่าสุดที่ผมได้คุยกับคุณอานานมากแล้ว แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมไปทำเทปแคสติ้งหนังบุญชูภาค 10 กับนางเอกใหม่"
"แล้วพี่ผู้ช่วยผู้กำกับให้ผมพูดกับคุณอาผ่านกล้อง ผมก็ทักทายสวัสดีอาในกล้อง แต่ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้คุยสื่อสารกับอา"
ลั่นพร้อมทำเต็มที่กับหนังบุญชูภาคต่อไปหากมีโอกาส
"อาเป็นผู้ใหญ่ เป็นเหมือนญาติพี่น้องผมไปแล้ว (ร้องไห้) อาเป็นคนสร้างทำให้ตี้มีวันนี้ สำหรับหนังบุญชู 10 ถึงไม่มีคุณอาแล้วผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้อาผิดหวัง ก็อยากให้อาไปดีไม่ต้องเป็นห่วง"