เพชรา เชาวราษฎร์ น่าจะเป็นนางเอกคนแรกของวงการภาพยนตร์ไทยที่โดนแอบถ่าย กรณีนี้เกิดขึ้นที่หน้าบ้านเธอในเช้าวันหนึ่ง เหตุการณ์นั้นสร้างความสะเทือนใจให้กับเธอเป็นอย่างมากจนแทบอยากจะปิดความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกไปตลอดกาล
วันนี้ สันติ เศวตวิมล เปิดใจ "คำต่อคำ" กับซูเปอร์บันเทิงออนไลน์ถึงกรณีแอบถ่าย "เพชรา" ในปีนั้น เขาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร "ชีวิตต้องสู้"
...
"ปาปารัสซี" รุ่นแรก
นิตยสาร "ชีวิตต้องสู้" (รายสัปดาห์) ที่เปิดตัวเล่มแรกเมื่อ 26 พย. – 2 ธค. 2535 น่าจะถือได้ว่า เป็น "ปาปารัสซี" รุ่นแรกของเมืองไทย เนื่องจากปีที่ 1 ฉบับที่ 50 ประจำวันที่ 6 - 12 พย. 2536 ทางกองบรรณาธิการซึ่งนำทีมโดย สันติ เศวตวิมล ได้สัมภาษณ์เพชรา เชาวราษฎร์ และมีรูปแอบถ่ายขณะที่เธอกำลังใส่บาตรอยู่ที่หน้าบ้านพักในซอยแพทย์ปัญญา รามคำแหง จนถึงวันนี้ ...สันติ เศวตวิมล กล่าวกับซูเปอร์บันเทิงออนไลน์ว่า "ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เจอกันเลย"... นั้นคือเรื่องราวเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา
...
เหตุการณ์ตอนทำหนังสือชีวิตต้องสู้ แล้วไปแอบถ่ายรูปเพชรา
"คุณเพชราเขาไม่เคยให้สัมภาษณ์ใครเลย นับตั้งแต่เขาไม่สบาย นัยน์ตาเจ็บ เป็นเวลามากกว่ายี่สิบกว่าปี ไม่เคยให้สัมภาษณ์ใคร และไม่ยอมพบ ทั้งที่ผมกับคุณฉึ่ง (ชรินทร์ นันทนาคร) สามีของเขาสนิทกัน เพราะพี่ฉึ่งเป็นลูกศิษย์ของน้าผม ไสล ไกรเลิศ ที่แต่งเพลงผู้ชนะสิบทิศน่ะ ผมก็เคยไปนอนบ้านคุณเพชราที่หลังอำเภอ จังหวัดระยอง ทีนี้เราก็มองว่าชีวิตต้องสู้มันขายสกู๊ป ไม่มีใครเข้าหาคุณเพชราได้"
"สุดท้ายผมก็เลยเอาล่ะ ผมจะทำสกู๊ปขายชีวิตต้องสู้ ด้วยการติดต่อขอสัมภาษณ์เพชรา ปรากฏว่าเพชราให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ คุยได้ทุกเรื่องก็ลงในชีวิตต้องสู้หมดทุกอย่าง ถึงเบื้องหลังว่าทำไมตาบอด ไปรักษาอย่างไร อยู่อย่างไร สภาพทุกวันนี้เป็นอย่างไร มีความหวังอะไร แต่ว่าไม่ยอมให้ถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด"
"ผมก็ใช้วิธีสืบไปว่า ทุกเช้าคุณเพชราจะต้องออกมาตักบาตรหน้าบ้านเขา อยู่แถวรามคำแหง ผมก็เลยให้ช่างภาพไปดักถ่าย เพราะว่าผมไปไม่ได้ เพราะถ้าผมไป เขาจำผมได้ ไปดักถ่ายก็ได้รูปเพชราออกมาตักบาตร ในสภาพไม่ได้แต่งตัว เป็นชาวบ้านธรรมดา ก็ได้รูปมา ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของวงการบันเทิงที่มีการถ่ายรูปเพชรา หลังจากที่เขานัยน์ตาบอด แล้วก็สัมภาษณ์เพชราได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เพชราไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใคร แต่ก็สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์นะ ไม่ได้สัมภาษณ์ตัวต่อตัว"
ตอนนั้นปี พ.ศ. อะไร?
"พ.ศ. 2535 น่าจะประมาณยี่สิบกว่าปีที่เขาเก็บตัวไม่ยอมให้สัมภาษณ์เลย ผมเคยถามพี่ฉึ่ง ว่าทำไม เขาบอกว่าเพชราอยากให้ทุกคนจำภาพเพชรานัยน์ตาน้ำผึ้ง ไม่อยากให้เห็นสภาพเพชรานัยน์ตาเสีย นัยน์ตาพิการ ก็เลยกลัวมาก เพราะคุณเพชราเขาเป็นคนรักษาภาพลักษณ์ตัวเองมากๆ เลย(เน้นเสียง)"
เหตุผลที่ไปทำสกู๊ปและถ่ายรูปนั้น ต้องการนำเสนอออกมาในทิศทางไหน?
"วันนี้ของเพชราเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เพียงแต่ว่าคนอยากรู้ว่าวันนี้เพชราทำอะไร ยี่สิบกว่าปีที่ไม่ได้ออกวงการ ไม่ให้ใครพบหน้า เพชราวันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนถึงเข้านอน เพชราทำอะไร ผมรายงานอย่างละเอียด แล้วก็อยากได้รูปเพชราในสภาพที่ไม่ได้เป็นนางเอก แต่เป็นแบบชาวบ้านธรรมดา"
ตอนไปถ่ายรูป คุณเพชรารู้ตัวไหม?
"ไม่รู้ๆ"
หลังจากตีพิมพ์ออกไปแล้ว คุณเพชราทราบเรื่องนี้เขาเป็นอย่างไร?
"เขาโกรธๆ (ขั้นไหน) ก็ต่อว่ากัน ว่าผ่านพี่ฉึ่งว่าทำไมต้องมาแอบถ่ายด้วย เราก็บอกว่าถ้าไม่แอบถ่ายก็ไม่ได้รูป เพราะเพชราไม่ยอมให้ถ่ายเลย ถ้าไม่แอบถ่ายมันก็ไม่ได้รูปสิ แต่เราก็ไม่กลัว แม้ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เราเชื่อว่าเราพูดกับเพชราได้ กับพี่ฉึ่งได้ ว่าถ้าเขาจะฟ้อง นี่พูดกันแบบนักหนังสือพิมพ์นะ ถ้าเขาจะฟ้องว่าเราละเมิดเขา ไปถ่ายรูปเขานะ ผมคิดว่าก็น่าจะเคลียร์ได้ ก็คงจะพูดกับพี่ฉึ่งว่าขอร้องล่ะ แต่โกรธก็เรียกว่าโกรธน่ะ ทุกวันนี้ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เจอกันเลย"
หลังเหตุการณ์นั้นยังไม่มีการเคลียร์อะไรกันเลย?
"ไม่มีเคลียร์ๆ เพราะว่ามันไม่ได้ผิดอะไร สัมภาษณ์เขาก็ให้สัมภาษณ์ผม แต่เขาขอร้องไม่ให้ผมถ่ายรูป แต่ผมก็แอบถ่ายน่ะ ถ้าเป็น ปาปารัสซี ก็คงจะเป็นปาปารัสซีรุ่นแรกมั้ง (หัวเราะ) แต่เราไม่ได้ทำลาย ไม่ได้เป็นรูปจูบกัน กอดกัน หรือเป็นเรื่องทางชู้สาว อย่างที่ปาปารัสซีทำกันในทุกวันนี้ นี่เป็นเรื่องชีวิตประจำวัน แต่งตัวแบบชาวบ้าน แล้วก็ตักบาตรตอนเช้าหน้าบ้าน ผมว่า น่ารักจะตาย"
ไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง?
"ไม่ฟ้องๆ แต่โกรธน่ะโกรธแน่ๆ"
...
อิงคศักย์ เกตุหอม : ทำเรื่องมิตร ต้องคุยกับเพชรา
อิงคศักย์ เกตุหอม ฉายาของเขาคือ "เอ็ม เฉลิมกรุง" เขาเป็นเจ้าของผลงานเขียนหลายเล่มที่เกี่ยวกับมิตร ชัยบัญชา เช่น "วันมิตร" คือผลงานเล่มแรก สำเร็จเมื่อปี 2539 โดยยกให้หอภาพยนตร์แห่งชาติพิมพ์ออกขายเพื่อหารายได้เข้ามูลนิธิหนังไทย ผลงานอื่นๆ เช่น ความหมายแห่งชีวิต มิตร ชัยบัญชา, การตายที่ไม่ธรรมดาของมิตร ชัยบัญชา, ดาวดิน ปาฏิหาริย์แห่งรัก ลิขิตหัวใจ ( นวนิยายจากชีวิตจริงของมิตร ชัยบัญชา), Forever in my Heart ความทรงจำแด่มิตร ชัยบัญชา เป็นต้น
ปัจจุบัน อิงคศักย์ เกตุหอม เป็นผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดซื้อ บริษัท ยูนีเวอร์สบิวตี้ จำกัด
"ทำเรื่องมิตร ต้องคุยกับเพชราด้วยนะ" ชัยโรจน์ บ่อเหมบอกกับเขาพร้อมกับเป็นคนนำเบอร์โทรศัพท์คุณเพชรา เชาวราษฎร์มาให้ ก่อนหน้านี้ชัยโรจน์ได้เกริ่นกับเพชราไว้บ้างแล้ว
อิงคศักย์ เกตุหอมมีโอกาสพบกับเพชรา เชาวราษฎร์เมื่อปี 2540 เป็นครั้งแรก
"โดยเฉลี่ยแล้วผมจะเจอกับพี่อี๊ดประมาณปีละ 2-3 ครั้ง หลักๆ คือวันคล้ายวันเกิด และวันที่อยากกินอะไรก็ซื้อมาทำกินกัน เป็นมีตติ้งก็มี" อิงคศักย์ เกตุหอม กล่าวกับซูเปอร์บันเทิงออนไลน์
ในอดีต เพชรา เชาวราษฎร์จะปรากฏตัวในงานกุศล งานประเพณีต่างๆ และรอบปฐมทัศน์ของหนัง วันนี้การทำงานกับมิสทินก็ยังไม่ได้หลุดจากหลักเกณฑ์นี้...คือ งานการกุศล
"มิสทินคุยได้สำเร็จเพราะเขาใช้คำว่า เชิญมาทำการกุศล ก่อนหน้ามิสทินเคยมีสินค้าตัวอื่นๆ มาหาพี่อี๊ด แต่คุยไม่ตรงจุด ไม่ถูกประเด็น พูดแล้วไม่โดนใจ ผมเข้าใจว่าทางมิสทินน่าจะศึกษาข้อมูลก่อนที่จะมาคุยกับพี่อี๊ด ทำอย่างไรให้พี่อี๊ดรับฟังและสนใจ คำว่าการกุศลทำให้การสื่อสารได้รับการตอบรับ แทนที่จะตอบปฏิเสธอย่างเจ้าอื่นๆ – ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ ไม่สะดวกจริงๆ ค่ะ"
"จากคนที่เคยมองเห็นทุกอย่าง จู่ๆ มองเห็นทุกอย่างเป็นสีเทา จนกระทั่งสีหายไปหมด ภาพของคนที่เคยเห็นอยู่รางๆ ว่ามีคนนั่งคุยอยู่ ความมั่นใจในตัวเองเริ่มขาดหายไป เพราะฉะนั้น เวลาที่มีคนเชิญไปไหน แกก็จะคิดในแง่ตรรกะว่า คนหนึ่งมองเห็นแก แต่แกมองไม่เห็นใคร รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แล้วแกก็ยังไม่สามารถมองเห็นตัวเองด้วย ได้แต่ฟังคนอื่นพูด อย่างผมบอกว่า พี่อี๊ดยังสวยอยู่เลย แกก็จะบอกว่า จะสวยได้อย่างไร อายุมัน 60 กว่าแล้ว แกจะมีข้อโต้แย้งในเรื่องพวกนี้ พี่สวยจริงๆ นะ ผิวพรรณดี บุคลิก ความจำดีนะ แกก็จะบอกว่า ยังไงคนเราก็ต้องเปลี่ยนไปตามอายุ คนที่มาหาพี่จะมีความคาดหวังสูง แต่ถ้าเห็นแล้วผิดหวัง เท่ากับเราไปทำลายความทรงจำของเขา ในเมื่อทุกคนเห็นพี่ แต่พี่ไม่เห็นใคร งั้นพี่อยู่บ้านดีกว่า ใครมีอะไรก็คุยกัน"
ดอกดิน กัญญามาลย์นอกจากจะเป็นคนตั้งชื่อให้เพชราแล้ว ยังเป็นคนสร้างมิตร ชัยบัญชากับเพชรา เชาวราษฎร์ให้เป็นดาราคู่ขวัญอีกด้วย
"ดอกดินได้ผูกมิตรกับเพชราเข้ามาในหนังของดอกดิน พอคุณมิตรรับงานของค่ายอื่นที่เข้ามา คุณมิตรก็จะถามว่า เอาอี๊ดมั้ย การแนะนำของคุณมิตรทำให้เจ้าของหนังมีกำลังใจ เพราะรับประกันได้ว่าหนังของมิตร – เพชรายังไงก็ไม่ขาดทุน หลังๆ คุณมิตรไม่ต้องเชียร์แล้ว คนที่มาติดต่อจะบอกว่าขอเพชราได้มั้ย ใบคิวของพระ – นางคู่นี้ก็เลยต้องทำควบกันไป มันทำให้วงการภาพยนตร์สมัยนั้นมีความคึกคัก"
อิงคศักย์ว่า ชรินทร์เริ่มจีบนางเอกสาวนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งตั้งแต่ปี 2506 ซึ่งขณะนั้นชรินทร์ทำงานเป็นฝ่ายการตลาดให้ดอกดิน กัญญามาลย์ และเพชราทราบถึงเรื่องราวในอดีตของพ่อหม้ายผู้นี้
"เทียบอย่างนี้ว่า คุณชรินทร์เหมือนกับ AF คนหนึ่ง ไปร้องเพลงที่ไหน คุณสปัน ที่เป็นแฟนคลับก็จะตามไปเชียร์จนกระทั่งเกิดเป็นความรักขึ้น ลูกสาวเศรษฐีกับนักร้องหนุ่มเลยต้องไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เปลี่ยนสถานภาพจากลูกคุณหนูมาเป็นแม่บ้าน อยู่ด้วยกันปุ๊บก็มีลูกเลย คุณสปันซึ่งเรียนจบวิชาการเรือนมาจากต่างประเทศต้องมาเย็บผ้าโหล เพื่อให้พอมีรายได้รวมกันในการเลี้ยงลูก เมื่อตัวเองหมดสภาพของแฟนคลับกลายมาเป็นเมียอยู่กับบ้าน และเริ่มมีคำถามในตัวคุณชรินทร์มากขึ้น เช่น ทำไมต้องมีคนมาส่ง, ทำไมกลับไม่เป็นเวลา จนเมื่อคุณสปันหมดความอดทนก็เลยขอหย่าและกลับไปอยู่กับพ่อ แต่เอาลูกสาว 2 คนไปด้วย เพราะว่าตา – ยาย รักหลาน คุณชรินทร์เสียอกเสียใจมาก กินเหล้าเมามาย ร้องห่มร้องไห้ พี่อี๊ดมาเจอคุณชรินทร์ในสภาพที่โทรมมาก"
"แม้คุณชรินทร์จะเกิดจากวงการเพลง แต่เมื่อมาพบรักกับเพชรา ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างภาพยนตร์ไทย เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ร่วมกัน ในนาม นันทนาครภาพยนตร์ เมื่อคุณชรินทร์ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ มีกลุ่มแฟนคลับ และมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง มันก็เลยเหมือนกับรักชรินทร์ต้องรักเพชรา และรักเพชราต้องรักชรินทร์ ผูกกันไปแบบนี้"
ใช่...ชีวิตจริงทั้งคู่ไม่ได้แค่ "ร่วมสุข" เพียงอย่างเดียว หากแต่ "ร่วมทุกข์" และเป็นแสงสว่างในดวงตาแทนความมืดมนของอีกฝ่าย เขาคือ ยอดสุภาพบุรุษที่หาได้ยากยิ่งในชีวิตจริง
...
"หนุ่ม" แฟนพันธุ์แท้ดาราไทย : เธอคือ ราชินีจอเงิน
เลือก "หนุ่ม" – ประเสริฐ เจิมจุติธรรม มาร่วมสกู๊ปชิ้นนี้ เพราะเขาคือแฟนพันธุ์แท้ดาราไทยร่วมกับอุ๊บ วิริยะ ครั้งใดที่นิตยสาร Volume จะทำเล่มพิเศษที่เกี่ยวข้องกับดารา เขามักจะเป็นคนเขียนบทความให้เป็นประจำสม่ำเสมอ ด้วยเหตุที่เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับวีระพจน์ อัศวาจารย์ ผู้เป็น 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งนิตยสารเล่มนี้ ผลงานที่ผ่านมามีเรื่องราวอันเกี่ยวกับ พระเอก, นางเอก, นางร้าย, เซ็กซี่สตาร์, รักเกิดในกองถ่าย, ตำนานละคร , นางเอกละคร, อาณาจักรนักสร้าง เป็นต้น
หนุ่ม – ประเสริฐ ยอมรับว่าเกิดไม่ทันยุคทองของเพชรา เชาวราษฎร์ แต่ได้มีโอกาสอ่านศึกษาข้อมูล ตลอดจนดูภาพยนตร์บางเรื่องย้อนหลัง ไม่ว่าจะเป็นช่วงหนึ่งที่ช่อง 7 สีนำอมตะภาพยนตร์ไทยมาเผยแพร่ บางเรื่องดูจากแผ่น DVD , VCD ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด
เขาไม่ได้สนใจในเรื่องดาราเพียงอย่างเดียว แต่สนใจเกี่ยวกับนางงามด้วย
"ดังนั้นเหตุผลข้อแรกคือ เพชรา เชาวราษฎร์มาจากเวทีนางงาม คือ ชนะการประกวดเทพธิดาเมษาฮาวาย เมื่อปี 2504 สอง คุณเพชราเป็นคนสวยมาก มีนัยน์ตาที่โดดเด่นจนได้ฉายาว่า นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง ผู้หญิงสมัยก่อนจะรูปร่างเล็กๆ กะทัดรัด เพชรามีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ ทรงผม ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเลียนแบบเธอได้ โดยเฉพาะทรงผมยกสูงของเธอ เล่นเรื่องไหนก็ทำผมแบบนี้ อย่างภาพยนตร์บางเรื่องที่คุณเพชราเล่นเป็นสาวชาวบ้านแล้วใส่งอบ งอบจะลอยอยู่บนหัว อีกอย่างเธอจะมีจอน และยิ้มหวานมาก สาม เราเป็นคนชอบดาราคู่ขวัญ คือ ใครเล่นกับใครแล้วมีความเหมาะสม เช่น มิตร – เพชรา, สมบัติ – อรัญญา, ยอดชาย – ภาวนา จนมาคู่สุดท้ายของวงการคือ สันติสุขกับจินตหรา เหมือนกับพวกเขาเกิดมาเพื่อจะเล่นหนังคู่กัน"
เพชรา เชาวราษฎร์เป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจน คือ เป็นดารา เพียงอย่างเดียว ไม่ประกอบสัมมาอาชีพอื่นเลย
"เหมือนคนคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นราชินีจอเงินจริงๆ"
เพชรา เชาวราษฎร์ คือ นางเอกภาพยนตร์ไทยคนที่ประเสริฐ เจิมจุติธรรมชอบมากที่สุด
"จำได้ว่า เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เธอเคยปรากฏโฉมทางหน้าหนังสือพิมพ์ 1 ครั้ง เป็นงานวันเกิดของคุณดอกดิน กัญญามาลย์ มีหนังสือพิมพ์ถ่ายไว้ แต่ก็เป็นภาพที่เล็กมาก จนเมื่อ 10 ปีที่แล้วรายการจันทร์กะพริบได้นำ ป้าหอม มาลี เวชประเสริฐ มาออกรายการก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตหลังจากนั้นอีกไม่นาน รายการจันทร์กะพริบก็ยังให้ป้าหอมโทร.ไปคุยกับเพชราออกอากาศ จนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เราก็มีโอกาสได้ยินเสียงเธอจัดรายการวิทยุกับคุณวิทยา ศุภพรโอภาส"
"Volume เคยทำเรื่องนางเอก เราเคยเขียนถึงนางเอกที่โด่งดังมากในสมัยต่างๆ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องคุณเพชรา ส่วนใหญ่เราจะเขียนถึงเรื่องผลงานและการเข้าสู่วงการของเธอ ไปจนถึงเคราะห์กรรมที่ได้รับ บทความที่เขียนไปจะเต็มไปด้วยความเห็นใจ ถ้าคุณเพชราไม่ประสบกับเรื่องดังกล่าว เธออาจจะแสดงหนัง แสดงละครจนถึงวันนี้ เป็นดาวค้างฟ้า ไม่ได้เป็นตำนานของราชินีจอเงินอย่างทุกวันนี้"
ในฉบับนางเอก นอกจากบทความดังกล่าวแล้ว ลูกน้ำ สุคนธ์ สีมารัตนกุลยังมีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์เพชรา เชาวราษฎร์ถึงบ้านพัก เพียงแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ลูกน้ำกลับมายืนยันกับทุกคนในกองบรรณาธิการว่า
"ยังสวยเหมือนเดิม เราเห็นภาพของเพชราแบบไหน ก็ยังเป็นแบบนั้น เพียงแต่ดูมีอายุขึ้น และท้วมขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส คุยสนุก มีความสุขกับการเล่าเรื่องราวของตัวเอง"
ถึงวันนี้เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเพชรา นอกจากได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ จากคนนั้นคนนี้ เช่น เอกรินทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยคนหนึ่งของเพชรา และมีโอกาสไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม บ่อยครั้ง
"จะมาเล่าให้ฟังว่า ปีนี้คุณเพชราแจกของชำร่วยเป็นน้ำพริก ปีนี้ให้เป็นพระพิฆเนศ หรือเป็นพระเครื่อง อะไรอย่างนี้ และเราก็ได้รับรู้ว่าคุณเพชรา ยังสบายดีและสวยสมวัย"