xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา "เพชรา" ฟันค่าตัวมิสทีนเกือบเท่า "อั้ม" ผู้บริหารสุดปลื้มยันนางเอกคนดังยังสวยไม่สร่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฮือฮา “เพชรา เชาวราษฎร์” ฟันค่าพรีเซนเตอร์มิสทีนเกือบเท่า “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ผู้บริหารมิสทีนเผยครั้งนี้อดีตนางเอกคนดัง จะเปิดเผยหน้าตาให้ดูกันจะๆ ยันยังสวยไม่สร่าง

หายไปนานกว่า 30 ปีเลยทีเดียวสำหรับ “เพชรา เชาวราษฎร์” หลังจากมีความผิดปกติทางดวงตา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแสดงภาพยนตร์ อดีตนางเอกคนดังก็หายหน้าไปจากวงการบันเทิง ไม่มีใครได้เห็นใบหน้าอันงดงามของเพชราอีก

แต่ล่าสุดอดีตนางเอกคนดังตัดสินใจหวนคืนจอ ด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางเครื่องสำอางมิสทีน ฟันค่าตัวเทียบ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” เลยทีเดียว ทั้งนี้ “ดนัย ดีโรจนวงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางมิสทีนได้กล่าวถึงโปรเจ็กต์ที่ดึงนางเอกดาวค้างฟ้าเข้าร่วมเพื่อต้องการตอบแทนสังคม
 
“โครงการนี้เกิดขึ้นจากการที่เราเล็งเห็นว่า การทำธุรกิจในหลายๆครั้งเราน่าจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง แคมเปญนี้เป็นโครงการที่เราร่วมกับมูลนิธิช่วยเหลือคนตาบอดในพระบรมราชูปถัมภ์ รายได้ที่จะนำไปช่วยเหลือพวกเขา มาจากการจำหน่ายลิปสติกทุกๆ 10 บาทของลิปสติก 1 แท่งที่จำหน่าย จะนำไปมอบให้กับมูลนิธิ เราตั้งเป้าจะจำหน่าย 1 ล้านชิ้นก็น่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งการทำCSR (Coporate Social Responsibility) ครั้งนี้ผมมองว่ามันต้องเป็นการทำงานที่แมส ที่จะต้องโดนใจคนในวงกว้าง แล้วเรื่องของการทำงานการกุศล งานเพื่อสังคมจะทำยังไงให้คนรู้สึกตื่นเต้น ให้คนรู้สึกอยากเข้าร่วม อยากจะช่วยเหลือสังคม ผมว่าอันนี้เป็นหัวข้อที่ดีที่ทำให้เราต้องคิดหนัก”

“สำหรับการที่เราได้คุณเพชรามา ผมว่าเธอเป็นดารายอดนิยมที่ยังอยู่ในความสนใจของคนทั่วประเทศ ไม่ว่าเธอจะห่างหายไปหลายปี แต่ก็ยังมั่นใจว่าการที่เราเอาเธอกลับมาครั้งนี้ เธอก็จะสร้างกระแส สร้างให้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงสังคม คนในครอบครัวที่อยากจะช่วยเหลือ เพราะคุณเพชราอยู่ในยุคของคุณพ่อคุณแม่ วันนี้คุณลูก คุณหลานเขาก็มาถามคุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณปู่คุณตาคุณยายว่า คุณเพชราเป็นยังไง ผมว่าตรงนี้เป็นกิจกรรมที่ดีของครอบครัวควบคู่กันไปด้วย”

เผยเข้าไปทาบทามนางเอกยอดนิยมเพียง 2 ครั้งก็ได้รับคำตอบตกลง ทั้งเล่าบรรยากาศการถ่ายทำโฆษณา ทำทุกคนเปี่ยมไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน จนไม่อยากให้จบการถ่ายทำ

“การชักชวนเราเข้าไปคุยกับแก 2 รอบ แรกๆเลยเธอก็ปฎิเสธมาก่อน เราก็ยังไม่ท้อ คิดว่าเราคงต้องทำการบ้านเพิ่มมากขึ้น เข้าไปคุยอย่างจริงจัง ทำตัวสินค้าให้ชัดเจนพร้อมกับโครงการที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด หลังจากนั้นอาทิตย์นึงพอเราเข้าไปคุยในครั้งต่อไป ทั้งโครงการที่เสนอไปทั้งหมด ก็ทำให้เธอยอมตกลง เราเองดีใจมากครับ ถือเป็นเกียรติของมิสทีนมากๆที่เธอให้เกียรติเข้าร่วมในโครงการนี้ของเรา”

“เราใช้เวลาตระเตรียมงานนี้ร่วมๆ 3 เดือน หลังจากที่เราคุยกันในเดือนพ.ค. ตอนแรกเธอเองก็มีอาการแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งตรงนั้นเราเองก็ไม่ได้มองว่าเธอปฎิเสธเรา เหมือนเธอยังนิ่งๆอยู่ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอตกลงกับเรา คงเป็น 2 ประเด็นหลักๆ คือแคมเปญนี้ทำเพื่อสังคม ส่วนอันที่ 2 เธอน่าจะไว้ใจมิสทีนที่จะทำผลงานเธอครั้งนี้ออกมาได้ดี เพราะการกลับมาครั้งนี้เธอเองก็เคยปรารภว่า อยากจะให้แฟนๆหรือคนไทยที่รอคอย ต้องประทับใจและรู้สึกดี เพราะฉะนั้นการที่เราทำภาพยนตร์โฆษณาอย่างต่อเนื่อง แล้วการที่เรามีพรีเซนเตอร์เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมาตลอด น่าจะเป็นอีกส่วนนึงที่ทำให้เธอตัดสินใจได้ง่าย”

“ผมมองว่านี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเรา ตอนที่เข้าไปคุยครั้งแรกหรือครั้งที่สอง ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ เราเองก็ยังคาดหวังอยู่ว่าเธอจะปฎิเสธกลับมา แต่การที่เธอตอบตกลงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายเรามาก ซึ่งการที่เธอรับเล่นโฆษณาให้กับเราครั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าจะเปิดเผยใบหน้าทุกส่วนเฉพาะภาพยนตร์โฆษณากับภาพนิ่ง จะไม่ออกไปสัมภาษณ์รายการต่างๆ เพราะเธอให้เหตุผลว่ามีหลายรายการติดต่อมาอยากขอสัมภาษณ์ แต่ถ้าเกิดเธอไปออกรายการไหนรายการหนึ่ง ก็จะทำให้อีกหลายๆรายการเสียน้ำใจ ก็มีแค่ข้อนี้ข้อเดียว”

“ตอนที่เธอไปถ่ายโฆษณา ผมเองก็ไปให้กำลังใจ วันนั้นทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุขมาก พอเสร็จงานทุกคนไม่อยากให้จบ ทุกคนมีน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ ทุกคนลองนึกถึงคนที่อยู่ในวงการบันเทิงทั้งชีวิตจิตใจ ทุ่มเทให้กับงานบันเทิงแล้ววันนึงไม่สามารถทำได้ แล้วเธอก็หยุดมาประมาณ 30 ปีแล้ว"
 
"วันนี้เธอจะเริ่มกลับเข้ามา ความรู้สึกนั้นเรารู้สึกตื้นตันใจ แล้วผมคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์ตลอดชั่วชีวิต ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพไหน เธอยังมีบุคลิกของความเป็นซูเปอร์สตาร์อยู่ นั่นคือสิ่งที่น่าประทับใจ ด้วยท่าทางทุกๆอย่างของเธอ แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นแล้ว แต่เธอมีท่าทางเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทอดน่อง การเยื้องย่างของเธอยังคงเป็นบุคลิกของซูเปอร์สตาร์ไม่มีเปลี่ยน ซึ่งผมมองว่าตรงนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น”

“เธอมักจะคุยให้ฟังบ่อยๆว่า ไม่รู้การทำงานครั้งนี้จะทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนรึเปล่า เธอจะเป็นคนที่ขี้เกรงใจ เธอก็จะพูดว่าพี่อี๊ดทำให้ทุกคนในกองเดือดร้อนรึเปล่า ทำให้ทุกคนต้องมานั่งรอกันรึเปล่า ต้องเดินไปเดินมาหลายเทค อย่างบางเทคเราพอใจแล้ว แต่เธอเองยังบอกว่าขอทำเพิ่ม ซึ่งผมมองว่าตรงนั้นเป็นสปริตของนักแสดงที่แรงกล้า”

“การถ่ายทำเราได้เตรียมการเรื่องของระบบความปลอดภัยไว้เป็นอย่างดี หนึ่งคือเราต้องดูแลเรื่องสุขภาพของคุณเพชรา ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนพวกเรา ก็จะมีบอดี้การ์ด 2 ท่าน ซึ่งเป็นทีมที่ดูแลทางเรน (นักร้องชื่อดังเกาหลี) และบุคคลชั้นนำของต่างประเทศ เรามีทีมรักษาความปลอดภัย ต้องป้องกันไม่ให้ใครถ่ายภาพของเธอ เราเองก็อยากจะเก็บไว้เป็นเซอร์ไพร์สในโฆษณาครั้งแรก เพราะฉะนั้นเราเลยต้องดูแลกันเป็นพิเศษนิดนึง อีกอย่างเธอเองก็ต้องการสมาธิในการทำงานสูง”

แย้มค่าตัวของเพชรา อยู่ในเรตใกล้เคียงนางเอกเซ็กซี่ “อั้ม พัชราภา” ยันเปล่าดึงนางเอกยอดนิยมร่วมแคมเปญ หวังช่วยกระตุ้นยอดขาย แต่เน้นตอบแทนสังคมเป็นหลัก

“หลายคนอาจคิดว่าจะต้องลงทุนสูง แต่ผมว่ามันตรงกันข้าม ผมยังรู้สึกประทับใจคุณเพชราว่า เขาไม่ใช่คนที่มองในเรื่องของตัวเลข หรือเรื่องของเม็ดเงินสักเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามเธอกลับมองทำงานยังไง ให้ออกมาแล้วผู้ชมหรือผู้บริโภคให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นเธอจะตั้งใจทำงานมาก เรื่องตัวเลขค่าตอบแทนผมถือว่าอยู่ในเรตเดียวกับพรีเซนเตอร์ทั่วไป น่าจะใกล้ๆกับคุณอั้ม (พัชราภา) น้อยกว่าแต่ใกล้ๆกัน”

“ซึ่งการที่เรานำคุณเพชรามาเป็นพรีเซนเตอร์ในครั้งนี้ เราไม่ได้หวังจะไปกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด เรื่องตรงนี้มันเป็นไปในทางอ้อม เนื่องจากการทำCSR เราไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ตัวยอดขาย หรือว่ายอดจำหน่ายเป็นหลัก ผมมองว่าการทำCSR จะเป็นการสร้างแบรนด์เราให้แข็งแรง แล้วเวลานี้นอกจากมิสทีนจะรู้จักกันอย่างแพร่หลายแล้ว การทำให้แบรนด์แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ทำให้แบรนด์อยู่ในจิตใจของผู้บริโภคหรือว่าคนไทยทั่วประเทศ ทำให้ผู้บริโภคมองแบรนด์ในแง่ของความประทับใจ มองแบรนด์ในแง่บวก อันนี้ผมว่ามันเป็นผลโดยตรงมากกว่า ส่วนเรื่องยอดขายคงเป็นไปในทางอ้อม และคงเป็นไปในระยะยาว”

อย่างไรก็ตามภาพยนตร์โฆษณาลิปสติก มิสทีน นัมเบอร์ วัน ไดมอนด์ ภายใต้ชื่อ “Beauty Mind” นำแสดงโดย คุณเพชรา เชาวราษฎร์ ชิ้นนี้ จะแพร่ภาพออกสู่สายตาประชาชนครั้งแรกในวันพุธที่ 30 กันยายนนี้ มีความยาวโฆษณาทั้งสิ้น 45 วินาที โดยแคมเปญชุดนี้ทางมิสทีนใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ เป็นการรวมความยิ่งใหญ่ของทีมงานระดับประเทศจากทุกวงการ อาทิผู้กำกับหนังภาพยนตร์โฆษณา ได้สวยงามเป็นที่ยอมรับระดับต้นๆของเมืองไทย ได้แก่ “ราจิต แสงชูโต” ช่างทำผมได้แก่คุณ “โสภา กำพลวรรณ” ช่างผมคนไทยที่ทำงานในระดับสากล ช่างแต่งหน้า ได้แก่คุณ “เป็ด อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์” ช่างแต่งหน้ามืออาชีพแถวหน้าของเมืองไทย เครื่องประดับที่ใช้ในการถ่ายทำโฆษณา มาจากร้านเพชร ฟาดามาส มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาใช้เพลง “หยาดเพชร” ขับร้องโดย “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส” และทีมงานรักษาความปลอดภัยในวันถ่ายทำโฆษณา ได้รับความไว้วางใจในการดูแลคณะของนางฮิลลารี คลินตัน , นักร้องซูเปอร์สตาร์ เรน ในการมาเยือนเมืองไทยที่ผ่านมา

และนอกจากเพชราจะยินดีถ่ายโฆษณากับทางมิสทีน ให้เห็นใบหน้าของเธอในปัจจุบันแล้ว เธอยังยอมถ่ายแบบให้กับนิตยสาร Lips ซึ่งจะวางแผงในวันที่ 7 ต.ค.ที่จะถึงนี้อีกด้วย ซึ่งการปรากฏโฉมครั้งนี้เจ้าตัวถึงกับเข้าคอร์สลดน้ำหนัก ให้หุ่นเฟิร์มกระชับที่สุดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยเจ้าตัวลงทุนลดน้ำหนักจากเดิม 48 กิโลกรัมให้เหลือเพียง 46 กิโลกรัม

สำหรับ “เพชรา เชาวราษฎร์” ดาวค้างฟ้าเจ้าของฉายา “นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง” เกิดเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2486 ที่ จ.ระยอง เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงภาพยนตร์ หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดธิดาเมษาฮาวาย ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากนั้นเธอได้รับการชักชวนจาก “ศิริ ศิริจินดา” และ “ดอกดิน กัญญามาลย์” ให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “บันทึกรักพิมพ์ฉวี” ขณะมีอายุเพียง 19 ปี เพชราแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์เรื่อง “ดอกแก้ว” ตามด้วย “หนึ่งในทรวง” “อ้อมอกสวรรค์” และยังได้รับบทนางเอกคู่กับพระเอกสุดฮอตในยุคนั้น “มิตร ชัยบัญชา” ในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง จนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนภาพยนตร์ และได้ฉายาว่าเป็นคู่ขวัญ “มิตร-เพชรา”

หลังจากมิตร ชัยบัญชา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “อินทรีทอง” เพชรายังคงรับบทนางเอกภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องนานอีกหลายปี โดยแสดงคู่กับ “สมบัติ เมทะนี” , “ไชยา สุริยัน”, “ลือชัย นฤนาถ”, “ครรชิต ขวัญประชา”, นาท ภูวนัย” , “ยอดชาย เมฆสุวรรณ” และ “กรุง ศรีวิไล”

กระทั่งในปีพ.ศ. 2515 เพชราเริ่มมีอาการผิดปกติที่ดวงตา ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “ไทยใหญ่” อันเนื่องมาจากการแสดงที่ต้องร้องไห้ตลอดเวลา รวมทั้งวิธีการถ่ายทำภาพยนตร์ในยุคก่อน ที่ต้องใช้แสงสว่างจ้าจากรีเฟล็กซ์เพื่อขับเน้นความสดใสของแผ่นฟิล์ม ในที่สุดดวงตาที่พร่ามัวของเธอก็บอดสนิท หลังรับบทนางเอกเรื่องสุดท้ายในเรื่อง “ไอ้ขุนทอง” คู่กับ “สมบัติ เมทะนี” ซึ่งเพชราถือได้ว่าเป็นนักแสดงภาพยนตร์มืออาชีพอย่างแท้จริง เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์มากกว่า 300 เรื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี

ด้านชีวิตส่วนตัวเธอสมรสกับ “ชรินทร์ นันทนาคร” ศิลปินนักร้อง นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ และได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติประจำปี 2541 ซึ่งถึงแม้ปัจจุบันนัยน์ตาของเพชราจะบอดสนิท แต่ชรินทร์ก็ยังคงอยู่ดูแลเธออย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง และอยู่เป็นคู่ชีวิตจนถึงทุกวันนี้











กำลังโหลดความคิดเห็น