xs
xsm
sm
md
lg

“ตั๊ก” สำนึกผิดหลังแม่ป่วย ลั่นต่อไปนี้จะเป็นเด็กดีตามใจแม่ทุกอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ตั๊ก” ประกาศกลับตัวเป็นลูกที่ดีของแม่ หลังจากที่แม่ป่วยจนต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ บอกต่อไปนี้จะตามใจแม่ทุกอย่าง ไม่ขัดใจแม่อีกแล้ว รับว่าเพิ่งรู้สึกตัวว่าห่วงแม่มากขนาดไหน ตอนนี้ไปไหนพาไปด้วยตลอด ส่วนเรื่องหนังยังไม่มีความคืบหน้า มีปัญหานักแสดงบางคนยังไม่เชื่อใจ ไม่ตอบ “เป้ย” ยังจะได้ร่วมงานหรือ

หลังจากที่ “ธนาภา ชีพนุรักษ์” แม่ของ “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบจนต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเป็นการด่วน ล่าสุดแม่ของตั๊ก บงกช ก็แข็งแรงเดินทางมาร่วมงานกับลูกสาวที่งานแห่งหนึ่งได้แล้ว โดยเจ้าตัวได้พูดถึงอาการป่วยว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นและปลื้มใจสุดๆ ที่ลูกสาวคอยดูแลไม่ห่าง

“ก็ผ่าหัวใจตีบ 4 เส้น ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น แต่มันก็ยังแน่นอยู่ คุณหมอบอกว่าต้องประมาณสักเดือนนึงถึงจะดีขึ้น แม่ก็ไปตรวจตลอดนะ แต่หมอก็ไม่รู้สาเหตุว่าแม่เป็นอะไร ทีนี้มีอยู่วันนึงแม่ก็หายใจไม่ออก แม่ก็บอกน้องว่าตั๊กวันนี้แม่หายใจไม่ออกเลย แม่จะรีบไปหาหมอ ตั๊กเขาก็ตาลีตาเหลือกพาแม่ขับรถไปที่โรงพยาบาลเมโย แม่ก็บอกว่าตรวจทุกอย่างหมดแล้ว ปอด ไตตรวจหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจหัวใจ คุณหมอช่วยตรวจหัวใจหน่อยซิ คุณหมอก็ตรวจหัวใจ”

“พอตรวจเสร็จหัวใจมันมีแต่ตกลงๆ จริงๆ แล้วหัวใจมันมีขึ้นๆ ใช่มั้ย ตอนนี้หัวใจมันตกลง หมอก็เลยบอกว่าอย่างนั้นต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว แม่ก็บอกไม่นอนหรอกเพราะว่าไม่อยากนอน หมอให้ยาไปทานก็แล้วกัน หมอบอกไม่ได้ต้องนอนโรงพยาบาล ก็เลยบอกว่าไม่นอนได้มั้ยพอดีจะไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาฯ ก็เอาประวัติที่เมโยไปรามาฯ พอไปรามาฯหมอบอกว่าวันอาทิตย์คุณต้องมาใส่ท่อเหล็ก เพราะหัวใจคุณตีบ 4 เส้น แล้วก็ต้องเสริมตะแกงเหล็กเข้าไปอีก เพราะอาการหนักมาก”

“สาเหตุก็คงเพราะเกี่ยวกับไขมัน แม่เป็นไขมันเยอะมาก แล้วทีนี้เส้นหลอดเลือดมันก็ตีบ พอตีบมันก็หายใจไม่ออก แล้วมันก็ไม่มีแรง ท้องก็แน่น หมอก็เลยบอกว่าวันอาทิตย์มาผ่า พอได้วันศุกร์คุณลุงตั๊กที่สุพรรณเขาก็โทรให้ตั๊กไปทานอาหารเย็นที่บ้านก็เลยไป แม่ก็ทานๆ อยู่สักพักแม่ก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว แน่นขอล้มแล้วกัน แม่ก็เลยล้มไปเลย ลุงเขาก็เลยให้ไปนอนโรงพยาบาลที่สุพรรณ”

เผยว่านอกจากจะต้องเสริมตะแกงเหล็กที่หัวใจแล้ว ตอนนี้ผลของไขมันทำให้ตาเริ่มมองไม่เห็น ต้องทำไปยิงเลเซอร์อีก 2 ครั้งจึงทำการผ่าตัด ตาถึงจะกลับมามองเห็นได้เป็นปกติ
“แต่คุณหมอบอกว่าอย่าประมาท หมอห้ามคิดมาก ห้ามยกของหนัก แล้วก็ห้ามกินรสจัด แต่ลูกสาวตอนนี้รักแม่มาก แม่ทานยารึยัง เขาจะเป็นคนจัดยาให้แม่ตลอด อีกหนึ่งเดือนไปเจอคุณหมอ แล้วตาแม่ตอนนี้มองไม่เห็น หมอให้ไปยิงเลเซอร์ที่ศิริราช ยิงเลเซอร์สองครั้งถึงมาผ่าตัดอีกที เพราะว่าเลือดมันเกาะในลูกตา ตอนนี้แม่มองเห็นพวกหนูแบบ 3-4 คนต่อคนนึง แต่ตอนนี้ไปยิงเลเซอร์แล้วตาก็ดีขึ้น”

“ตอนนี้ก็ยังเดินไม่คล่องเท่าไหร่ แต่หมอพยายามให้เดินออกกำลังกาย แต่อย่าโลดโผนให้เดินได้แบบไปนู่นไปนี่ หมอบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างที่หมอสั่งมีสิทธิที่จะเป็นอีก แต่แม่เชื่อหมอหมดเลย แต่ความรู้สึกตอนที่หมอเข็นเข้าห้องผ่าตัดเราก็กลัวว่าจะไม่ได้ออกมา ก็เลยขอหอมลูกทีนึง บอกว่าตั๊กฉันขอหอมเธอทีนึงนะ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ได้ออกมา(หัวเราะ) ตั๊กก็เลยหอมแม่ แม่ก็หอมตั๊ก คือคนเราหัวใจถ้าผ่าแล้วมันจะมีสิทธิล้มเหลวได้ก็เลยหอมลูก พอฟื้นออกมาเห็นลูกก็ดีใจ ลูกเห็นเราก็ดีใจ”

“พอออกมาจากโรงพยาบาลแม่ก็บอกตั๊กว่าพาไปไหว้พระหน่อย เขาก็พาแม่ไปไหว้พระหลวงพ่อโสธร พระแก้วมรกตเขาก็พาแม่ไป ตั๊กเขาก็บอกว่าสิ่งที่แม่ไม่ชอบเขาจะไม่ทำอีกแล้ว แต่เรื่องหนุ่มๆ แม่ไม่ห้ามแล้วเพราะเขาโตแล้ว แต่ตอนนี้แม่ไม่สนใจเรื่องนี้ แม่สนใจว่าลูกรักเราก็จบแล้ว เพราะแม่ลืมตามาแม่ก็เห็นเขาร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียง แล้วเขาบอกว่าต่อไปนี้จะเชื่อฟังแม่หมด แล้วก็จะรักแม่ให้มากที่สุด เพราะว่าเวลาแม่ล้มคือตอนที่แม่อยู่ไอซียู เขาไม่เคยเห็นแบบสายระโยงระยางบนตัวเราเต็มไปหมด พอเขาเห็นเขาร้องไห้เสียใจมาก แม่ก็บอกไม่ต้องร้องไห้ รู้สึกว่าฉันดีขึ้นนะเนี่ยแม่ก็บอกเขา ก็ปลื้มใจเขารักเรามากขึ้น แล้วแม่ก็รักเขามากขึ้นกว่าเดิมเยอะ”

“ผลข้างเคียงไม่มีนะ แต่มันยังแน่นท้องอยู่ เหมือนใครมามัดท้องแม่อยู่ แล้วมันก็หนักหัวใจหน่อยนึง เพราะหัวใจมันมีท่อ มีตะแกงเหล็กเสริมเข้าไป เวลาเดินมันก็จะเหมือนกับเอียงๆ หน่อย แต่กิจการน้ำพริกยังไม่หยุดนะคะ เพราะว่าแม่เพียงแต่บอกให้เขาทำเท่านี้ๆ เราก็ไปนั่งกำกับได้”

ด้าน “ตั๊ก” หลังจากแม่ป่วยก็ประกาศต่อหน้าสื่อว่าต่อไปนี้จะเป็นเด็กดีของแม่ตลอดไป
“แม่เขาดื้อค่ะ เขาไม่ค่อยกินยา ตั๊กก็เลยต้องคอยจัดยาให้เขา เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหมอว่า คุณหมอขอแค่เดือนนึงค่ะ ทานยาให้เข้มงวด ห้ามขาด แล้วก็จะดีขึ้นเยอะเลย ก็เป็นห่วงค่ะ นอนไม่หลับ มันเหมือนกับพอแม่ป่วยตั๊กก็ว่างเปล่า ไม่มีใคร เราต้องคอยดูบ้าน คือเหมือนอยู่คนเดียว มันไม่เคยมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น พอมันเกิดขึ้นเลยรู้สึกเหงา”

“ตอนนี้แม่ปลอดภัยแล้วก็ดีใจมากเลย เพราะตอนแรกคิดว่าแม่คงป่วยไปอีกนานเหมือนกัน เพราะหมอบอกว่าดีนะเนี่ยที่มาทัน ถ้ามาไม่ทันแม่อาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ก็อึ้งนะ ไม่นึกว่าแม่จะเป็นหนักขนาดนั้น แต่พอหมอพูดอย่างนี้แล้วรู้สึกว่า ตั๊กคงต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อจะฉวยเวลานี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้ก็เลยอยู่กับแม่ตลอด นอนกับแม่เลย นอนดิ้นก็โดนปลุกลงไปนอนข้างล่าง(หัวเราะ)”

“ตอนแม่ป่วยตั๊กก็ยกเลิกงานทุกอย่างเลย รายได้หายไปเยอะมั้ยก็ไม่เยอะหรอกค่ะ เพราะจริงๆ แล้วตั๊กก็รับงานเรื่อยๆ แต่พอแม่ป่วยแล้วหมอก็ถามถึงญาติไง ญาติผู้ป่วยก็มีตั๊กคนเดียวที่เดินเข้าไปแล้วบอกหนูเป็นญาติค่ะ”

“ตั๊กก็เข้าไปในห้องผ่าตัดกับแม่ เห็นแม่นอนอยู่ หมอก็บรรยาย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ จะทำยังไงเนี่ย แล้วใครจะคุยกับหมอ เพราะหมอเขาต้องได้คำตัดสินใจจากญาติเขาถึงจะผ่า ตั๊กก็เลยคิดว่าถ้าเกิดต่อไปนี้จะยังไงตั๊กก็จะเอาแม่ไปด้วย ถ้าแม่ไม่ไปก็คือไม่ไป ถ้าไกลเกินก็คงไม่ไป ก็รู้ใจกันมากขึ้น เพราะรู้ว่าแม่รักเรามาก แต่ก่อนแม่จะว่าเรา สอนเรา ตั๊กก็จะรู้สึกแบบแม่ว่าจัง แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกแล้ว”

“ก่อนเข้าห้องผ่าตัดแม่บอกขอหอมแก้มทีนึง ก็รู้สึกว่ามันพูดไม่ออก ย้อนกลับไปนั่งคิดว่าตอนที่เราทำให้แม่เสียใจ เราทำผิดมากนะ คือแค่เข้าห้องผ่าตัดเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไง เพราะจริงๆ แล้วเขาเดินได้นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ตอนแม่ผ่าตัดเสร็จตั๊กก็ไปไหว้พระ ไปไหว้ทั่วกรุงเทพฯ เลย หมอเขาต้องให้เซ็นมัดจำค่าใช้จ่ายก่อนที่เขาจะผ่า ตั๊กก็จะเช็คตลอดว่ามีเท่าไหร่ ก็ให้เขาผ่าก่อน ตอนนี้รู้เลยว่าเราต้องการเขาแค่ไหน แม่บอกแม่ไม่ผ่าหรอก ตั๊กก็บอกไม่ได้ต้องผ่า ตั๊กอยู่กับแม่นะ ก็ไปอยู่ด้วยกัน หมอบอกไม่ต้องก็ได้ให้รออยู่ข้างนอก เพราะตั๊กกลัวเลือด เพราะเลือดเยอะมาก เห็นเลือดแล้วจะเป็นลม”

อะไรไม่ดีตั๊กจะไม่ทำให้แม่เสียใจ ไม่อยากทำแล้ว ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกลืมลำบาก รู้เลยว่าสิ่งนึงที่เราทำให้แม่ได้เราต้องทำ เพราะถ้าถึงจุดๆ นึงแล้วเราจะมานั่งเสียใจทีหลังรึเปล่า แล้วมันเจ็บปวดถ้าเราต้องมานั่งเสียใจทีหลัง มันไม่มีทางแก้ไข ตั๊กไม่อยากที่จะต้องไปนั่งเสียใจหรือให้อภัยตัวเองในอนาคต”

เผยต่อถึงเรื่องหนังของตัวเองที่ยังคาราคาซังยังไม่ได้ข้อสรุปสักที ซึ่งสาว “ตั๊ก” เผยว่ายังติดปัญหาอยู่หลายอย่าง และล่าสุดก็ไปขอให้ผู้จัด “งัด สุพล วิเชียรฉาย” มาช่วยดูแลด้วยอีกคน เพราะตนเชื่อว่ามีนักแสดงบางคนที่ยังไม่เชื่อถือในตัวตนจึงไม่อยากร่วมงานด้วย

“งานหนังจริงๆ แล้วตั๊กจะบอกว่าตั๊กเข้าใจเรื่องของปัญหาของหนังในเรื่องของการทำงาน แต่ทุกอย่างมันแก้ไขได้ แต่ตอนนี้ตัวตั๊กเองตอนนี้ตั๊กออกมาดูแลตัวเอง ไม่ได้อยู่กับสหมงคลฟิล์มแล้ว ตั๊กก็คิดว่าเราก็ทำงานของเราไป จริงๆ แล้วก็มีค่ายหนังที่ตั๊กคิดว่าถ้าเกิดตั๊กเขียนบทเสร็จแล้วก็อาจจะไปให้เสี่ยดูอีกครั้ง หรืออาจจะขายไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนก็ได้ ถ้าเขาสนใจของเรา เราก็ยินดีที่จะขาย”

“แต่บทเรื่องนี้ถูกขายให้กับสหมงคลฟิล์มแล้วค่ะ ตั๊กได้ค่าจ้างเรียบร้อยแล้ว แต่ตั๊กหมายถึงว่าตั๊กอยากจะรับจ้างเขียนบทต่อ ถ้าใครสนใจ คือตั๊กมีเรื่องดีๆ อยากเล่าเยอะน่ะค่ะ ตั๊กก็อยากจะทำอาชีพนี้ไปก่อน แต่จะใช่เป้ยรึเปล่า ตั๊กตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะตั๊กก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง พูดไปมันอาจจะมีผลกระทบก็ได้ แต่ถามว่าสำหรับใครได้มั้ย ถ้ากับคนที่เขาเชื่อในตัวของงาน และแฮปปี้ในตัวของงาน พร้อมที่จะทำงานกับเรา เราก็พร้อมที่จะทำงานกับเขาเหมือนกัน”

“แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอพี่ปรัช(ปรัชญา ปิ่นแก้ว) เลย เพราะพี่ปรัชเขายุ่งๆ แต่ตั๊กยังเล่นตะเบงมานอยู่ ก็พอจะทราบเรื่องของบท แต่เรื่องหนังของตั๊กเวลาเจอกันก็จะคุยเหมือนอัพเดทน่ะค่ะ แต่มันล่าช้าเพราะอะไรตั๊กไม่ทราบ แต่ว่าอาจจะเพราะตั้งแต่แรกบทของตั๊กมันต้องถูกเขียนโดยหลายคนน่ะค่ะ”

“ตอนนี้ก็ไปขอให้พี่งัดมาช่วย ตั๊กขอพี่ปรัชเองเพราะว่าตั๊กยังอายุน้อย บางทีนักแสดงบางคนอาจจะไม่ค่อยเชื่อใจตั๊ก แล้วคิดว่าการร่วมงานกับตั๊กมันเสี่ยง ตั๊กก็เลยคิดว่าถ้ามีพี่งัดหรือมีผู้ใหญ่สักคนนึงที่มีฝีมือจริงๆ มาช่วยงานตรงนี้ก็คิดว่าคงยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่ร่วมงานกับตั๊ก”

“ไม่ท้อค่ะ จริงๆ แล้วตั๊กก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่ว่ามีผู้กำกับอายุ 24 ปีมาติดต่อให้เล่นนะ แต่ตอนที่ตั๊กเล่นเรื่องเอ็กซ์แมนของพี่อั๋น ที่ตั๊กเล่นคู่กับพี่ลีโอ พุฒ พี่อั๋นก็อายุ 27 แล้วเขากำกับเรื่อง Fake มาก่อน ตั๊กก็เลยรู้สึกว่าคนเราเขาอายุเท่าไหร่ แต่เขามีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่เขาอยากจะเล่าให้ดีแค่ไหน แล้วเราเป็นส่วนหนึ่งในนั้นรึเปล่า เพราะงานทุกงานมันไม่เหมือนกันน่ะค่ะ บางเรื่องก็อาจจะต้องการคนที่เล่าเรื่องได้อย่างไม่ต้องใหญ่โต แค่พอดี มันก็แล้วแต่งาน มันไม่เกี่ยวกับว่าหนังใหญ่ต้องเป็นคนที่มีความรู้ จริงๆ แล้วตั๊กก็คิดว่าตั๊กเข้าไปในนามของรองผู้ช่วยผู้กำกับมากกว่า”

“ตอนนี้ถ้าทุกอย่างพร้อมก็อาจจะเปิดกล้องเลยค่ะ คือตั๊กรักหนังเพราะตั๊กเริ่มอาชีพจากหนัง หนังทำให้ตั๊กมีทุกวันนี้ แล้วคนยอมรับตั๊กเพราะว่าภาพยนตร์ ตั๊กอยู่ในวงการภาพยนตร์มานาน ถึงแม้ว่ามันจะมีอุปสรรค แต่ตั๊กก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นทางเดียวที่ตั๊กน่าจะเข้าใจมันได้มากที่สุดน่ะค่ะ ก็สู้ต่อไป”

“จริงๆ ถ้าเปิดกล้อง 3-4 เดือนก็เสร็จแล้วค่ะ เพราะว่าเซ็ทฉากง่ายๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราพร้อมรึเปล่า ที่ผู้ใหญ่ให้เครดิตเราเป็นผู้กำกับจริงๆ ตั๊กก็มั่นใจนะ แต่ความจริงแล้วตั๊กเป็นแค่คนเขียนบทค่ะ เหมือนกับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของตั๊ก แต่เรื่องกำกับมันอยู่ที่ว่าผู้ใหญ่จะให้ตั๊กทำมั้ย นี่ตั๊กก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน เสี่ย(เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ก็ถามๆ อยู่เหมือนกัน เสี่ยจะบอกตั๊กว่าให้ตั๊กไปดิวงานกับใคร คนไหน พอตั๊กไปตั๊กก็จะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”


กำลังโหลดความคิดเห็น