xs
xsm
sm
md
lg

“แอ๊ด” ใบ้กิน เดินหนีสื่อลูกสาวตกรอบนางงาม ด้าน “เซน” จ่อคิวเป็นนักข่าวช่อง 3 ไม่สนสานต่อธุรกิจพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แอ๊ด คาราบาว” เผยอัลบั้มใหม่กับกลุ่มเพื่อนเก่า ยังคงคุณภาพเหมือนเดิม เอาใจตลาดคนฟังมากขึ้น แต่พอถามเรื่องลูกสาว “เซน” ตกรอบคัดเลือก “มิสไทยแลนด์เวิลด์” ปีนี้ เจ้าตัวทำนิ่งอึ้งก่อนเดินหนีสื่อ ด้านลูกแอ๊ดไม่สะท้านทั้งที่เพิ่งปิ๋วเวทีขาอ่อน บอกจะกลับไปเป็นนักข่าวเหมือนเดิม จ่อรอคิวช่อง 3 ให้โอกาส ไม่สนสานต่อธุรกิจพ่อ บอกขอเก็บประสบการณ์ จนกว่าจะมีรายการท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง

เปิดตัวอัลบั้มใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อ 4 ปีก่อน “ยืนยง โอภากุล” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” เคยได้ร่วมงานกับ “ทิวา สาระจูฑะ” บรรณาธิการนิตยสาร “สีสัน” ทำอัลบั้มพิเศษที่ชื่อว่า “ซึม เศร้า เหงา แฮ้งค์” ร่วมกับทีมนักดนตรีที่ใช้ชื่อว่า “สหายนักดนตรี” ล่าสุด “แอ๊ด คาราบาว” ได้จับมือกับกลุ่มนักดนตรีชุดเดิม ทำอัลบั้มพิเศษชุดใหม่ใช้ชื่อว่า “เดินต่อไป” ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า อัลบั้มชุดนี้คุณภาพคับคั่งเหมือนเดิม แต่มีความยากมากกว่าชุดก่อน และทำเพื่อเอาใจตลาดมากขึ้น

“มันเป็นทีมงานที่มีคุณภาพครับ ทั้งคนที่เขียนเพลงเองคือน้าทิวาแล้วก็นักดนตรีทุกคนเยี่ยมเลย ฝีมือดีทั้งนั้น เล่นแล้วมีความสุขด้วย ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ก็มีเพลงที่ร้องยากนะ คือเพลงน้าทิวามันยากตรงคำ เพราะเขาเป็นนักเขียน เวลาเขาเขียนแบบนักเขียน เขาจะประดิษฐ์คำที่มันให้ความหมายที่ต้องย้อนกลับมาอ่านอีกที คือฟังผ่านๆ ไม่ได้ นักเขียนมักจะเป็นเช่นนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

“ผมก็ไม่ได้คอมเม้นท์อะไรนะ มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผมทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมไม่ใช่นักเขียน แล้วก็ไม่ได้คิดมากอยู่แล้ว คือมันมีตั้งแต่ไม่คิดเลยกับไม่คิดมาก แต่ไม่คิดเลยน่ะมีเยอะ แต่มีไว้ประดับวงการน่ะดีแล้ว ร้องแล้วมีความสุขครับ เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ สิ่งที่มันจำยากอะไรมันก็ยากขึ้น คนเราถ้าทำอะไรที่มันง่ายๆ มันก็ไม่มันส์ ต้องทำอะไรที่มันยากขึ้นๆ”

“อัลบั้มชุดนี้มีส่วนที่เข้าหาตลาดบ้าง โน้มลงมาหาตลาดบ้าง อย่างชุดที่แล้วไม่เอาตลาดเลย(หัวเราะ) เอามันส์อย่างเดียว อัลบั้มชุดนี้ห่างจากอัลบั้มที่แล้วไม่ถึงปี แต่มันมีงานอื่นขึ้นเลยอาจทำให้ดูเหมือนว่าทำไมถึงนาน ความจริงก็คิดว่าทำนานๆ ชุดดีกว่า”

เมื่อถามเรื่องเพลง “แอ๊ด คาราบาว” ตอบคำถามยาวเป็นต่อยหอย แต่พอสอบถามเรื่องลูกสาว “น้องเซน ณิชา โอภากุล” ที่ตกรอบคัดเลือกการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ปีนี้ คุณพ่อ “แอ๊ด” ถึงกับยืนนิ่งไม่ตอบ บอกขอตอบแต่เรื่องเพลง จากนั้นก็เดินแหวกกลุ่มผู้สื่อข่าวออกไป โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ไปตามติดสัมภาษณ์ “น้องเซน” อีกครั้ง ถึงเส้นทางชีวิตภายหลังปิ๋วเวทีขาอ่อน ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าคงกลับไปทำอาชีพนักข่าวเช่นเดิม เพราะเป็นสิ่งที่ตนรัก ส่วนการประกวดนางงามเป็นการทำเพื่อเอาใจแม่ที่กำลังป่วยอยู่เท่านั้น

“ต่อจากนี้ไปเราคงทำงานเป็นนักข่าวอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้เราเป็นนักข่าวให้กับทางสำนักข่าวฮอลลีวู้ด เป็นข่าวภาษาอังกฤษ และเป็นนักข่าวให้กับ NBT ภูเก็ตด้วย ซึ่งเราก็มีหน้าที่อ่านข่าวตอนเช้า แล้วก็เขียนข่าว เราชอบงานสายนี้มาก และไม่เคยอยู่นิ่งเลย ซึ่งการที่เรามาประกวดครั้งนี้ มันทำให้เราได้รู้จักคนสายนี้เยอะขึ้น มันก็เป็นลู่ทางที่จะไปต่อยอดในอาชีพให้เราได้เหมือนกัน อย่างตอนนี้ทางช่อง 3 เองก็สนใจเรา ถ้าเขาเปิดรับสมัครนักข่าว เราก็พอใจและภูมิใจที่จะไปสมัครตรงนั้นมากกว่าที่จะมาประกวดแบบนี้”

“การประกวดมันไม่ใช่ตัวเราเลย เราชอบเที่ยวโลดโผน ไม่ใช่คนที่จะต้องมาแต่งตัวสวยตลอดเวลา แต่ที่มาทำตรงนี้เพราะทำให้เพื่อน พี่และคุณแม่ เขาอยากให้เราแต่งตัวสวยๆ พอดีตอนนี้แม่ไม่สบายด้วย เราเลยอยากทำให้เขามีความสุข คุณแม่เองก็ทักว่าเราน่าจะผอมกว่านี้นะ แต่เราไม่ชอบหุ่นผอมๆ ตอนนี้คุณแม่ก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว คือเขาไม่สบายเลยไปตรวจ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไร อาจเป็นช่วงนี้เครียด น้ำหนักลดแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ต้องรอคุณหมอบอกอีกที”

“ส่วนคุณพ่อไม่ได้ว่าอะไรเลยที่มาประกวด เขาไม่ได้แอนตี้ ที่เราเข้ามาตรงนี้ เพราะสนิทกับพี่คนนึงที่เป็นนักข่าว เขาก็ชักชวนเราเข้ามา แต่มันก็เป็นอะไรที่ดีนะ เพราะเราเองก็ได้รู้จักคนในวงการนี้เพิ่มมากขึ้น ที่เราไม่ได้เราก็ไม่เสียใจเลย ออกแนวตลกมากกว่า ถ้าเกิดเข้ารอบจริงๆคุณพ่อคงแปลกใจ เราก็จะแปลกใจถ้าได้เข้ารอบ เพราะเราไม่ชอบประกวดอะไรแบบนี้ ดังนั้นพอมันไม่ได้เราเลยไม่เสียใจมาก และคิดว่าคงจะไม่ไปประกวดแบบนี้อีกแล้วแน่นอน”

ยันไม่คิดสานต่อธุรกิจพ่อ แต่อยากทำงานเบื้องหลัง พร้อมมีความฝันอยากมีรายการท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง

“เรื่องธุรกิจต่างๆของพ่อเราไม่สนใจ ให้เขาไปจัดการของเขาเองดีกว่า เราไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับงานในวงการเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเบื้องหลังเราจะชอบ อย่างงานนักข่าวเราก็เป็นมา 1-2 ปีแล้ว หรือการมาประกวดทางช่อง 3 ก็ให้โอกาสเรา แค่ให้เราเข้ารอบ 75 คน เราก็ตกใจแล้วว่าทำไมถึงได้เข้ารอบ ถ้าจะดูแลเราคงดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด ทุกวันนี้เราพยายามทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เท่าที่เราจะทำได้ ความจริงเราใฝ่ฝันอยากมีรายการท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว เป็นแบ็คแพ็คเกอร์ตัวยงเลย คืออะไรที่ลุยๆเราจะชอบ”


กำลังโหลดความคิดเห็น