“จอย ศิริลักษณ์” เหลืออด หลัง “พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี” รองผบก.น.4ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ว่า ใบเสร็จเสียภาษีคนร้ายเป็นของจริง พร้อมทั้งย้ำว่าขนส่งไม่มีทางออกใบซ้ำซ้อน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า หลักฐานของรถจอยอาจเป็นของปลอม ซ้ำผู้ดำเนินรายการยังพูดให้กำกวมว่า จอยน่าจะทราบดีว่า โจรได้ใบเสร็จเสียภาษีมาอย่างไร ด้านพ่อจอยเผยกรมขนส่งรีบโทรมาเคลียร์ขออย่าฟ้องดำเนินคดี
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมา (12 ก.ย) นางเอกชื่อดัง “จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค” พร้อมคุณพ่อ "สมคิด" คุณแม่ "ปิยะอร" และแฟนหนุ่ม "แม็ค" ได้เดินทางไปยังสน.บึงกุ่ม เพื่อเคลียร์และถามข้อข้องใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงกรณีที่ “พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี” รองผบก.น.4ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ว่า ใบเสร็จเสียภาษีคนร้ายเป็นของจริง พร้อมทั้งย้ำว่าขนส่งไม่มีทางออกใบซ้ำซ้อน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า หลักฐานของรถจอยอาจเป็นของปลอม
ซ้ำรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ยังทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับความคืบหน้า คดีปลอมแปลงทะเบียนรถยนต์ของจอย ซึ่งมี “กระเต็น วราภรณ์ สมพงษ์” เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีเนื้อหาว่า “จากการตรวจสอบรถยนต์ของจอย ศิริลักษณ์ พบว่า ใบเสร็จรับเงินเป็นคนละปี โดยใบเสร็จของจอย ศิริลักษณ์ เป็นปี 2552 แต่รถของผู้ต้องหาเป็นการต่อทะเบียนจริงปี2551 แต่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 17 กันยายนนี้ ส่วนผู้ต้องหาจะได้ใบเสร็จมาด้วยวิธีใด เจ้าของรถทั้ง 2 คันต้องทราบดี”
จากการสัมภาษณ์ของ “พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี” และรายงานพิเศษของรายการดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่า จอยกลายเป็นผู้ต้องหาหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี จึงได้นำเอาหลักฐานเอกสาร คลิปข่าวต่างๆ ที่พิมพ์ออกมาจากเว็บไซด์ และคลิปตัวอย่างรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ เข้าสอบถาม “พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย” รองผกก.(สส.)สน.บึงกุ่มถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งต่อมา พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย ได้กล่าวยืนยันกับสื่อมวลชนว่า จอย ศิริลักษณ์ไม่ใช่ผู้กระทำผิดในคดีนี้ วันนี้ที่เดินทางมาสน.เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะผู้เสียหายเท่านั้น ส่วนที่นายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อเช่นนั้น ตนไม่ทราบเรื่องใดๆมาก่อน
นอกจากนั้นแล้ว “นายสมคิด ผ่องโชค” พ่อของดาราสาวคนดังยังเปิดเผยอีกว่า ทางกรมขนส่งได้โทรมาเคลียร์และขอร้องอย่าให้จอยฟ้องร้องเป็นอันขาด
“เมื่อช่วงเช้าวานนี้ มีคนโทรศัพท์มาหาอ้างว่า โทรมาจากกรมการขนส่งทางบก อยากจะขอไกล่เกลี่ยไม่ให้เอาเรื่อง เพราะกลัวกรมขนส่งจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งผมอยากขอความเป็นธรรม และขอให้ทางตำรวจพิสูจน์ให้ได้อย่างชัดเจนถึงคนที่เข้าร่วมขบวนการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกรมการขนส่งหรือใคร อยากให้ไล่เบี้ยไป เพราะเหตุการณ์อย่างจอยอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงรายเดียว และผมก็จะดำเนินคดีกับคนที่ออกมาให้ข่าวเสียหายกับลูกผมด้วย”
ด้าน “จอย ศิริลักษณ์” ภายหลังให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จ เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งว่า รู้สึกไม่พอใจคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันแถลงข่าว เพราะทำให้ตนถูกเข้าใจผิด กลายเป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับคนร้าย
“วันนี้ทางสน.บึงกุ่มอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม จอยก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ความจริงจอยควรได้รับฟังเรื่องนี้ว่า รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้แล้ว จอยไม่ต้องเป็นห่วง แต่กลับกลายเป็นว่ามีการยืนยันกับผู้ต้องหาว่า อันนั้นจริงอันนี้จริง เดี๋ยวต้องให้จอยไปพิสูจน์เอาเอกสารมา ซึ่งของเหล่านี้จอยพูดตรงๆว่า ตำรวจหาได้อยู่แล้ว และเขายังมาว่าจอยไม่มาตามนัดหมาย และถ้ายังไม่เอาเอกสารมาแสดงพิสูจน์ ก็จะออกหมายเรียก ซึ่งภาษาที่ใช้พูดมันทำประชาชนทั่วไป เข้าใจผิดในตัวจอยได้ เลยทำให้จอยรู้สึกเครียดมาก”
“จอยติดใจในคำพูดของผู้ใหญ่หลายๆท่านที่แถลงข่าววันก่อน ที่พูดในคดีจอยว่า เคยมีประสบการณ์มาแล้วว่า เจ้าของรถนี่แหละไปทำทะเบียนเอง แล้วเอาไปสวมให้เพื่อน แล้วใบเสร็จนี้มันไปอยู่ได้ยังไง เจ้าของรถทั้งสองคันจะต้องรู้ เราก็เฮ้ย...คำแบบนี้มันออกมาเป็นข่าว คนก็เข้าใจผิดนะ ทำไมต้องมายกตัวอย่างเรื่องแบบนี้ จากเราเป็นผู้เสียหายเหมือนว่าเรากลายเป็นผู้ต้องหาเอง”
“ส่วนที่ผิดพลาดของระบบราชการจอยคงไม่ต้องพูดสาธยายเยอะ เพราะเราคนไทยรู้อยู่แล้วว่า บ้านเรามีจุดแข็งและจุดด้อยตรงไหนบ้าง รูรั่วมันอยู่ตรงไหน แต่เวลาเกิดปัญหาเขาจะแก้ไขดูแลจริงจังแค่ไหนมากกว่า ตัวเรารู้ว่าเราถูกต้อง จอยก็รู้ว่าตำรวจเองก็รู้"
"แต่เรื่องหลักฐานรถอะไรพวกนี้ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน วันนี้ที่จอยได้มาคุยกับรองผกก.สน.บึงกุ่ม ก็ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น จอยก็พยายามฝากเขาว่า ยังไงช่วยส่งข่าวด้วยนะคะ เป็นอะไรยังไงก็ได้ จอยยังไม่เคยเจอผู้ต้องหา ก็ขอให้ได้ฟังคำคืบหน้าบ้างนิดหน่อยก็ยังดี”
อุบจะฟ้องร้องคนให้ข่าว พร้อมเผยทางกรมขนส่งโทรมาไกล่เกลี่ยกับพ่อของตนจริง รับรู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากคนร้ายมีข้อมูลของตนทุกอย่างอยู่ในมือ
“ก็เห็นคุณพ่อพูดในลักษณะนั้นว่า มีโทรมาไกล่เกลี่ย เรื่องฟ้องร้องคนที่ให้ข่าว เดี๋ยวจอยขอคุยกับคุณพ่อก่อน แต่ถามว่าอยากให้เขาออกมาขอโทษมั้ย มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาพูด ดังนั้นเขาคงต้องเคลียร์ตัวเอง หรืออย่างน้อยความเข้าใจผิดมันเกิดขึ้นจริงแล้ว และตัวจอยก็เสียหายจริง ความรู้สึกของจอยก็แย่จริงๆเหมือนกัน เขาเป็นผู้ใหญ่ส่วนจอยเป็นเด็ก เขาคิดได้ว่าควรจะทำอะไร”
“ตอนนี้จอยต้องระวังตัวเอง เพราะเรื่องนี้ต้องมีการขยายผลไป ก็ไม่รู้จะไปเจออะไรอีกบ้าง เพราะที่มาของรถไม่ถูกต้องหลายๆอย่าง พอวันนี้ได้ฟังความคืบหน้าเลยเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ถ้าอยู่ข้างนอก อยู่ในกองถ่ายจะสบายมาก แต่เวลากลับบ้านจะไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่ เพราะเขามีหลักฐานของจอยหมด อย่างพวกประกันเขาก็มีรายละเอียดของเรา หรือจอยทำอะไรเขาก็มีรายละเอียดหมดเลย”
