xs
xsm
sm
md
lg

นมปลอม-ขายดี (2): ช่องทางทำเงินจากเต้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กว่าที่บรรดาสาวๆ จะเตรียมร่างกายตัวเองให้ถึงพร้อมด้วยสัดส่วนและรูปร่างที่อึ๋มจนถูกใจตนเองแล้ว ก็ต้องผ่านความเจ็บปวดอันแสนจะทรมาน และสูญเงินไปเป็นแสนๆ หากทำศัลยกรรมมาแล้วเพิ่มความมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าคุ้มค่าในด้านจิตใจ

แต่หากสาวๆ ที่ตัดสินใจทำเพราะหวังจะหาหาที่เหยียบยืนในวงการบันเทิงไม่ว่าจะในฐานะนางแบบ ดารา นักร้อง ฯลฯ ความคุ้มค่าของการลงทุนไปคงต้องตัดสินจากงานที่เข้ามาและวัดกันรายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากหน้าอกที่ต้องบีบเค้นคลึงตามที่หมอสั่งอยู่ทุกวันแล้ว รายได้เหล่านี้นับเป็นสิ่งที่จับต้องได้อีกอย่างหนึ่งหลังจากทำศัลยกรรมหน้าอกมา

ง่ายที่สุดก็คือ ‘โชว์’ มันออกมาให้ชาวบ้านชาวช่องได้เห็นว่าข้าพเจ้ามีของ พยายามดันให้มันเป็นตัวดูดงานเข้าหาตัวเอง หรืออาจถางเส้นทางสร้างรายได้ในวงการบันเทิงซึ่งจำเป็นต้องสร้างความโดดเด่นให้ตัวเองไม่ว่าจะเป็นด้านความสามารถ หรือเรือนร่างก็ตาม

สำหรับนางแบบ บุคคลซึ่งเป็นด่านแรกที่มีส่วนในการตัดสินใจว่า จะดันให้เรือนร่างนี้ให้ขึ้นไปถึงดวงดาวหรือไม่ คงไม่พ้นช่างภาพและสไตลิสต์

ความเห็นจากผู้คนในแวดวงนิตยสารผู้ชายที่พกความเซ็กซี่มาฝากผู้อ่านในแต่ละฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางให้กับสาวๆ ที่กำลังตัดสินใจทำศัลยกรรมเพื่อหวังจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงได้ว่าแท้จริงแล้วมันคุ้มค่ากับการลงทุนแค่ไหน

ปุณตาริกา วาจาวุทธ Group Fashion Editor ประจำนิตยสาร FHM และ ZOO พูดถึงคุณลักษณะของนางแบบที่คัดเลือกมาร่วมงานกับนิตยสารว่า
“ก็จะดูที่หน้าตา ความดัง แล้วก็กระแส ขนาดของหน้าอกไม่ได้เป็นอุปสรรคของการทำงานตรงนี้ คนสวยบางคนที่หน้าอกเล็กก็ดูเซ็กซี่ได้ หน้าอกมันไม่จำเป็นต้องบิ๊กบึ้มแล้วถึงจะดูว่าคนนี้เซ็กซี่จริงๆ คือบางคนเขาใช้สายตาออกมาทางอารมณ์ของใบหน้าได้ดี ความน่ารักเซ็กซี่ของบางคนมันออกมาได้หลายอย่าง ไม่ใช่ขนาดหน้าอกอย่างเดียว”

“การที่จะมาถ่ายแบบมันไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องหน้าอกใหญ่ ดูอย่างในแคทวอล์ค มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมาทำงานอะไร สำหรับนิตยสาร ZOO มันก็มีส่วน คือถ้าคนนี้หน้าอกใหญ่แต่หน้าไม่สวยมันก็ลำบากนิดนึง”

“แล้วแต่งานมากกว่า ถ้าสมมุติเขาจะถ่ายปฏิทินอย่างนี้ต้องมีของที่จะถ่าย เพราะว่านางแบบหรือดาราที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ พื้นฐานหน้าตาเขาดีอยู่แล้ว ถ้าเขามีของเขาก็จะช่วยพรีเซ็นต์ตัวเองได้ในบางงาน แต่กับสำหรับบางงานมันไม่ใช่ งานถ่ายโฆษณาหรืองานถ่ายหนังสือบางเล่มหรือเดินแบบไม่จำเป็นต้องใช้คนหน้าอกใหญ่”

เช่นเดียวกับ สุวิทย์ กิตติเธียร หัวหน้าช่างภาพ Mars ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการถ่ายแบบเซ็กซี่ที่ต้องร่วมงานกับนางแบบที่รูปร่างอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบว่า...“พอบอกว่าสวยเซ็กซี่โจทย์มันก็จะเปลี่ยนไป คืออาจจะต้องนุ่งน้อยห่มน้อยเพื่อจะให้เห็นผิวของนางแบบเยอะขึ้นก็อันนี้ก็ช่วยให้บรรยากาศดูเซ็กซี่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องแบบว่าเห็นอล่างฉ่าง”

“เกี่ยวกับยุคสมัยด้วยครับ บางยุคหน้าตาแบบออกไทยๆจะดูเซ็กซี่ มันเป็นเทรนด์เป็นกระแสของรสนิยมของในสังคมด้วย ทีนี้ถามว่าหน้าตาแบบไหน จริงๆ อยู่ที่สายตาด้วย สายตาของคนเป็นแบบก็จะช่วยได้เยอะว่าเขาดูเซ็กซี่ไหม”

“หุ่นหรือสรีระเป็นเรื่องของช่างภาพโดยตรง สมมุติว่าหุ่นเขาไม่เพอร์เฟค ถ้าเรามีวิธีที่จะโพสท่าได้ โดยที่หลบเลี่ยงได้ บิดตัวได้ คือเราจะใช้เรื่องรีทัชเนี่ยเป็นด่านสุดท้าย แต่ว่าด่านแรกคือจะต้องเป็นฝีมือของช่างภาพที่ต้องดูตัวแบบและช่วยกัน คือตัวนางแบบเองก็จะรู้อยู่แล้วล่ะว่ามุมไหนที่เขาดูไม่ดี หรือเห็นหน้าท้อง ต้นแขนใหญ่เขาจะมีวิธีหลบหลีกได้”

สำหรับการถ่ายแบบแล้วขนาดหน้าอกของนางแบบอาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาหรือตัดสินว่า ใครจะได้งานหรือไม่ได้งาน เพราะถึงแม้ว่าเป็นคนที่หน้าอกเล็กมันก็มีเทคนิคในการถ่ายทำของช่างภาพและสไตลิสต์ที่จะช่วยได้ การใช้มุมกล้องหรือใช้ซิลิโคนเพื่อเพิ่มขนาด และเทคนิคทางภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ ‘รีทัชทำได้ทุกอย่าง’ ว่าอย่างนั้นเถอะ

แต่ก็มีเส้นทางทำเงินแบบหนึ่งที่เทคนิคเหล่านี้ไม่สามารถช่วยได้ ได้แก่พวกงานเปิดตัวสินค้า อีเวนต์ โชว์ตัว ฯลฯ ซึ่งงานจำพวกนี้ต้องการความสดและของจริง เหล่าดารา ซีเล็บหลายคนมักจะแต่งตัวกันออกมาให้เป็นที่สนใจของช่างภาพและสื่อมวลชน ด้วยการคว้านลึก โชว์ร่อง ดันเต้า บางคนไม่มีข่าวไม่มีกระแสดึงดูดนักข่าว ถึงกับแสร้งทำหกเรี่ยราดเพื่อเรียกร้องความสนใจก็มี

เป็นหน้าที่โดยตรงของผู้จัดงานหรือออแกไนเซอร์ที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกดารา นักร้อง ซีเล็บท่านใดมาร่วมงาน ซึ่งรูปร่างหน้าตาหรือแม้กระทั่งขนาดหน้าอกจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจหรือไม่ เก๋-สุนันทา หนึ่งในทีมงานออแกไนเซอร์ชื่อดังได้ให้ความเห็นว่า

“ในความรู้สึกของเราไม่เกี่ยวนะ แล้วแต่ธีมของงานมากกว่า อย่างงานส้มตำเนี่ย ก็ไม่จำเป็นจะต้องเอาคนนมใหญ่มาตำส้มตำ ไม่เกี่ยวหรอก”

“อันนี้เราคิดกันไปเองมากกว่า มันขึ้นอยู่กับธีมของงาน อย่างล่าสุด ที่ทำงานขนมหวาน ทุกคนก็ใส่ชุดประจำชาติ ก็ไม่มีเซ็กซี่เลยนะ มันแล้วแต่ธีม อย่างที่ผ่านมา งานซัมเมอร์ อาจจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำบ้าง มันแล้วแต่ช่วงของแต่ละธีมของงานที่เราทำมากกว่า อย่างงานเทศกาลส้มตำเนี่ย เราก็ใส่ชุดปกติแล้วก็ตำ”

“ส่วนใหญ่นักข่าวที่จะมาทำข่าวก็มาจากประเด็นของดารามากกว่า เพราะส่วนใหญ่เวลานักข่าวจะโทรมาถาม ก็ไม่เคยมีใครถามนะว่า วันนี้นมตู้มไหม ไม่เคยมีนะ มีแต่จะถามว่า ดาราคนนี้มาไหม เพราะเขามีประเด็นอะไรอย่างนี้มากกว่า”

สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนว่า รายได้หรือชื่อเสียงจะเข้ามาตามขนาดหน้าอกที่เพิ่มขึ้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างหลายด้าน ทั้งเรื่องหน้าตา ผิวพรรณ การประพฤติ การวางตัว ความสามารถ ความคิด ฯลฯ ของแต่ละคนว่าจะช่วยดันตัวเองให้ไปถึงจุดที่ใฝ่ฝันไว้ แต่หากใครคิดจะลงทุนใช้สองเต้าไต่ไปให้ถึงจุดหมายก็ย่อมต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้ เพราะว่าไม่มีโอกาสจะย้อนเวลากลับมาแก้อะไรๆ ให้คืนกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว

ฟังมุมมองจากคนทำและคนมองมาแล้ว คราวนี้ลองมาฟังคำจากผู้เชี่ยวชาญกันบ้างว่าเป็นอย่างไร โดยทางด้านของนพ. พิชญ์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยกรรมตกแต่ง รพ. ยันฮี ได้พูดถึงกระแสความนิยมการทำศัลยกรรมในบ้านเราว่า

“การทำศัลยกรรมได้รับความนิยมค่อนข้างมาก สำหรับการทำศัลยกรรมใหญ่ซึ่งจะต้องนอนโรงพยาบาลนั้น ศัลยกรรมหน้าอกมาเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับที่นี่ตกประมาณเกือบ 200 คนต่อเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านคืออายุสามสิบกว่าขึ้นไปหลังจากที่เขามีลูกแล้ว หน้าอกจะคล้อยลงหรือหน้าอกเล็กลงเขาก็มาเสริม เพื่อให้หน้าอกกระชับขึ้น ช่วงอายุยี่สิบปีขึ้นไปก็มี หรือจะเป็นคนที่ต้องการให้บุคลิกดีขึ้น เขาก็จะมาเสริมเพื่อให้หน้าอกดูดีขึ้น จะได้มีบุคลิกที่ดีขึ้น เพื่อเสริมความมั่นใจ ดาราก็มีบ้าง ถ้าเทียบกับคนทั่วไปก็คงไม่ได้เยอะมาก น่าจะประมาณ 5%“

มีวิธีในการสังเกตหน้าอกที่ทำศัลยกรรมมาอย่างไร?
“ถ้าเขาใส่เสื้อผ้าคนจะไม่รู้อยู่แล้ว ถ้าเขาถอดเสื้อผ้าก็คงต้องดูว่า ถ้ามันตั้งเกินแล้วเห็นขอบของซิลิโคน ก็จะสังเกตได้บ้างสำหรับคนที่เสริมใหญ่เกินไป แต่ถ้าคนที่เสริมขนาดพอดีตัวของเขาแล้วเขามีเนื้อหน้าอกอยู่บ้างนั้นบางคนเราก็จะไม่รู้เลย บางทีสัมผัสก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะครับ เช่น ภรรยาเสริมมา สามียังไม่รู้เลยว่าเขาเสริมมาแล้ว ก็มีหลายรายเหมือนกัน”

การทำศัลยกรรมหน้าอกมีวิธีใดบ้าง
“การทำศัลยกรรมหน้าอกที่ได้รับการยอมรับ ก็คือ การเสริมหน้าอกโดยการใช้ถุงซิลิโคน เพราะว่าเราพิสูจน์แล้วว่า มันเป็นวิธีที่ปลอดภัย ผลข้างเคียงจะน้อยกว่าวิธีอื่น สมัยก่อนมีคนใช้การฉีดสารบางอย่างเข้าไป เช่น สารซิลิโคน ไขมันเทียม หรืออะไรก็ตาม ซึ่งจะเกิดปัญหาค่อนข้างเยอะ เพราะถ้าเกิดปัญหาเหล่านั้นเราจะไม่สามารถแก้ไขได้ ฉะนั้นวิธีที่ปลอดภัยคือการใช้ถุงซิลิโคนเข้าไปเสริมเพื่อให้หน้าอกใหญ่ขึ้น ปัญหาจะค่อนข้างน้อย เพราะเราก็พิสูจน์มานานแล้วว่าพวกนี้มันจะไม่เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกใดๆทั้งสิ้น เทียบกับคนที่ไม่เสริมนั้น อัตราการเกิดมะเร็งหรือเนื้องอกไม่เพิ่มขึ้น แล้วคนที่ยังไม่มีบุตรก็สามารถให้น้ำนมบุตรได้ด้วยครับ”

รูปทรงของหน้าอกแบบใดที่นิยมกันมากที่สุด
“ทั่วๆ ไปที่เราใช้กันก็คือทรงกลม แต่มันก็มีหลายทรง ตัวที่เราเสริมมันมีทั้งน้ำเกลือและตัวที่เป็นเจล ส่วนตัวที่เป็นน้ำเกลือหรือเจลก็มีสองทรง ทั้งทรงกลมและทรงหยดน้ำ แต่ส่วนใหญ่ที่เราใช้จะเป็นทรงกลม เพราะการวางที่หน้าอกจะทำได้ง่ายกว่า แล้วหน้าอกจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะทรงหยดน้ำนั้น ถ้าวางหมุนผิดตำแหน่งก็ทำให้หน้าอกสองข้างไม่เหมือนกันได้ มีปัญหาเยอะกว่า”

การทำศัลยกรรมหน้าอกจำเป็นต้องกลับมาแก้ไขอีกหรือไม่
“ส่วนใหญ่จะครั้งเดียวครับ ยกเว้นบางคนทีเสริมไปแล้วต้องการให้ใหญ่ขึ้น หรือนานๆ ไป ใส่ไปตอนที่อายุน้อยๆ พอโตขึ้นหน้าอกเขาเล็กลง หรือหน้าอกเขาคล้อยลง ก็อาจจะมาเปลี่ยนได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมาเปลี่ยนนะครับ”

“หากเป็นในกรณีที่กลับมาแก้ไขสาเหตุที่หนึ่งคือเรื่องหน้าอกแข็งที่มาบ่อยที่สุด สองต้องการเปลี่ยนขนาดให้ใหญ่ขึ้น หรือใส่ไปนานแล้ว เกินสิบปี ยี่สิบปี แล้วเขาไม่มั่นใจว่ามันแตกหรือรั่ว เขาก็จะมาเปลี่ยน ซึ่งซิลิโคนนั้น ถ้ามาตรฐานปัจจุบัน มันสามารถอยู่ได้นาน บางคนอาจจะอยู่ได้ถึงยี่สิบปี บางคนก็ต้องมาเปลี่ยน”







กำลังโหลดความคิดเห็น