xs
xsm
sm
md
lg

นมปลอม-ขายดี (1): เปิดอก(ศัลยกรรม) ดารา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุ๋ม ก่อน
ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากมนุษย์เราในปัจจุบันจะพาตนเองเข้าสู่กระบวนการการทำศัลยกรรมกันมากขึ้นด้วยเหตุผลของความรู้สึกไม่พึงพอใจและมองเห็นว่าอวัยวะของร่างกายบางส่วนที่มีมาแต่กำเนิดนั้นดูไม่ดี มากกว่าที่จะมองว่าอวัยวะส่วนนั้นมีความพิกลพิการผิดปกติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวๆ ในวงการและอวัยวะส่วนหน้าอก ที่มีหลายคนยอมเสียเงินหลักแสนและต้องทนกับความเจ็บปวด เพื่อแลกกับความรู้สึกที่ว่าจะได้ "ดูดีขึ้น" อันจะนำมาซึ่งงาน พ่วงด้วยชื่อเสียง-เงินทอง

ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร?

“ผู้หญิงทุกคนก็อยากมีสรีระที่สมบูรณ์ ดูเพอร์เฟ็กว่างั้นเถอะ ถ้าเราเป็นคนทั่วไปเราก็คงจะไม่ทำคือมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่พอเรามาทำงานแสดงตรงนี้ บางทีเขาเอาเสื้อผ้ามาให้เราบางครั้งบางตัวที่มันจะต้องโชว์มันก็ไม่มีให้โชว์ ก็เลยเป็นเหตุจูงใจในเรื่องของการงานที่มันใส่เสื้อผ้าออกมาไม่สวย เราก็เลยลองตัดสินใจดีกว่า..."

เสียงบอกเล่าถึงการตัดสินใจขึ้นเขียงให้หมอยัดซิลิโคนที่หน้าอกของดาราหม้ายยังสวย "ษา วรรณษา ทองวิเศษ" พร้อมยืนยันว่า ที่มีงานแนวเซ็กซี่เข้ามาไม่ว่าจะถ่ายแบบหรือโชว์ตัวนั้นเป็นเพราะหลังจากทำศัลยกรรมหน้าอกมาเป็นเหตุผลหลัก

"ตอนแรกเลยที่ยังไม่มีลูก งานเข้ามาเยอะมากแต่จะเป็นงานโชว์เสียมากกว่า อาจจะเป็นชุดว่ายน้ำหรือให้โชว์สัดส่วน ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วของดาราผู้หญิง พอทำศัลยกรรมมามันก็เพิ่มดีกรีเข้าไปอีก ทำมาแล้วก็ตั้งโชว์นิดหนึ่ง แต่พอหลังจากที่มีลูกงานก็จะเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย แต่ว่าในสรีระของเราไม่ได้เปลี่ยนไปเลย"

"มันเป็นอะไรที่เราทำออกมาแล้วภูมิใจ มันเป็นธรรมชาติ แล้วเราไม่ได้ทำขนาดที่มันใหญ่เกินตัวมากเกินไป ตอนนั้นเดินแบบบ่อยทุกคนก็แวะเวียนมาถามว่า ทำเท่าไหร่ ทำยังไง ทำที่ไหน ทำไมทำออกมาแล้วเป็นธรรมชาติ เพราะปกติคนไปทำหน้าอกจะทำขนาดใหญ่เลย เราก็บอกๆ เล่าๆ ไป ก็เหมือนกลายเป็นวิทยากร เราก็โอเคบอกมาขนาดนี้แล้วเราก็เผยแพร่ให้คนรู้ไปเลยว่าทำที่ไหนยังไงแล้วเราก็ให้ความรู้เขาไปด้วย แต่ว่าจริงๆแล้วเวลาที่ไปทำก็ต้องปรึกษาคุณหมออีกที"

“จริงๆ แล้วหมอจะให้เราใหญ่ไว้ก่อนแหละ แต่เราก็ต้องดูของเราสิ ใช้วิจารณญาณ ถ้าช่วงเราแคบไปทำใหญ่มันก็หนักแล้วมันดูตลก เหมือนเดินมาแล้วเป็นซูเปอร์ฮีโร่ (ฮ่าๆ)”

สิ่งที่เธอจำได้อย่างแม่นยำก็คือความรู้สึกช่วงเวลาที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จ ซึ่งเชื่อว่ามันเป็นความรู้สึกของใครก็ตามที่ทำศัลยกรรมหน้าอกมาจะจดจำได้ไปจนชั่วชีวิตเลยทีเดียว

"มันเป็นการผ่าตัดใหญ่แผลใหญ่ ใช้เวลารักษาตัวประมาณ 1 เดือน ช่วงแรกๆ มันรู้สึกหนักคือมันไม่เคยมี ต้องทรงตัวใหม่ พอหลังจากนั้นความภาคภูมิใจมาเต็มๆ เราโยนบราเก่าทิ้งหมดเลย แล้วซื้อบราใหม่ใส่ เราใส่ไปละครเสื้อผ้าที่เคยใส่ไม่สวยก็ใส่สวยขึ้นมา ไม่เคยเสียใจเลยกับการตัดสินใจทำศัลยกรรม”

"โชคดีมาก หลังจากทำมาไม่มีการปรับแก้ไขใดๆ เลย ปัญหาแทบจะไม่มีเลย เพราะเราใส่ใจตั้งแต่แรก คุณหมอบอกว่าต้องนวด ถ้าไม่นวดก็จะมีพังผืดเกาะแล้วมันยึดแล้วจะแข็งและจะไม่เป็นธรรมชาติ เราก็ทำตามที่คุณหมอบอกมาตลอด ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ มันก็ดีเป็นการกระชับไปด้วย ถึงตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย"

"แต่ก็เคยเจอรายที่มีปัญหาเหมือนกัน คือเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่เขาทำขนาดใหญ่ ตอนเขาไม่เปิดเสื้อมันก็สวย สวยเลยล่ะ พอเขาเปิดให้ดูก็ตกใจ คือไม่เท่ากัน ชี้ไปคนละทาง แถมจับยังดังก๊อบแก๊บๆ ด้วย คือเขาไปเจอหมอที่บอกว่าทำมาแล้วไม่ต้องนวด"

สำหรับสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือ เธอจะให้นมลูกได้หรือเปล่า เพราะเธอวางแผนที่จะมีลูก คุณหมอจึงเลือกใช้วิธีการผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อ คือใส่วัตถุเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการกดทับเส้นเลือดหรือท่อน้ำนม เธอจึงวางใจได้ไปเปราะหนึ่ง

และเมื่อเวลาผ่านไปถึงตอนที่เธอตั้งทองและคลอดลูกออกมา 4 วันแรกน้ำนมยังไม่มา แต่หลังจากนั้นน้ำนมก็มาปกติ ลูกทานนมได้ปกติ

ซึ่งกับเงินที่เสียไปประมาณแสนถึงสองแสนเพื่อแลกกับสิ่งที่ได้มา มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปหรือไม่ ระยะเวลาที่ผ่านมากับสิ่งที่ติดตัวเธอยู่นั้นมันเป็นคำตอบอยู่ในใจเธอแล้ว

“ถ้าเป็นศัลยกรรมหน้าอกคุ้ม คือเราเจ็บจริงๆ อยู่แค่ประมาณ 1 เดือนเท่านั้นเอง เพราะว่าร่างกายต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพราะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป แต่พอมันอยู่ตัวแล้วก็เป็นปกติ ต้องดูแลรักษาอย่าละเลย"

“การศัลยกรรมที่มันเป็นกระแสเข้ามาไม่ถือว่าว่าผิด ถ้าจะผิดก็ผิดที่เราเลือกโดยที่เราศึกษาไม่พอ ถ้าเราศึกษามาดีแล้ว ไปหาหมอที่ชำนาญทางด้านนี้แล้ว ให้เวลากับตัวเองแล้ว ตัดสินใจทำแล้วออกมาดีแล้วคิดว่าไม่น่าจะผิด แต่ว่าถ้าใช้เวลาน้อย ไม่ปรึกษาคุณหมอเลย ไม่ทำอะไรเลย ทำตามแฟชั่นคือคนเฮไหนเราก็เฮด้วยก็เสี่ยง ถ้าจะทำก็ศึกษามันใช้เวลากับมันเพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยมันเป็นเรื่องใหญ่”

ด้าน "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ดาราสาวสวยอีกคนหนึ่งซึ่งแม้จะเป็นคุณแม่แล้วแต่ยังคงรักษาความเซ็กซี่เอาไว้ได้เสมอ บอกเล่าถึงความรู้สึกก่อนแหละหลังจากที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมหน้าอกว่า..."คิดมา 7 ปีถึงค่อยตัดสินใจทำ ศึกษากับมันนานแล้วก็รอจังหวะให้ตัวเองพร้อมจริงๆ แล้วต้องรู้ตัวเองจริงๆ ว่าทำแล้วต้องหยุดให้ได้อย่าทำอย่างอื่นต่อ”

“เจ็บมาก! ใครบอกไม่เจ็บนี่ฉันขอเถียง แต่มันก็โอเคขึ้น เราต้องดูแลตัวเองด้วยไม่ใช่ศัลยกรรมสวยแล้วอย่างอื่นก็ปล่อยปละละเลย ต้องออกกำลังกาย บริหารหน้าท้องเฟิมตัวเองให้มันสมส่วน ไหนๆ เราทำมาเจ็บขนาดนี้แล้ว อุตส่าห์ทำให้มันสวยขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องสวยให้มันทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าเอะอะก็ศัลยกรรม มันก็ไม่จบ”

เธอยืนยันว่าตนเองพอใจกับสิ่งที่เธอไปทำมาเพราะด้วยหน้าที่การงานของเธอซึ่งยืนอยู่ในจุดที่เป็นเป้าสายตาของคนทั่วไป...“งานถ่ายแบบเซ็กซี่ลดลงด้วยซ้ำ บุ๋มรับน้อยลงด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่ามันทำให้บุ๋มเวลาที่ออกงานใส่ชุดราตรีเรามั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่กลัวหลุดแต่เซ็กซี่ได้”

“คนที่ทำหน้าอกต้องดูว่าตัวเองทำเพื่ออะไร ถ้าทำแล้วนอนอยู่บ้านไม่ต้องทำนะคะ แต่ถ้าทำแล้วมีงานหรือจำเป็นจริงๆ เพื่อเสริมจุดที่ด้อยจริงๆ สะโพก 38 แต่หน้าอกเพิ่ง 30 แต่ทำแล้วต้องหยุดให้ได้ สองคือศึกษาสถาบันให้ดี แต่ก็ต้องทำใจให้ได้ด้วยว่าหมอก็คือคนเหมือนกันทำแล้วพลาดได้เหมือนกัน จะรับผลกระทบที่จะเกิดกับตัวเราได้หรือเปล่า แค่นั้นเอง”

สุดท้ายเธอยังฝากบอกถึงสาวๆ บางคนที่ทำศัลยกรรมมาแล้วไม่ยอมรับเปิดเผยว่าตนเองทำมา โดยเฉพาะสาวๆ คนในวงการซึ่งต้องอยู่ต่อหน้าผู้ชม...“ไม่เห็นต้องอายเลยเป็นเรื่องทำก็คือทำ ก็รู้กันอยู่ รูป Before – After ก็ออกมาประจานขนาดนั้นไม่น่าอายกว่าเหรอ ความจริงใจกับคน กับประชาชน กับผู้ชม บุ๋มว่าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการมานั่งโกหกคำโต”

“แล้วอีกอย่างขอบอกไว้เลยว่า ไม่เห็นด้วยที่คนทำหน้าอกแล้วมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมนวดหน้าอก เพราะนวดยังไงก็ไม่มีทางใหญ่ขนาดนั้น”

และสุดท้าย "ปีใหม่ สุมนรัตน์ วัฒนาเศลารัตน์" ดาราสาวรุ่นใหม่คนแรกๆ ที่ออกมายอมรับอย่างไม่ปิดบังว่าผ่านการทำศัลยกรรมมาได้เปิดใจให้ฟังถึงกรณีที่มีข่าวออกมาว่า เต้าไซส์ใหญ่ของเธอนั้นมีปัญหาเสียแล้ว

"หน้าอกหนูไม่ได้มีปัญหาเลย และไม่ได้ไปแก้อะไรมาด้วยทุกอย่างเหมือนเดิมเลย ไม่ได้ไปทำอะไรเพิ่มด้วย เพราะตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วทั้งสองข้างก็เท่ากันดีด้วย แต่ตอนนี้ที่คิดเอาไว้ก็มีแต่จะไปเอาออกแล้ว คือหนูอยากให้ไซส์มันเล็กลงไปกว่านี้หน่อย"

"คือหนูเป็นคนที่มีเนื้อติดกระดูกมากและพอเนื้อติดกระดูกมากๆ แล้วทำหน้าอกใหญ่ๆ มันก็จะเห็นเป็นขอบ เพราะว่าเนื้อเราไม่มีไขมันเลย เหมือนเป็นเนื้อเรียบๆ แล้วมีอะไรปูดออกมา มันก็จะเห็นเป็นขอบซิลิโคนชัดเจนมาก ยิ่งถ้าเกิดหนูยืนหลังตรงๆ จะยิ่งเห็นได้ชัดเลย คือที่จะแก้เพราะว่าเราคิดเอาไว้ว่าถ้ามันเล็กกว่านี้ก็คงจะดีขึ้น"
    
"แต่คงไม่ทำแล้วนะ เพราะเขาบอกว่าถ้าไปเอาออกแล้วมันจะต้องทิ้งช่วงเวลาสักพักคือ เวลาที่เราไปเอาออกนั้นเราต้องทิ้งเวลาไว้สักพัก คือเราไม่สามารถที่จะเอาออกแล้วใส่ของใหม่ได้ทันที ถ้าหนูไปทำแล้วจะต้องเอาออกไปสักพักหน้าอกหนูมันก็จะกลายเป็นนมเหี่ยวๆ คือเขาบอกว่าเหมือนเนื้อมันโดนยืดออกมาแล้วมันจึงต้องใช้เวลาพักสักประมาณ 2 เดือน แล้วแบบนี้หนูจะทำงานอย่างไร"

เจ้าตัวยอมรับในบางครั้งเต้าซิลิโคนของเธอนั้นก็สร้างปัญหาในการถ่ายแบบอยู่เหมือนกัน
"สำหรับปัญหาตอนนี้ของหนูตอนนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรร้ายแรงเลยจะมีแค่เฉพาะช่วงที่หนูไปถ่ายแบบเท่านั้นแหละ เพราะมันจะต้องโดนแสงตกกระทบกับหน้าอกเราทำให้มันยิ่งเห็นจุดบกพร่องชัด ทำให้ทีมงานต้องไปเสียเวลารีทัชเยอะมาก มันก็มีเท่านี้เอง”

“เพราะตั้งแต่ที่หนูเปิดเผยว่าตัวเองทำศัลยกรรมหน้าอกมามันก็มีคนเข้ามาถามข้อมูลเยอะมากและถ้าหนูเป็นอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นกับหนู หนูก็คงจะต้องบอกกับทุกๆ คนแน่นอนไม่ปิดบังหรอก เพราะว่ามีคนอีกหลายคนก็เอาความผิดพลาดตรงนี้ของเราไปใช้ได้”

ได้รับทราบข้อมูลอย่างนี้แล้วสาวๆ ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกคงจะต้องคิดหน้าคิดหลังกันตลบแล้วตลบเล่าและสำหรับในตอนที่ 2 มาดูกันว่าเหตุผลของการศัลยกรรมเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่นั้น ในสายตาของคนทำหนังสือและตากล้องแนวหวิวนั้นเขามีความคิดเช่นไร?

รวมไปถึงเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมจากนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาบอกว่าปัจจุบันสถานการณ์การทำหน้าอกของสาวๆ ในบ้านเราเป็นอย่างไร? หน้าอกแบบไหนที่สาวๆ ชอบทำมากที่สุด?
บุ๋ม หลัง
ษา วรรณษา

ปีใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น