"เต๊ะ" รับ เลิก "บุ๋ม" แล้ว แต่ยังมีความรู้สึกดีๆ และห่วงใยกัน ปัดไม่มีมือที่สามและไม่เกี่ยวที่อดีตสามีอีกฝ่ายจะกลับมาขอคืนดี อวยถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีใจด้วย เผยเหตุเลิกกันเพราะความต่าง ยิ่งคบนานก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า
หลังจากที่ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ออกมาสัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับ “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” ว่าค่อนข้างห่างเหินกันนั้น ล่าสุดเต๊ะก็ยอมเปิดใจรับว่าเลิกกับบุ๋มแล้วจริงๆ แต่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้และยังห่วงอีกฝ่ายเสมอ
"ก็ตั้งแต่ที่เต๊ะบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน และเต๊ะทำงานด้วย ก็ถือว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้ศึกษากันได้รู้จักกันซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี และเต๊ะก็คิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ช่วงนี้อาจจะมีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานของเต๊ะหรือว่าของเขาที่จะต้องทำงานตลอดเวลาทำให้เจอกันน้อยลง แต่ถ้าถามว่าความรู้สึกยังดีต่อกันไหม ก็ยังดีต่อกันเหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ได้มีโอกาสไปเจอกันข้างนอกก็ยังรู้สึกดีเหมือนกัน"
"สาเหตุที่ต้องเป็นแบบนี้คือหลายๆ อย่างรวมกันครับ เพราะเราคงไม่มานั่งคุยกันว่าทำไมเราถึงเลียบๆ กันไป แต่เรารู้ว่าเรามีมุมมองชีวิตที่ต่างกันไป เพียงแต่เต๊ะยังคิดว่าความเป็นเพื่อนมันเลิกไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้เขาจะไปคืนดีกับใคร ผมก็ยังเก็บความรู้สึกดีๆ ได้เสมอ”
“ถามว่าทะเลาะกันไหมเราก็มีทะเลาะแต่เรื่องดีๆ มันเยอะครับ ก็จำแต่เรื่องดีๆ ถามว่าเลิกไหมก็คงเป็นการถอยมาสองก้าวมากกว่า เพราะอย่างที่เต๊ะบอกว่าเต๊ะไม่เคยเปิดตัวว่าเราคบกันนะ เพียงแต่เรารู้สึกดีๆ ให้กันเพียงแต่ว่าตอนนี้คือสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ก็คงเป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน แต่ว่าก็ยังรู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมีอะไรก็ปรึกษากันตลอด"
"จริงๆ มันเกิดขึ้นกับคนสองคน แต่เต๊ะโชคดีตรงที่เต๊ะไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้มีมือที่สามหรือมีปัญหาอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเฮ้ย..ไม่อยากคุยต่อไปแล้ว คือเต๊ะคิดว่าเต๊ะโชคดีตรงนี้ และเวลามันผ่านไปแล้วทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าเฮ้ย..มาเป็นเพื่อนแบบนี้ดีกว่ารู้สึกว่ามันดีกว่า อย่างที่เต๊ะบอกว่าเต๊ะยังไม่อยากรีบร้อน เพราะถ้าเกิดเรารีบร้อนไป แล้วเรามาอยู่ในวันใดวันหนึ่ง แล้วเราอาจจะร่วมงานกันไม่ได้มองหน้ากันไม่ติด อย่างวันนี้ก็คุยก็ยังติดต่อกันเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าสถานะมันอาจจะถอยออกไป"
"ก็เป็นห่วงครับ เพราะว่าถ้ามองในแง่ที่ดีอย่างน้อยก็ยังมีคนคอยเตือนเขา เพียงแต่ว่าการที่เราห่วงเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้เขาเกิดอาการอึดอัดก็ได้ เพราะว่าในมุมมองของผู้หญิง ผู้หญิงใส่แบบนี้ พูดแบบนี้ทำแบบนี้ แต่คุณอย่าลืมนะครับว่าเราเตือนในฐานะผู้ชาย ผู้ชายเขาคิดยังไง แต่ถามว่าทะเลาะกันเพราะอึดอัดไหม ไม่ใช่เพียงแต่ว่าพอเวลามันผ่านไปรู้จักกันมากขึ้นก็มองเห็นว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่าเพิ่งกระโดดไปเป็นอย่างอื่นเลย อยู่แค่นี้พอ มันแยกไม่ได้เป็นข้อๆว่าอะไร แต่ถ้าถามว่าเรารู้สึกแย่ไหมก็โอเคระดับหนึ่ง แต่ว่าจริงๆ เรามองกลับกันเราคุยกันมากขึ้นด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าการคุยมันเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง"
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า “วีระพงศ์ พิพิธสุขสันต์” อดีตสามีของ “บุ๋ม” ตามง้อขับรถรับส่งจนเป็นเหตุให้ทั้งคู่เลิกกันนั้น “เต๊ะ” บอกว่าไม่จริง และถ้าจะกลับไปคืนดีกันก็ยินดีด้วย
"เรื่องสามีเขาไปรับไปส่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ดีนะครับ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตามเต๊ะถือว่า มันเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าเพราะอย่างน้อยน้องอันดามันเขาก็มีคุณพ่อคุณแม่ที่คอยดูแล ต๊ะว่ามันเป็นเรื่องที่เราควรแฮปปี้กับมันนะครับ และส่วนตัวเต๊ะเต๊ะคิดว่ามันก็คงแอบขำๆ เหมือนกันว่า เฮ้ย...ก็อยากมีความสุขเหมือนเดิมซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเรื่องพี่วีเป็นยังไง เต๊ะไม่ทราบนะครับ เพราะเต๊ะก็ไม่ได้ไปถาม ปกติแล้วเราจะพูดเรื่องของเราสองคนมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่เต๊ะไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องของบ้านโน้น เพราะเต๊ะถือว่าเต๊ะให้เกียรติเขา"
"ถ้าเกิดเขากลับมาเป็นครอบครัวก็คงต้องออกไปจริงๆ แต่ถ้าถามว่าจะถึงขนาดไม่คุยมันคงไม่ใช่ เต๊ะไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว แล้วเต๊ะคิดว่าเขาก็คงไม่เปลี่ยน การที่เราเป็นเพื่อนรู้สึกดีกับใครมันเป็นเรื่องที่ทุกคนมีเพื่อนได้ แต่ถ้ามันเป็นกรณีที่การเป็นเพื่อนกับเขาแล้วทำให้คนอื่นไม่พอใจอันนั้นมันก็เป็นเรื่องที่พูดกันอีกทีหนึ่ง เพียงแต่ว่าตอนนี้เต๊ะยังเป็นเพื่อนกับเขา ไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นขึ้นมา เต๊ะคิดว่าการที่เต๊ะเป็นห่วงเป็นใยเขา เขาเป็นห่วงเป็นใยเต๊ะ ถามสารทุกข์สุขดิบเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกันได้"
การลดระดับความสัมพันธ์ครั้งนี้ “เต๊ะ” ยันไม่เกี่ยวกับวัยที่แตกต่างกัน
"จริงๆ เรื่องวัยไม่ห่างหรอกครับ ห่างไม่กี่ปีเองครับ บางมุมเต๊ะโตกว่าเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าบางทีเมื่อคนสองคนรู้จักกันมากขึ้นมันก็มีวิถี หรือการดำเนินชีวิตที่ต่างกันซึ่งมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เราไม่คุยกัน เพียงแต่ว่าเรามองเห็นว่ามันเป็นอย่างนี้ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปในรูปแบบของอีกความรักหนึ่ง เพราะถ้าวันใดที่ไม่พร้อมที่จะรับกับตรงนี้แล้วต้องมาทะเลาะกันผมว่าเป็นแบบนี้ดีกว่า”
“ถ้าถามว่างงไหม ผมก็ยังงงๆ กับตัวเองอยู่เหมือนกัน ก็ถ้าถึงช่วงเวลาหนึ่งมันก็จะค่อยๆ ออกมา ถามว่ารู้สึกดีก็ยังรู้สึกดีและยังเป็นห่วงเหมือนเดิมไหม ก็พร้อมให้คำปรึกษา ในทางกลับกันถ้าเต๊ะมีปัญหาเต๊ะก็ปรึกษาเขา เต๊ะถือว่าเขามีประสบการณ์มากกว่าเต๊ะในเรื่องบางเรื่อง"
ปฏิเสธข่าวรักล่มเพราะอุดมการณ์เรื่องการเมืองต่างกัน
"มันไม่เกี่ยวครับ ซึ่งการทำงานของเขาโยงให้เขาไปอยู่สีนั้นซึ่งมันช่วยไม่ได้ เหมือนอย่างเราไปอยู่บริษัทหนึ่ง และบริษัทนั้นดันยึดติดกับตัวตน มันก็เหมือนกับบริษัทของเสื้อแดงแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมือถือหรืออะไรต่างๆ เราไปกำหนดตรงนั้นไม่ได้ เราไม่รู้เหมือนกันว่าหัวหน้าเขาจะคิดยังไง การที่เขาเข้าไปทำเพราะว่าเขาอยากเป็นนักข่าว เขาอยากทำงานเป็นนักข่าว ชอบการเป็นผู้สื่อข่าวแต่เมื่อจังหวะโอกาสที่มาอยู่ตรงนี้มันดันไปเกี่ยวกับการเมือง แต่ถ้าถามว่าเขาเสียใจไหมเขาก็เสียใจ เพราะว่าเขาอยากอ่านข่าว ในเมื่อโอกาสตรงนี้มันหายไปแล้ว เขาก็พยายามทำในสิ่งที่มีให้ดีที่สุด"