“วินิจ” ยัน “หรั่ง ซิลลี่ฟูลส์” หาเรื่อง "โต แฮงแมน" ก่อน 2 ครั้ง จวกพฤติกรรมไม่เหมาะสม ห้ามขึ้นเวทีคอนเสิร์ต เตรียมทำหนังสือฟ้องอาร์เอสต้นสังกัดจัดการ
หลังจาก “โต ณัฐพล พุทธภาวนา” อดีตนักร้องนำวง “ซิลลี่ฟูลส์” มีปัญหากันในเรื่องอุดมการณ์ทางดนตรีกับอดีตสมาชิกร่วมวง“ต้น,หรั่ง ,ต่อ”จนถึงขั้นแตกหัก แยกวงกันไปคนละทาง ด้าน “โต” อดีตนักร้องนำก็ได้ไปตั้งวงใหม่ ในชื่อ “แฮงแมน”ในสังกัดแกรมมี่ ส่วน "ซิลลี่ฟูลส์" ย้ายสำมะโนครัวไปซบอก “Pirate Record”ในเครืออาร์เอสแทน และก็ได้นักร้องนำคนใหม่ “เบน เบนจามิน จุง ทัฟแนล” หลังจากนั้นทั้งสองวงก็ไม่เคยโคจรมาปะทะกันตามเวทีคอนเสิร์ตใดๆ จนกระทั่งในงานเทศกาลดนตรีฤดูฝน FINO RAINY MUSIC FESTIVAL ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ก็มีข่าวหลุดออกมาว่า “โต แฮงแมน” และ “หรั่ง ซิลลี่ฟูลส์” เกิดการเขม่นกันจนเกิดการทะเลาะวิวาทต่อยกันหลังเวที
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า วงแฮงแมน นำโดยโต นั้นได้ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตก่อนเวลาประมาณ20.30 น. โดยในการแสดงนั้น “โต แฮงแมน”ได้ร้องแต่เพลงดังของวง ซิลลี่ฟูลส์ ในอดีต“จิ๊จ๊ะ,น้ำลาย ,ขี้หึง, ผิดที่ไว้ใจ ,คนที่ฆ่าฉัน” ในขณะที่เพลงในอัลบั้มภายใต้วงแฮงแมนกลับเล่นเพียง ไม่กี่เพลง เช่นเพลง ช็อกโกแลต,เพลงรักเธอหัวทิ่มบ่อ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้"หรั่ง ซิลลี่ฟูลส์" (มือเบส) ที่ตามคิวแล้วต้องขึ้นแสดงต่อในเวลา00.05 น. เกิดความไม่พอใจ ทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันหลังเวทีคอนเสิร์ต ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
งานนี้ “วินิจ เลิศรัตนชัย” บอสใหญ่บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ได้พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ไม่ได้มีความรุนแรงถึงขั้นต่อยกัน แต่ยอมรับว่าเกิดมีปากเสียงกันขึ้นโดยฝ่ายหรั่ง ซิลลี่ฟูลส์เป็นคนหาเรื่องก่อนถึง 2 ครั้ง จนทำให้ตนเองตัดสินใจไม่ให้วงซิลลี่ฟูลส์ขึ้นแสดง เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมทั้งเตรียมทำหนังสือไปยังบริษัทอาร์เอสต้นสังกัด
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะมีปัญหาอะไรกันมา ตอนที่ผมจัดงานผมก็แค่ต้องการให้วงเขามาแสดงดนตรีเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงว่าเขามีปัญหาอะไรกันมาก่อน อันนี้ผมไม่รู้เลย เป็นเรื่องของพวกเขา แต่ก็คงเป็นธรรมดา ตามประสานักดนตรี ที่เวลาแยกวงอาจจะมีปัญหาทะเลาะกันบ้าง เหมือนกับ บี กับวงเครสเซนโด้ อะไรประมาณนั้น”
“เหตุการณ์วันนั้นก็คือในฐานะที่ผมเป็นคนจัดงานคอนเสิร์ต ผมก็แค่อยากทำให้คนดูสนุกกับงาน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาเคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน คือผมจัดวงให้แฮงแมนขึ้นเล่นก่อนตอน 2 ทุ่มนะ ซิลลี่ฟูลส์ขึ้นเล่นตอนประมาณ 5 ทุ่ม ซึ่งมันก็ห่างกันพอสมควร และผมจัดตามความเหมาะสมมากกว่า ว่าใครควรจะเล่นก่อน ไม่ใช่เพราะเขาทะเลาะกันแล้วผมจับแยกให้ขึ้นกันคนละเวลา”
“เหตุการณ์หลังเวทีวันนั้นเขาไม่ได้ต่อยกันนะ ไม่ถึงขั้นนั้น คือตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเขามีปัญหากันก่อนที่แฮงแมนจะขึ้นเล่น แต่ทราบมาว่าเรื่องมันเกิดมาจากหรั่ง (ซิลลี่ฟูลส์) คือเขาคงไม่พอใจเขม่นกันมา ก็แบบเพื่อนทะเลาะกัน เขาก็เดินไปหาโตที่รถแล้วเคาะกระจก ซึ่งตรงนั้นมันก็จบไปแล้ว หรั่งเขาก็จะยอมขอโทษโตนะ แต่ก็สุดท้ายไม่ได้ขอโทษเพราะเหตุการณ์มันวุ่นวายมาก”
“ หลังจากนั้นสักพักเดียว คนขับรถของวงซิลลี่ฟูลส์ ก็ไปหาเรื่องอีก ซึ่งผมเห็นว่ามันไม่ไหวแล้ว ผมไม่เอาแล้ว ซึ่งมันรับไม่ได้ ผมเลยไม่ให้วงซิลลี่ฟูลส์ขึ้นเวที หรั่งกับผจก.วงเขาก็มาขอร้องผมว่าอยากจะขอขึ้นเล่นคอนเสิร์ต ซึ่งเขาเองก็อยากขึ้นเวที แต่ผมก็ไม่ยอมเพราะถือว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว ซึ่งมันเกิดขึ้นตั้ง 2 ครั้งในคืนเดียว ผมรับไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจว่าไม่ให้เขาขึ้นเวที”
“ผมก็เลยจ่ายค่าตัวให้เขากลับไป (มีข่าวคนขับรถเมา)คนขับรถเขาเมาหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่ทราบนะ เขาก็เดินปรี่เขาไปหาโต ผมเห็นก่อนก็เลยให้การ์ดของผม คุมตัวออกไป แต่คงเข้าใจว่าเดือดแทนลูกพี่ เขาก็คงโกรธแทนลูกพี่อะไรประมาณนั้นนะ ซึ่งผมก็ไม่เอาแล้ว รับไม่ได้ ซึ่งตัวนักร้องวงซิลลี่ฟูลส์(เบน เบนจามิน จุง ทัฟแนล)เองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับโต ส่วนตัวโตเองก็ไม่ได้เห็นตอบโต้อะไรไปนะ ”
“ก่อนขึ้นเวทีผมผมเองก็ไม่รู้ว่ามาก่อนว่าซิลลี่ฟูลส์ กับแฮงแมนเขาจะเล่นเพลงอะไร เพราะไม่มีลิสต์รายชื่อเพลงที่จะเล่นมาให้ ผมทราบเพียงบางวงเท่านั้น ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบรายชื่อเพลงของวงแฮงแมนหรือวงซิลลี่ฟูลส์มาก่อน และผมก็ไม่ทราบ ที่โตเขาเล่นเพลงเก่าของ(ซิลลี่ฟูลส์)เลย เขาเป็นนักร้องและก็คงเป็นธรรมดาที่เขาจะเล่นเพลงที่สร้างชื่อเสียงของเขา เป็นผม ผมก็เล่น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเล่นเพลงอะไรบ้างแค่นั้น”
“ตอนนี้ผมก็ได้ทำรายงานไปทางต้นสังกัดอาร์เอสแล้วว่า พฤติกรรมเขาเป็นอย่างไร ซึ่งทางอาร์เอสก็คงรับทราบแล้ว ผมเองก็ยังยินดีที่จะจัดงานเพราะผมเองก็อยากจัดงานให้คนได้ดูสนุกๆ รูปแบบใหม่ๆ แต่มันก็คงขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมมากกว่า ซึ่งในงานนี้ภาพรวมแล้วมันก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมันยิ่งใหญ่เหมือนกัน”