ลือสนั่น “ปอยฝ้าย มาลัยพร” ติดยาบ้าจนถูกจับจนเกือบจะฆ่าตัวตาย เจ้าตัวยันไม่เคยข้องเกี่ยวยาเสพติด แม้บุหรี่ก็ไม่สูบ แต่ไม่ขอตรวจเลือดพิสูจน์เพราะคิดว่ายังไงเรื่องก็ไม่จบ วอนแฟนเพลงเห็นใจอย่าเชื่อข่าวลือ
นานๆ ทีจะมีข่าวนักร้องลูกทุ่งฉาวซักที ล่าสุดเจ้าของเพลงดัง “จังซี่มันต้องถอน” “ปอยฝ้าย มาลัยพร” ก็มีข่าวลือว่าข้องเกี่ยวกับยาเสพติด จนกระทั่งโดนตำรวจจับ โดยขณะนี้คดีอยู่ในช่วงชั้นศาล และเจ้าตัวเองก็ถึงกับเครียดหนักและเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว งานนี้นักร้องคนดังปฏิเสธว่าไม่จริง
“ไม่ครับ ผมไม่เคยคิดฆ่าตัวตายครับ ไม่เคยคิดเลย จริงๆ ข่าวนี่มันเป็นข่าวโคมลอยครับ ไม่จริงนะครับ ผมอยากให้แฟนเพลงวิเคราะห์หน่อย อย่าเพิ่งเชื่อ ผมถือว่าเรื่อนี้มันแรงมาก สำหรับผมก็แอนตี้กับพวกยาเสพติดมากๆ เพราะขนาดบุหรี่ผมก็ยังไม่สูบ มาบอกว่าผมติดยาบ้า ผมว่ามันแรงไป”
“คือมันจะมีช่วงหนึ่งที่หายไปวงเสียงอีสานประมาณกลางเดือนพฤษภาคม เพราะเราพักวงช่วงฤดูฝน คือหนึ่งปี เราจะพักอยู่แล้วสี่เดือน เขาก็คงอาจจะคิดว่าหายไปไหน ซึ่งช่วงที่พักผมก็ไม่ได้ออกไปแสดงเพราะผมอยู่ที่อุดรธานี ก็ไปนอนอยู่ที่ไร่สบายๆ ไม่รู้เลยว่ามีข่าวนี้ สำหรับข่าวผมก็ไม่รู้ครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันออกมาได้อย่างไร บางคนบอกอาจจะเป็นเพราะบริษัทสร้างกระแสให้ศิลปินตัวเอง ไม่เลยครับ”
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า “ปอยฝ้าย” ลงทุนไปซื้อยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าตัวบอกขึ้นเครื่องไปอุดรฯ ยังไปไม่ถูก นับประสาอะไรกับนั่งเครื่องไปต่างประเทศ
“สิงคโปร์ ผมไม่เคยไปเลย ขนาดจากกรุงเทพฯ ไปอุดรฯ ขึ้นเครื่องผมยังไปไม่ถูกช่องเลย อันนี้พูดจริงครับ สำหรับการแสดงก็ไม่เคยไปเล่นที่นั่นเลย เคยไปแต่ไต้หวัน แล้วนี่จะไปยุโรปวันที่ 19 ส.ค.นี้ จะมีก็แต่ไปเยอรมนี ไปฝรั่งเศส”
รับตอนแรกที่รู้ข่าวรู้สึกแย่ รวมไปถึงครอบครัวด้วย แต่ตอนนี้ทำใจกันได้แล้ว ซึ่งรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง
“สภาพจิตใจผมตอนนี้ก็ที่จริงก็ดีขึ้นแล้วครับ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อยากให้มีแต่ข่าวดีๆ มากกว่า คงไม่มีใครอยากให้ตัวเองมีข่าวเสียหาย กว่าเราจะสร้างชื่อเสียงมาถึงตรงนี้ได้ กว่าจะสร้างมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพียงแค่ข่าวเดียวก็ทำให้แฟนเพลงหรือคนที่รักเราหมดศรัทธาในตัวเราได้ แค่เขาเชื่อในข่าวมันก็จะทำให้ความศรัทธาของเขาลดลงๆ ซึ่งใครๆ ก็คงไม่อยากเจอข่าวที่ไม่ดีครับตอนนี้ผมไม่ค่อยคิดอะไรมากครับ”
“ส่วนทางครอบครัวตอนแรกก็ซีเรียสครับ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วจากที่สื่อมวลชนช่วยกันขยายข่าว แล้วก็จะมีแฟนเพลงก็โทร.มาถามให้กำลังใจก็ดีขึ้น ผมไม่เคยคิดที่จะออกจากวงการอะไรครับ เพราะผมคิดว่ามันสนุกท้าทายดีชอบ ชอบผาดโผน ขนาดคนใกล้ชิดผม พี่น้องกันจริงๆ พอได้ยินข่าวครั้งแรกเชื่อเขาไปแล้วหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว อาจเป็นเพราะผมผอม ตัวเล็กแต่ผมก็ตัวเล็กมาอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด คือถ้าใครจะคิดไปแบบนั้นคิดให้มันเหมือนมันก็คงเหมือนครับเพราะว่าผมผอม”
“แต่ผมเคยคิดนะครับว่าอาจจะเป็นผู้ที่ไม่หวังดีกับเราหรือเปล่า ก็ต้องมีก็มีบางก็มีศัตรูเหมือนกัน แต่ก็คงไม่ถึงขนาดที่จะมาทำร้ายร่างกายอะไรกัน เพราะว่าผมก็ไม่เคยทะเลาะอะไรกับเขา แต่ว่าก็คนเรามันก็คงต้องมีคนที่ชอบและไม่ชอบครับ ผมคิดแบบนั้นนะ แต่ผมก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าปากต่อปากมากกว่าครับ”
“ผมว่ากาลเวลาน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดเอง และผมเชื่อว่าแฟนเพลงที่เขาเข้าใจมันก็คงสรุปให้เราเองว่ามันเป็นยังไงแบบไหน เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำแบบนั้น ผมคิดว่าคนดีผีก็คุ้มครับ ถ้าเขาจะเอาผมไปเจาะเลือดเพื่อพิสูจน์เลยมันก็ไม่จบอยู่ดี มันจะเป็นการต่อยอดของคนที่ชอบสร้างกระแสไปเรื่อยๆ อีกนะครับ”
ฟุ้งข่าวไม่มีผลกระทบต่อเรื่องงาน มีแต่คนโทร.มาให้กำลังใจ
“กับข่าวนี้ส่งผลต่อเรื่องงานก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีครับ วันแรกที่มีข่าวมีคนโทร.เข้าเครื่องประมาณสามพันกว่าสายที่ไม่ได้รับ ก็มีแฟนเพลงบางคนที่โทร.เข้ามาแล้วเรารับเขาก็บอกเขาเป็นห่วง ให้กินข้าวเยอะๆ เขาจะได้ไม่ว่าเราเสพยาบ้ายาอีอีก”