“ซากปลาไหล” ทำซ่า จี้ “มาร์ค” ปลด “กษิต”

“เอกพจน์” ซากเน่าปลาไหลทำซ่า จี้นายกฯ ปลด “กษิต” อ้างมีความไม่เหมาะสม และเพื่อลดความแยกแยกในสังคม พร้อมเรียกร้อง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลช่วยแสดงท่าทีกดดัน หลังฝืนใจยกมือโหวต

นายเอกพจน์ ปานแย้ม อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย กล่าวถึงการลงมติไว้วางใจนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนน้อยที่สุดว่า ตนอยากให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการแสดงออกถึงความไม่ต้องการให้นายกษิตเป็นรมว.ต่างประเทศต่อไป ควรเสนอแนะทั้งเหตุและผลความเหมาะสมต่างๆ ให้พรรคแกนนำรัฐบาลหรือนายกฯได้รับทราบถึงท่าทีของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ที่แม้ว่าจะรู้สึกขัดใจตัวเอง แต่ก็ต้องยกมือไว้วางใจตามมติพรรคร่วมรัฐบาล

นายเอกพจน์อ้างว่า ความเป็นนายกษิตไม่สามารถลบล้างได้ว่าเขาไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งแล้ว พรรครัฐบาลควรมีคนที่เหมาะสมและภาพลักษณ์ดีกว่านี้ เพื่อให้มาเป็น รมว.ต่างประเทศไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นนายกษิตจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่นายกษิต ซึ่งการออกมาเรียกร้องให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลแสดงท่าทีออกมานั้น ตนไม่ได้หมายความว่าจะให้มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่อย่างน้อยควรได้นำเสนอข้อเสนอแนะออกไปบ้าง ไม่ใช่แค่ก้มหน้าก้มตาลงมติ แต่ต้องขัดใจตัวเอง

“เท่าที่ผมได้รับทราบสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนหลายพรรค จำต้องฝืนใจแม้แต่สมาชิกในพรรคชาติไทยพัฒนาเองหลายคนก็ไม่เห็นด้วย แต่ต้องฝืนความรู้สึก ซึ่งผมก็เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อย และถ้าเป็นผมก็จะบอกให้ชัดเจนโดยจะทำการรวบรวมรายชื่อเพื่อน ส.ส.และนำไปแจ้งให้พรรคแกนนำรัฐบาลหรือนายกฯ ได้รับรู้ หากยังดื้อดึงต่อไป สังคมจะยังความขัดแย้ง ขอเถอะขอให้ทุกคนทำเพื่อสังคมไทย และความสมานาฉันท์ของคนในชาติ ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งภายในสังคมยังจะมีแต่ความแตกแยกของคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้อยู่ตลอดเวลา” นายเอกพจน์ กล่าว

สำหรับนายเอกพจน์ อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อเสียงระดับปานกลาง ในนาม “เอกพจน์ วงษ์นาค” เป็นนักการเมืองที่มีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรฯ มาตลอด โดยในช่วงที่พันธมิตรฯ เข้าไปชุมนุมประท้วงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น นายเอกพจน์ได้ร่วมกับ ส.ส.รัฐบาล 60 คนเข้าชื่อเรียกร้องให้นายกฯ จัดการกับพันธมิตรฯ อย่างเด็ดขาด โดยใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และขู่ว่าจะจัดม็อบชาวบ้านจังหวัดละ 2 หมื่นคนมากดดันด้วย

หลังจากพรรคชาติไทยถูกยุบเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.51 ซึ่งทำให้นายเอกพจน์ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย ในฐานะรองโฆษกพรรคชาติไทย และในวันที่ 3 ธ.ค.นายเอกพจน์ยังคงให้สัมภาษณ์ว่า ส.ส.จากอดีตพรรคชาติไทยจะจับขั้วกับพรรครัฐบาลเดิม แม้จะมีการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนายกฯ ก็จะสนับสนุน และมองว่าคนที่จะเป็นนายกฯ ต้องมีบุคลิกที่แข็งเพื่อให้สามารถต่อรองกับพันธมิตรฯ ได้

อย่างไรก็ตาม นายเอกพจน์มักตกเป็นข่าวในทำนองชอบใช้ความรุนแรงอยู่เสมอ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2552 ได้ก่อเหตุชกต่อยนายธวัชชัย อึ้งอัมพรวิไล นายกเทศมนตรีตำบลบางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ระหว่างที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยคณะจากการกีฬาแห่งประเทศไทยไปตรวจสนามกีฬาจังหวัดปทุมธานี

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.51 นายเอกพจน์ ถูกนางชลธิชา ปานแย้ม ภรรยา ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปทุมธานี ในข้อหาแพร่เชื้อโรคร้ายและทำร้ายร่างกาย รวมทั้งยังแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จในส่วนของนางชลธิชาภรรยาว่ามีทรัพย์สิน 2.58 ล้านบาท ทั้งที่นางชลธิชาไม่มีทรีพย์สินใดๆ