“พิ้งค์กี้” เคลียร์ข่าวถูกไฮโซ “ทิว” ตีต้น แจง สนิทแต่ไม่เคยเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้น ส่วนข่าวอดีตหวานใจ “อั้ม” กำลังซุ่มคบ “นัท มีเรีย” เจ้าตัวบอกไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนัทสนิทกับตน คงไม่คบกับคนใกล้ตัวขนาดนี้ แต่เผื่อใจหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เหนือความคาดหมาย
หลังจากปิดฉากรักกับแฟนหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” ไปหมาดๆ ก็มีคนตาดีเห็นนางเอกสาว “พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช” ไปเล่นตีก้นกับไฮโซเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นามว่า “ทิว” ในฟิตเนส บ่งบอกถึงความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดา แต่พอสอบถามไปเจ้าตัวก็รีบปฏิเสธพัลวัน ยอมรับไปเที่ยวกันจริง แต่ไม่เคยไปฟิตเนสด้วยกัน ที่สำคัญถึงขั้นตีก้นขนาดนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้
“จริงๆ ไม่ได้ไปเล่นฟิตเนสกับเขานะคะ แต่กี้ไปกับทิวหลายๆ ที่ค่ะ เหมือนกับว่าไปเที่ยว ที่จับก้นกันไม่มีค่ะ ถ้าจะเล่นกันก็อาจจะมีบ้างเพราะว่าเขาเป็นฝรั่ง มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว มันเป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ฉะนั้นทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว แต่ยืนยันได้เราไม่ได้ตีก้นนะ แต่อาจจะทำอย่างอื่น แกล้งตีหัวกันมากกว่า คือเหมือนกับว่าเราก็ไปไหนมาไหนกันบ้างแต่ไม่ได้บ่อยทุกวัน”
“ความสัมพันธ์กับทิวก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ตอนนี้ก็มีหลายคนที่เป็นเพื่อน ก็คุยกัน โอเคล่ะ เราก็ไม่ได้มีใคร เราก็คุยได้ คนไหนจะเป็นนัมเบอร์วันหรือเป็นแฟนจริงๆ คงยังไม่ใช่ค่ะ”
“ถ้าถามว่าศึกษากันไหม ก็ศึกษากันเป็นเพื่อนนะ คุยกันได้ทุกเรื่อง คุณแม่ก็รู้จัก ทิวก็เป็นคนดีคนนึง แต่ยังไม่ถึงอนาคตที่จะเป็นแฟน แล้วจะพัฒนาหรือไม่นั้นอนาคตเราไม่รู้ แต่ตราบใดที่เรามีคนที่คุยแล้ว ก็เป็นเพื่อนที่ดีกันไป เหตุการณ์ที่ผ่านมามีหลายเรื่องเกิดขึ้น หลายอย่างมากอย่างที่พี่อั้มได้บอกไป เราก็อย่าเครียดกับชีวิตเรามาก ฉะนั้นคนที่เข้ามาตอนนี้ก็ขออะไรที่แบบสบายๆ ไม่เครียดมาก”
ที่ร่าเริงเร็วไม่ได้เป็นเพราะมีหนุ่มทิวมาดามใจ แต่เป็นเพราะไม่อยากจมปลักกับความเสียใจ
“เสียใจสิ คนเราคงเสียใจนานไม่ได้ เราก็ควรจะยืนให้เร็วที่สุด คนก็จะถามกี้ว่าทำไมกี้ไม่เสียใจเลย เห็นหน้ากี้ระรื่นมาก กี้ก็พยายามทำให้มันแฮปปี้มากที่สุดอย่างที่บอกเรา ก็ไม่สามารถมีใครใหม่ได้เร็วขนาดนั้น มันเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไปเมื่อเดือนที่แล้วเอง”
ส่วนกรณีที่อดีตหวานใจ “อั้ม” มีกระแสข่าวว่าตอนนี้กำลังกิ๊กกั๊กกับ “นัท มีเรีย” นั้น สาวพิ้งค์กี้บอก ถ้ากิ๊กกันจริงๆ ก็เหนือความคาดหมาย
“พี่นัท มีเรียเป็นพี่คนนึงที่กี้ให้ความเคารพ เป็นพี่สาว เพราะฉะนั้นเขาจะไปทำอะไรก็เป็นเรื่องที่เขารู้จักกันนานแล้ว ไม่น่าจะมีอะไร เราก็ไม่ได้คุยกับพี่อั้มเหมือนเดิม ฉะนั้นพี่อั้มเขาทำอะไรเราก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวค่ะ”
“กี้ว่าไม่น่าใช่นะ เพราะพี่อั้มเป็นคนเซ็นส์ซิทีฟและรักคนยาก อันนี้กี้ก็ไม่รู้ ไม่ขอออกความเห็นแล้วกัน ถ้าเขาคบกันจริงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่คือถ้าเป็นจริง คงเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ดี เพราะเวลาเราไปแฮงค์เอ้าท์ก็จะมีพี่นัทด้วย มันก็ไม่มีอะไร อีกอย่างเราก็ให้เกียรติพี่เขาด้วย”
ถึงกับงงที่รู้ข่าวว่าฝ่ายชายร้องไห้ เพราะยังคิดถึงตนอยู่ ถาม ในเมื่อเป็นคนทำเอง จะร้องทำไม
“ร้องไห้เลยเหรอ ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนั้น ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วแต่พี่เขา หนูไม่รู้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยพี่เขาเอง หนูเต็มร้อยให้กับทุกอย่าง ณ วันนึงมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ถ้าเขาจะร้องไห้ก็แล้วแต่เขาค่ะ เราก็ร้อง แค่ตอนนี้ไม่ร้องแล้วเท่านั้น จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งขนาดนั้น แต่ไม่ได้เป็นคนเซ็นส์ซิทีฟและก็ไม่ได้เป็นคนที่มามองอดีตแล้วร้องไห้ ในเมื่อเลือกแบบนี้แล้ว ไปกันไม่ได้จริงๆ เราก็บอก เราก็ไม่ได้บังคับใคร”
“ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาทำอะไร คือเราสองคนไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีต่อกัน ทุกอย่างเหมือนเดิม ด้วยความเราอาจจะคุยกันแล้วไม่เข้าใจกัน ไปกันไม่ได้ ก็หยุดซะดีกว่า ดีที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ ดีกว่าในอนาคตเถียงและทะเลาะกัน พี่เขาก็ไม่ได้เป็นคนบอกเลิก แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เราขอหยุดความสัมพันธ์กันทั้งคู่”
“กี้ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะคะ เรางงมากกว่า แค่นั้นเอง พี่เขาอาจจะเซ็นส์ซิทีฟมั้ง มีเรื่องอะไรมากมายที่ทำให้เขาคิด แต่ถ้าเราทำอะไรไว้ไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ”