xs
xsm
sm
md
lg

รวบผู้กำกับเปิงมาง โกงเงิน “เพชร” 3 แสน เจ้าตัวโวยไม่จริง เตรียมแถลงอัดเละพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เพชร สรภพ” พร้อมด้วยแม่บุญธรรมและแฟนสาว เดินทางไปที่สน.ลาดพร้าว หลังจากเจ้าหน้าที่รวบตัว “เชนทร์ ณัฐพีระ” ผู้กำกับหนังเปิงมาง ในคดีฉ้อโกงได้แล้ว หวิดปะทะกันหลังผู้กำกับหนังดังโวยวายว่า เพชรไม่เกี่ยวมายุ่งทำไม พร้อมกับจวกว่า ถ้าอยากดังก็ให้ไปมีเรื่องกับ “ไกรสร” ซ้ำเตรียมแถลงโต้ในวันพรุ่งนี้ที่บ้านย่านรามคำแหง

หลังจากที่ “เพชร สรภพ ลีละเมฆินทร์” และ “สุพรรณี สุประการ” แม่บุญธรรม เข้าแจ้งความที่สน.ลาดพร้าวเมื่อวันที่ 23 มกราคม กรณีที่ถูก “เชนทร์ ณัฐพีระ ชมศรี” ผู้กำกับหนังเปิงมางฉ้อโกงเงิน 250,000 เพื่อไปเปิดบริษัทหนังเพื่อรับตัดต่อหนัง แต่กลับเชิดเงินหายไปติดต่อไม่ได้ และเมื่อวันที่ 27 มกราคมก็เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า ถูกผู้ไม่หวังดีส่ง SMS ข่มขู่ทางโทรศัพท์ ซึ่งครั้งนั้นเพชรก็เปิดเผยว่า ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร แต่กำลังดำเนินคดีฉ้อโกงผู้กำกับคนดัง

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา(4/ก.ค./52) เพชรและแม่บุญธรรมพร้อมด้วยแฟนสาว “อ้อย ธิดารัตน์ อรรถรัตน์” ก็ได้เดินทางไปที่สน.ลาดพร้าวอีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ว่า ได้จับกุมตัวนายเชนทร์ ณัฐพีระ ชมศรี ตามหมายจับศาลพระนครเหนือ เลขที่ จ.366/2552 ลงวันที่ 20 ก.พ. 52 ได้ที่ลักกี้แมนชั่น เลขที่ 5 ซอยรามคำแหง 81/4 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมากเขตบางกะปิ กทม.

พอไปถึงก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเมื่อเพชรได้เข้าไปชี้ตัว และถูกเชนทร์ต่อว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ายุ่งทำไม ถ้าอยากดังก็ให้ไปมีเรื่องกับไกรสร(ไกรสร แสงอนันต์) จนเกือบจะเกิดการปะทะกัน ซึ่งภายหลังจากให้ปากคำจากหน้าที่ทั้งสามคนก็ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนทางด้านผู้กำกับไม่ขอให้สัมภาษณ์แต่เตรียมแถลงข่าววันจันทร์ที่ 6 กรกฏาคมนี้ที่บ้านพักย่านรามคำแหง

เพชร “พอดีผมจัดรายการวิทยุอยู่ FM 95 อสมท.อยู่ แล้วทางสน.ลาดพร้าวได้โทรไปที่บ้านและแจ้งคุณแม่ว่าสามารถตามตัวคุณเชนทร์ผู้กำกับหนังเปิงมาง ที่ยักยอกเงิน 2.5 แสนบาทได้แล้ว คุณอ้อยก็เลยโทรไปหาผมก็รีบมาที่นี่ทันที พอมาถึงทางตำรวจก็ให้ผมเข้าไปชี้ตัว เขาก็โวยวายเลยว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวกับผม ไม่ใช่คดีฆ่าคนตายพานักข่าวมาทำไม เขาหาว่าผมอยากดัง ถ้าอยากดังก็ไปมีเรื่องกับพ่อผมโน่น ผมก็บอกไปว่า ครอบครัวผมยังไงมันก็ต้องเกี่ยวกับผมอยู่แล้ว เขาก็บอกงั้นก็ไปคุยกันที่ศาลก็แล้วกัน”


อ้อย “คือก่อนหน้านี้อ้อยเปิดสตูดิโอถ่ายภาพและก็หาเด็กไปถ่ายแบบด้วย ส่วนเขาก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง เขาก็บอกว่า เขาเคยทำพวกพริตตี้อะไรแบบนี้ และเขาก็พาพวกน้องๆ มาถ่ายรูปสตูดิโอเรา ก็รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน พอปิดสตูดิโอไปก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกัน มาเจอกันอีกทีก็ตอนที่เขาก็เข้าไปอยู่ในวงการ เพชรก็เข้าวงการเหมือนกัน เราก็ไปเจอกันตามงาน พอเจอกันก็ทักทายกันตามประสาคนเคยรู้จักกันก็ดีใจที่ได้เจอกัน”

หลังจากนั้นพอสนิทกันเขาก็เริ่มมีโครงการขึ้นมา เขาก็บอกว่าเขามีโครงการจะมีคนให้ทำรายการ ทำหนัง ทำเคเบิ้ล แต่เขาไม่มีโอกาสไม่มีงบ ไม่มีคนสนับสนุน ที่บ้านก็ไม่ช่วย แฟนเขาก็ไม่ช่วย ถ้าเกิดว่าไม่เปิดบริษัทลำพังตัวเขาเองก็เหมือนผู้กำกับทั่วไปจะรับงานชิ้นใหญ่ถ้าไม่มีบริษัทไม่เชื่อถือ หลังจากนั้นเขาก็ขอร้องให้อ้อยกับเพชรช่วยคุยกับคุณแม่ ที่เขาบอกว่าเพชรไม่เกี่ยวก็เลยงงว่าไม่เกี่ยวได้ไง ตอนนั้นเราก็นับถือเขาเหมือนพี่ ก็มารบเร้าแม่เปิดเถอะ”

เพชร “ผมศรัทธาเขามากเลย พี่เขาเป็นเหมือนผู้กำกับเขาก็มาคุยกับผม และเขาก็เล่าเรื่องชีวิตรันทดของเขาให้ฟัง ผมก็เลยมาช่วยพูดกับแม่เพราะสงสารเขา”

เผยสาเหตุที่เชื่อใจให้เงินนับแสนไปลงทุน
อ้อยมันเหมือนการซื้อใจ ช่วงนั้นเขาไปหาเราบ่อยมาก และเขาก็มีลูกตัวเล็กคิดว่าเขาคงไม่น่าจะคิดสั้นตัดอนาคตตัวเอง เขาเองก็เป็นถึงผู้กำกับหนังเงินแค่นี้จะทำ เขาสนิทกับเรามากๆ เวลาไปที่บ้านก็ทำเหมือนเป็นบ้านเขา ไปกินไปนอนที่บ้าน ความสนิทกันก็เลยทำให้เกิดความไว้ใจ แม่ก็เลยให้เงินไปเปิด 2.5 แสน นอกจากนั้นก็ยังไปซื้อของอุปกรณ์ออฟฟิศให้ด้วย”

“คือเขาคุยว่าจะเปิดเป็นบริษัทหนังแบบเล็กๆ และก็ไปรับงานบริษัทใหญ่มาทำจะรับเงินเป็นก้อนมาบริหารเอง เขาก็วางอนาคตไว้เลยว่า ถ้าแม่ทำนะต่อไปเพชรจะสบายด้วยนะมีงานรองรับ”

แม่ “แม่ก็เลยมองไปถึงอนาคตข้างหน้า เออ...ถ้าเราลงทุนไปแล้วลูกก็จะได้มีอนาคต ก็เลยคิดว่า ไม่เป็นไรหรอกก็ขอให้ลูก(เชนทร์) ตั้งใจทำงาน ขอให้ตั้งใจทำจริงๆ นะ เขาก็โอ้ยจริงอยู่แล้วแม่ไม่ต้องห่วง ผมโตแล้วนะมีลูกแล้วมีครอบครัวแล้ว แม่ก็ยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่”

เริ่มผิดสังเกต
อ้อย “เริ่มผิดสังเกตหลังจากที่เขาได้เงินไปแล้ว นัดไว้ก็ไม่มาตามนัด โทรศัพท์ไปก็ติดต่อไม่ค่อยได้ และก็ชอบโกหก มีครั้งหนึ่งที่จับโกหกเขาได้ เขาบอกว่าเขาไปเขมรกับพี่ปื๊ด(ธนิตย์ จิตนุกูล) ที่เป็นผู้กำกับ แต่เพื่อนเขาที่มาด้วยเป็นคนโทรบอกเราเอง พี่ปื๊ดไม่ได้ไปพี่ปื๊ดอยู่สุพรรณโทรเชคได้ คือเขาก็โกหกเราแล้ว และก็เขาก็ให้ภรรยาของเขาโทรมาโกหกเราด้วย เราก็เริ่มเอะใจ”

“พอเดือนมกราคมก็ตัดสินใจเข้าไปถามที่ห้องบันทึกเสียงที่รามอินทรา ซึ่งเป็นห้องบันทึกเสียงที่เขาเคยพาเราไปดูมาแล้ว บอกว่าจะซื้อเครื่องตัดที่นี่ พาไปเลือกว่าจะเอาแบบไหน เราก็เลยเข้าไปถามเจ้าของ ซึ่งเจ้าของเขาก็บอกว่า วันนั้นที่เชนทร์พามาดูคือพามาดูเฉยๆ ว่าห้องตัดเป็นยังไง เครื่องเป็นแบบนี้ ไม่ได้มาสั่งซื้อ ทั้งๆ ที่เขาบอกกับเราว่าจะสั่งที่นี่ ซึ่งพอเรารู้อย่างนั้น เรารู้ทันทีว่าเขาโกหกเรา ก่อนที่จะมาแจ้งความก็โทรไปหาเขาก่อนว่าทำไมโกหก เขาก็เริ่มใช้อารมณ์ในการพูด”

แม่ “เขาบอกแม่ว่า ช่วยบอกน้องอ้อยด้วยว่าอย่ามายุ่งอะไรกับผมมาก”

เพชร “คือหลังจากเขาได้เงินเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย”

อ้อย “แมสเสจที่บอกให้เราโอนเงินเพราะจะไปซื้อของอ้อยก็ยังมีเก็บไว้อยู่ เขาบอกว่าพี่นิดจะไปซื้อของวันนี้แล้วแต่จะออกตังค์ให้ก่อน”

แม่ “คือทั้งหมดมัน 3.5 แสนยังไงให้รีบโอนเงินมานะ แต่เราโอนไปให้เขา 2.5 แสน แต่เราก็คิดนะว่า มันเป็นไปได้เหรอเครื่องตัดต่อ 3 แสน คิดว่ามันไปไม่ได้ แต่น้องอ้อยบอกว่าเป็นไปได้ หลักฐานการโอนเงินมามีครบค่ะ แต่ไม่ได้มีสัญญาว่าจะทำบริษัทเพราะแม่เชื่อใจ ตอนนี้ก็คงจะปล่อยให้เป็นเรื่องของทางกฎหมาย ก็เสียใจนะทำไมเป็นแบบนี้ เราดีกับเขาสงสารเขาทำไมเขามาตอบแทนเราแบบนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจบยังไง เพราะตัวเขาไม่ยอมคุยกับเรา ถ้าตอนนี้เขาขอโทษและเอาเงินมาคืนเราก็คงจะจบ”

อ้อย “จริงๆ เขาควรจะขอโทษเราตั้งแต่เราเดินขึ้นมาบนโรงพักแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาทำเหมือนเราไม่มีตัวตน ทำเป็นมองไม่เห็นเรา”

สำหรับ “เชนทร์ ณัฐพีระ ชมศรี” นั้น จบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยศรีปทุม คณะนิเทศศาสตร์สาขาโฆษณา เอกภาพยนตร์ จบการเขียนบทภาพยนตร์จาก บริษัทนาคาเซีย จำกัด จบการกำกับภาพยนตร์จาก กันตนาเอ็นดูเทนเมนท์ อินเตอร์เนชั่นเนล เคยทำงานตำแหน่งอาร์ตไดเรกเตอร์ รายการทไวไลท์โชว์ ,เขียนสคริปให้บริษัทไอริม ,ครีเอทีฟโฆษณา บริษัท แอ๊ดมีเดีย จำกัด ,(ฟรีแลนซ์)เขียนสคริปโปรดักซ์ บริษัท เดโม่พาว์เวอร์ จำกัด (ฟรีแลนซ์),เอเจนซี่โฆษณา บริษัท สตาร์เซ็นเตอร์ จำกัด (ฟรีแลนซ์),กำกับโฆษณาเมเจอร์โบว์ กำกับโฆษณาของ ปตท.,กำกับโฆษณาเซเว่น ของสิงคโปร์ ผลงานกำกับภาพยนตร์ เปิงมาง





กำลังโหลดความคิดเห็น