xs
xsm
sm
md
lg

“พิงค์กี้” รับยังเจ็บที่ต้องเจอหน้า “อั้ม อธิชาติ” ด้านฝ่ายชายรับควง “นัท” ไปทำบุญจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พิงค์กี้” รับยังเจ็บที่ต้องเจอหน้า “อั้ม อธิชาติ” เผยกว่าจะทำใจได้ก็เสียน้ำตามาแล้วหลายครั้ง ยันทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว โต้ข่าวควงหนุ่มคนใหม่ ลั่นตอนนี้ไม่พร้อมเปิดรับใคร ด้านอั้มบอกยังเป็นห่วงพิงค์กี้เหมือนเดิม ยืนยันว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว แจงข่าวควง “นัท มีเรีย” ไปทำบุญ บอกสนิทกันในฐานะพี่น้อง

ต้องมาเจอะเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากที่เลิกรากันไปได้เกือบหนึ่งเดือน สำหรับอดีตคู่รักข้ามช่อง “พิงค์กี้ สาวิกา ไชยเดช” และหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” ในงานครบรอบ 4 ปีของหนังสือพิมพ์สยามดารา ที่ร้าน Retro Café ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานนี้สาว “พิงค์กี้” เผยว่ารู้มาก่อนว่าจะต้องเจอ แต่ก็อดใจหายไม่ได้

“รู้ค่ะว่าต้องมาเจอ เมื่อกี๊ก็เจอกันอยู่ ก็โอเค ไม่ได้คุยกันมาก แต่ก็ทักกัน ก็คุยกันนิดหน่อยค่ะ ความรู้สึกแปล๊บๆ มันก็มีบ้าง ก็คือเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ เป็นพี่น้องกันเราก็แฮปปี้ ถ้ามันไม่ใช่เราก็คิดอยู่ว่าโอเคมันถึงเวลาของมันแล้ว เราก็ไม่อยากฝืนมัน ก็ทำใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ เขาก็คงทำได้ กี้ก็ทำได้ ก็ต้องเหมือนกันน่ะ ผ่านมาแล้ว ชีวิตเราก็ต้องแฮปปี้ ไม่อยากจะมานั่งจมทุกข์”

“ความสัมพันธ์ก็เป็นเพื่อนกันแล้วค่ะ ไม่ได้เป็นแฟนกันเหมือนอย่างที่บอกไปแล้ว ตอนนี้ก็มีข่าวออกมาเยอะมากแล้วก็ยังไม่มีโอกาสได้ออกมาพูด วันนี้ก็เลยออกมาพูด ต่างฝ่ายก็โดนกันเยอะ แต่มันเหมือนกับว่าคนเราเวลาคบกัน แล้วสักพักหนึ่งถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่มันก็คงต้องจบ เพราะว่ามันก็คงไม่สามารถพยายามต่อไปได้ ช่วงที่ผ่านมาคือไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร คือถ้าเกิดของกี้ใช้คำว่าห่าง กี้ไม่ห่างนะ กี้เดินหน้า คือกี้จะไม่มีถอยหลังแล้วมาคิด คือกี้จะเดินหน้าแล้วก็จะก้าวต่อไป แต่ว่าถ้าเลิกก็คงจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะ”

ความรู้สึกมันก็ไม่ถึงกับเศร้ามันงงมากกว่า(หัวเราะ) มันไม่ใช่ใครบอกใครก่อน คือไม่ได้บอกเลิกกัน มันเป็นเรื่องของคนสองคน เราพูดไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่เอาเป็นว่าเราสองคนหยุดไว้แล้วกัน ส่วนประเด็นที่ว่าเขามีคนใหม่หรือเปล่าอันนี้หนูไม่ทราบ ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าหนูไม่ได้คุยกับเขาในลักษณะแบบนั้นตั้งนานแล้ว ประมาณเกือบเดือนแล้วค่ะ ตอนนี้เราก็มุ่งหน้าที่ของเราไป เขาเรียกว่าเดินทางคนละเส้นทางแล้วค่ะ”

พร้อมโต้ที่ว่าสาเหตุการเลิกราครั้งนี้เป็นเพราะหนุ่ม “อั้ม” งอนที่ตนจะไปต่างประเทศ พร้อมกับที่มีฉากเลิฟซีนเยอะเกินไป
“งอนเหรอ ไม่น่าจะงอนนานขนาดนี้(หัวเราะ) กี้ว่ากี้ก็ทำดีที่สุดแล้ว กี้เต็มร้อยแล้วกี้ก็โอเคล่ะ เราแฮปปี้เราทุ่มเทกับเขาให้ดีที่สุด คือนี่ไม่ได้งอนแล้วล่ะ มันเป็นการห่างกัน และมันก็เป็นการตกลงกันแล้วว่าเราควรจะเดินทางกันนะ”

“ไม่ใช่พูดคำว่าเลิก คือมันงงๆ น่ะ คือห่างกันดีกว่า แต่เราก็โอเค ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราก็ต้องเข้มแข็ง เขาก็โทรมาค่ะ โทรมาวันเกิดบ้าง โทรมาคุยเรื่อยๆ ค่ะ ก็ถือว่าคุยกันแบบไม่ได้เกลียดกัน เราไม่ได้เกลียดกัน เรายังเหมือนเดิม แต่หมายถึงว่าเราแค่ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว เขาไม่ได้ง้อค่ะ แต่ก็พยายามคุยให้เข้าใจกันมากกว่า แต่ก็ต้องมีเสียน้ำตาบ้าง แต่เสียใจมากกว่า กี้เสียใจเฉยๆ แต่ว่าเราก็ผ่านระยะนั้นมาแล้ว ตอนนี้ก็แฮปปี้แล้วก็บอกไว้เลยว่า ถ้าเกิดใครจะเข้ามาก็ยังไม่ใช่น่ะค่ะ ตอนนี้ไม่พร้อมเลย”

“จริงๆ จุดยืนของกี้ก็มีอยู่แล้ว จุดยืนของกี้ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทุกคนก็รู้ว่ากี้เป็นยังไง ถ้ารักใครกี้ก็รักจริง เห็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตั้งแต่กี้คบกับเขาแรกๆ กว่ากี้จะบอกว่ากี้เป็นแฟนกับเขามันก็ใช้เวลานานมาก(หัวเราะ) ฉะนั้นกว่าจะเป็นถึงจุดนั้นถ้าเกิดเราเลิกคบกันแล้วกี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เราทำผิดหรือเปล่า แต่กี้ก็ทำดีที่สุดแล้วล่ะ อย่างที่บอกว่าถ้ากี้รักใครกี้รักจริง แล้วถ้าเกิดกี้บอกว่าคนนี้คือเพื่อน กี้ก็บอกเพื่อน แต่ถ้าคนนี้แฟน กี้ก็บอกว่าแฟน สำหรับเขาตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วค่ะ ก็เสียใจ”

เผยว่าช่วงวันเกิดที่ผ่านมาไม่มีหนุ่ม “อั้ม” คอยอยู่ข้างๆ เหมือนปีที่แล้วก็แอบรู้สึกเหงาเหมือนกัน แต่แม่ทำการปลอบใจด้วยการมอบแหวนวงใหม่ให้ใส่แทนอันที่อดีตแฟนหนุ่มเคยให้ไว้แล้ว
“มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเราก็ไม่ได้เจอเขาแล้วอะไรอย่างนี้ เหงามั้ยคงไม่เหงา เพราะว่ามีเพื่อนเยอะมาก เหมือนกับเราให้เวลาคนที่อยู่ใกล้ๆ เราเยอะขึ้น กี้ไม่ถึงกับตรอมใจแต่ทุกคนบอกว่าผอมลงนะ แต่กี้ว่าไม่ใช่แบบกินไม่ได้นอนไม่หลับ กินเยอะมากกว่าเดิมด้วย แต่ทุกคนบอกว่าผอมลงกว่าปกติ แต่เราว่าเราก็โอเคแหละ จริงๆ อาจจะเป็นเรื่องข้างในเราหรือเปล่า แต่จริงๆ กินข้าวปกตินะ”

“ส่วนแม่ก็ถ้าลูกโอเค แม่ก็โอเค ถ้าลูกว่ามันเป็นอะไรอย่างนี้ แม่เขาก็อยู่ข้างเราอยู่แล้วค่ะ ก็รับฟังเหตุผลแล้วก็พยายามว่าเอ๊ะสาเหตุมันคืออะไร แต่ว่าจริงๆ แล้วคนอื่นไม่สามารถบอกได้ แต่แม่เขาก็เอ็นดูพี่อั้มมากๆ ถึงมากที่สุด แหวนอันนี้แม่ให้ค่ะ แม่ให้เปลี่ยนวงใหม่(หัวเราะ) ล้อเล่น แค่เปลี่ยนค่ะ แม่อยากให้เปลี่ยน เม็ดใหญ่กว่าเดิมเพราะแม่ให้ค่ะ เป็นการปลอบใจ”

โต้เรื่องที่ว่ามีหนุ่มหัวเกรียนคอยบริการส่งข้าวส่งน้ำให้เป็นประจำ แถมยังอยู่ในช่วงสวีทหวานถึงขนาดเรียกกันว่า “เบบี๋” เลยทีเดียว
“หนุ่มหัวเกรียนที่ว่าชื่อทิวค่ะ เดี๋ยวถ้าเกิดใช่กี้จะบอกว่าเจอแล้วคนที่ใช่ แต่ทิวนี่คือเพื่อนจริงๆ ค่ะ เพราะจริงๆ กี้เพิ่งเลิกกับเขา(อั้ม) ประมาณไม่ถึงเดือน แล้วก็อยากจะบอกว่ากว่าจะรักกันมันก็นานเนอะ แล้วก็ถ้าเกิดกี้จะไม่เลิกคบกับพี่อั้มยังไงก็แล้วแต่กี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะมีใหม่ เพราะว่ามันเร็วมาก ตอนนี้ก็เหมือนเพื่อนทุกคน ถ้ากี้บอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อน คนไหนที่จะเป็นคนรู้ใจกี้ก็จะบอกว่าคนนี้ค่ะคนรู้ใจ”

“ส่วนที่เรียกเบบี๋นี่คือเขาเป็นฝรั่งน่ะค่ะ เป็นเด็กอเมริกัน แต่จริงๆ เขาเป็นคนไทยนะคะ แต่คือทุกคนที่เป็นวัฒนธรรมฝรั่งเขาจะเรียกเบบี๋กันอย่างนี้ค่ะ เขาจะเรียกกันอย่างนั้น แล้วก็คงไม่แปลกที่จะเรียก เพราะว่าทุกคนเพื่อนกี้หลายคนก็เรียกกี้แบบนั้น”

“ไม่ได้จีบนะคะ เพราะทิวมันเป็นคนบ้าๆ อายุเยอะกว่าค่ะ เป็นเพื่อน รู้จักกันเป็นปีแล้ว เหมือนจะผ่านพี่สาวกี้หรืออะไรก็แล้วแต่ คือรู้จักกันนานแล้วจริงๆ แต่ว่าเหมือนกับช่วงนี้เราก็ไม่มีใครนะ แล้วก็เศร้าและเสียใจอยู่นะ ไม่ได้มาดามอกค่ะ ยังไม่มีใครดามได้ เพราะว่าคงจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะมีแฟน”

“กี้ยังไม่เปิดใจรับคงเป็นเพื่อนกันไปก่อน ความเป็นเพื่อนมันไปได้นาน แล้วตอนนี้ก็มีเพื่อนเยอะ คือหนุ่มๆ ที่เป็นเพื่อนจริงๆ มันก็มี แล้วตอนนี้ถ้าเราเดินไปกับใครก็อาจจะกลายเป็นว่ามีแฟนแล้ว แต่จริงๆ ไม่ค่ะ แล้วแม่ก็รับรู้ กี้ก็บอกแม่ตลอด คือกี้ก็ยังเจ็บ ยังเสียใจ แต่จริงๆ แล้วก็ต้องแฮปปี้ไว้ก่อน เพราะว่าไม่อยากจะมีความทุกข์ ก็แฮปปี้ไว้”

ด้านพระเอกหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ” หลังจากมารับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง “บริษัทบำบัดแค้น” ในงานครั้งนี้แล้ว ก็ยังได้เจอและได้แสดงความยินดีกับอดีตหวานใจ “พิงค์กี้” ที่ได้รับรางวัลสวยทิ่มใจในงานครั้งนี้เหมือนกัน

“ก็เมื่อกี๊ได้เจอก็ได้แสดงความยินดีกับน้องเขาไปครับ ไม่ได้เจอกับน้องเขาเลย พอได้เจอกันก็ยังรู้สึกห่วงใยน้องนะครับ ก็แสดงความยินดีกับน้อง หัวใจมันก็ไม่ได้ถึงกับเหี่ยวเหรออะไรหรอก แต่มันก็คงมีแบบใจหายๆ กันบ้างอยู่แล้ว เพราะว่าถ้าถามถึงชีวิตคนเราถ้าทุกอย่างมันไปได้ดีแล้ว ทุกอย่างมันโอเคแล้ว มันก็ไม่มีใครอยากให้มันเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่นหรอกครับ”

“ณ วันนี้ที่เป็นอยู่แบบนี้ ผมก็ว่ามันก็น่าจะดีกับทั้งตัวผมและตัวน้อง มันก็ได้มีเวลาทำอะไรของตัวเอง ถ้าถามว่าทำใจมั้ยมันก็คงไม่ได้ว่าจะต้องทำใจหรืออะไรแบบนั้น แต่มันคงใจหาย ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นการทำใจหรือเปล่า แต่ว่าเราก็ไม่ได้มีอะไรที่โกรธแค้นกัน เจอหน้าก็ยังรู้สึกดีๆ ก็ยังอวยพรกับน้องเขา แล้วก็ยังเป็นกำลังใจให้ในทุกๆ อย่างที่เขาทำ หรือที่เขาจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ”

เผยว่าต่างฝ่ายพอเจอกันต่างรู้สึกเจ็บแปล๊บในใจ แต่ไม่รู้จะมีโอกาสรีเทิร์นรึเปล่า ส่วนเรื่องของขวัญวันเกิดของ “พิงค์กี้” เจ้าตัวเผยว่าคงให้โดยการส่งไปให้แทนที่จะให้ด้วยตัวเอง

“ตอนเจอกันมันก็แปล๊บๆ บ้าง แต่มันก็ยังดีที่ว่าเราเจอกันแล้วยังทักทายคุยกันได้ เรายังเป็นห่วงเป็นใยในสิ่งที่ดีต่อกัน คือที่ว่าเลิกเนี่ยจริงๆ มันก็มีคำจำกัดความหลายๆ อย่าง แต่ผมไม่อยากให้คำจำกัดความว่าอะไรก็แล้วแต่เลย เพราะว่าผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ เพราะบางทีคำจำกัดความมันก็ทำให้เรารู้สึกอะไรที่มันไม่โอเคเหมือนกันนะ บางทีสิ่งที่เราหมายถึงกับสิ่งที่เราเป็นมันมากกว่าคำจำกัดความอะไรหลายๆ อย่างนะครับ”

“โอกาสรีเทิร์นมันเป็นเรื่องของอนาคต ผมไม่สามารถตอบได้ ผมก็ตอบได้ในสิ่งที่ผมรู้สึกและในสิ่งที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ว่ามันเป็นแบบนี้ แต่ผมรู้สึกว่าเราก็พยายามทำกันให้มันดีที่สุดแล้วล่ะครับ ถามว่าเหนื่อยมั้ย ผมว่าทุกๆ ครั้งที่เราเริ่มต้นหรือจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ไปยังไงก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีทุกความรู้สึกอยู่แล้ว ไม่ว่าอาจจะมีความสุขแฮปปี้ หรือบางทีอาจจะต้องเหนื่อยบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าคนเราเหนื่อยมันก็ต้องหายได้ครับ”

“สำหรับของขวัญวันเกิดจริงๆ ก็ตั้งใจไว้อยู่ เพราะว่าอยากให้น้องเขาได้เป็นของขวัญวันเกิด เมื่อกี้ก็ได้บอกน้องเขาอยู่เหมือนกันว่าเดี๋ยวคงจะต้องส่งไปให้นะ”

ออกโรงขอความเห็นใจแทนว่าต่างฝ่ายต่างต้องมีเพื่อน เพราะฉะนั้นข่าวที่ว่า “พิ้งกี้” อดีตหวานใจควงหนุ่มคนใหม่แล้วนั้นไม่เป็นความจริงแน่นอน
“จริงๆ ได้เห็นตามข่าวก็รู้สึกเฉยๆ แต่ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร คือผมไม่อยากให้มันมีเรื่องราวแบบนี้ จริงๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคนน่ะ มันไม่มีใครเกี่ยวข้องเลย ผมก็ไม่อยากจะให้ไปคิดแบบนั้นกับใครก็ตาม แล้วผมก็เชื่อว่าน้องเขามีเพื่อนเยอะ แล้วบางทีอาจจะเป็นแค่เพื่อน บางทีเขาอาจจะต้องไปทำอะไร ซึ่งบางทีคนเรามันก็เหงาก็ต้องมีเพื่อนกันบ้าง”

“ผมไม่อยากให้เขียนถึงกันแบบนั้น เพราะผมรู้อยู่ว่าการที่เราต้องห่างกัน ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องของใครคนใดคนอื่นเลย เพราะผมก็ไม่อยากให้มองน้องแบบนั้น เพราะน้องเองก็ไม่ได้แฮปปี้ที่ความสัมพันธ์มันจะเป็นแบบนี้ ไม่มีใครแฮปปี้กับความสัมพันธ์ที่มันจะลงเอยแบบนี้เลย”

“แล้วน้องเขาก็ต้องมีเพื่อน ไม่ว่าจะออกไปกับใครยังไงแล้วโดนจับตามอง คนอื่นจะต้องเดือดร้อนตลอดเวลา ผมว่ามันก็ลำบากกับการใช้ชีวิตทั้งของผมและของน้องเอง จริงๆ แล้วคนที่พูดถึงหรือว่าที่มีข่าวไม่ได้มีส่วนในความสัมพันธ์ครั้งนี้เลย ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ไม่ใช่มือที่สามของน้องเขาแน่ ผมพูดในฐานะซึ่งผมรู้จักน้องดีพอจนสามารถบอกได้โดยที่ผมไม่ต้องถามอะไรเลยก็ได้”

“กับคุณแม่ของน้องผมก็ยังเคารพและก็ยังรัก รวมถึงพ่อรวมถึงทุกๆ คนในครอบครัวของน้อง ญาติๆ ของน้องเองก็ตาม ก็อยากจะบอกว่าบางทีสิ่งที่ดีที่สุดของผมมันอาจจะไม่ได้ดีที่สุดในสายตาคนอื่นก็ได้ แต่ผมก็อยากจะบอกว่ามันก็ดีที่สุดที่ผมจะทำได้แล้วจริงๆ แล้วผมก็ยังเคารพและก็รักไม่ว่าจะยังไงก็ตามครับ”

พร้อมโต้ที่มีคนเห็นว่าเจ้าตัวไปกอดกับสาวกลางห้างที่สยาม และแอบควงม่ายสาว “นัท มีเรีย เบนเนเดตตี้” ไปทำบุญสองต่อสองว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น

“ผมกอดกับสาวที่สยาม สาวรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง คือจริงๆ ถ้าผมทักทายเพื่อนหรือคนรู้จักที่สนิทกันมันก็จะมีการโอบกอดทักกันตามประสาเพื่อนอยู่แล้ว ให้ดูดีๆ ว่าเป็นแบบไหนหรือเปล่า เพราะถ้าในที่สาธารณะขนาดนั้น แล้วมีเจตนาซึ่งเป็นแบบอื่น ผมว่ามันก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้วครับ”

“อย่ามองผมแบบนั้นเลย เดี๋ยวผมจะไม่มีเพื่อน หรือบางทีช่วงนี้อาจจะเป็นที่รังเกียจของคน เพราะว่าไปไหนเดี๋ยวก็จะเป็นข่าว ไปกับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้ ไปกับเพื่อนผู้หญิงเดี๋ยวก็อย่างนั้นอย่างนี้มันก็ลำบาก ซึ่งจริงๆ ผมก็อยากจะบอกว่ามันก็ต้องมีเพื่อน ต้องออกสังคม ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างกับคนที่เรารู้จัก กับคนที่เราสนิทบ้างก็มี เพราะฉะนั้นอย่ามองแบบนั้น เพราะผมก็บอกทุกอย่างชัดเจนทุกครั้งตั้งแต่แรกแล้วว่าความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องราวของคนสองคนเลยจริงๆ ผมว่าบางทีคนสองคนคบกันมันไม่จำเป็นต้องมีเรื่องราวของคนอื่นเสมอไปหรอก”

“กับพี่นัทก็สนิทกันมานานแล้ว อย่างเช่นเวลามีไปทำบุญก็จะมีฝากกันไปทำบุญหรือมีฝากบุญกันไปบอกอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าการทำบุญคือการไปทำสิ่งที่ดีๆ อย่ามองเจตนาเป็นแบบอื่นกันเลย คือสนิทกันมาตั้งนานแล้ว แล้วก็ไปทำบุญทำอะไรด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งอย่างที่ผมบอกผมก็ต้องมีเวลาได้เจอเพื่อนหรือคนรู้จัก อาจจะไปทำบุญมากขึ้นก็ได้ช่วงนี้ เพราะว่าละครผมยังไม่ได้เปิด”

“นอกจากไปทำบุญก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกันบ่อยครับ นานๆ อาจจะได้เจอกันที ไม่มีสานสัมพันธ์ครับ ยังไม่มีอะไร เพราะผมคงต้องให้เรื่องราวที่มันเกิดขึ้นกับผมให้ผมเคลียร์กับตัวเองให้มันชัดเจนซะก่อน เพราะตอนนี้ผมก็มีชีวิตอิสระที่ผมจะทำอะไร หรือจะทำอะไรโดยที่ไม่เดือดร้อนใครแล้วก็ไม่ผิดกับใครครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น