“ไกรสร” ปัด ยังไม่ได้ถอนฟ้อง “เพชร” กรณีฟ้องลูกในข้อหาหมิ่นประมาท เพื่อนำตัวมารักษาอาการทางจิต ก่อนเลี่ยงตอบ เรื่องที่เพชรขอตรวจสอบมรดกที่เหลืออยู่ อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนกรณีเทปเสียง “พุ่มพวง” ถูกนำมาเผยแพร่อีกรอบนั้น เจ้าตัวยันไม่ฟ้องสื่อใดๆ ด้าน “เบิ้ม” อดีตมือกลองคนสนิท เชื่อ น่าเป็นเสียงปลอมมากกว่า
ยังคงยืนกรานความตั้งใจเดิม สำหรับ “ปุ้ม ไกรสร แสงอนันต์” เรื่องที่ยื่นฟ้องร้องลูกชาย “เพชร สรภพ ลีละเมฆินทร์” ในข้อหาหมิ่นประมาทฐานกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ว่า หากจะถอนฟ้องก็ต่อเมื่อ หมอที่โรงพยาบาลศิริราชที่เพชรไปตรวจสุขภาพจิต ออกมายืนยันผลการตรวจก่อนเท่านั้น ซึ่งถ้าผิดปกติก็จะต้องให้ทำการรักษาต่อไป แต่ถ้าผลตรวจออกมาว่าเพชรปกติดี ตนก็พร้อมจะให้สังคมตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิดปกติเอง
“ตอนนี้ยังไม่ได้ถอนฟ้องครับ ก็มีหลายสื่อหลายฉบับโทรมา ก็บอกว่ายังๆ ครับ แต่อย่างที่บอกไปหลายครั้งว่าผมกับลูกไม่ได้ฟ้องเพื่อจะเอาอะไร ตอนแรกที่ตั้งใจฟ้องคือจะให้ตำรวจมาดำเนินการให้เขามาตรวจ หรือขอความกรุณาจากศาลเพื่อให้เขามาตรวจเรื่องสมองเขา”
“เขาก็บอกว่าเขามาตรวจแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ก็ได้ยินจากสื่อว่าเขาไปตรวจแล้ว แล้วยังไง ผมก็อยากจะเห็นก่อนว่าคุณหมอมาพูดว่าเขาไม่เป็นอะไร ผมจะยอมถอนฟ้องให้เขา ซึ่งบอกแล้วว่าฟ้องเพื่อให้เขามาตรวจ วัตถุประสงค์นี้ลุล่วงไปแล้ว เพราะผมก็บอกแล้วฟ้องเพื่อเอาเขามาตรวจเท่านั้นเอง แต่ก็ยังไม่ได้ยินจากหมอว่าเพชรปกตินะ”
“ซึ่งถ้าผลการตรวจสุขภาพจิตแล้วไม่เป็นไร ผมก็ต้องถอนฟ้อง ไม่ต้องการให้เขามาติดคุก ไม่ต้องการทำอะไรรุนแรง ตอนนี้ก็รอผล รอคุณหมอบอก ไม่ใช่ตัวเขาบอก ผมก็ได้ยินจากสื่อบอกว่าเขาตรวจแล้ว ก็ปกติดี ผมก็เลยบอกถ้าอย่างนั้นก็จะถอนให้ พูดแค่นี้ก็ลงไปเป็นข่าวเป็นคราวว่าถอนแล้ว แต่ยังครับยัง”
“เขาผิดปกติแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ถ้าผลปกติ ผมก็ต้องถามสังคม ถามทางคุณหมอว่าถ้าปกตินะ ไม่รู้ล่ะ หมอต้องออกมายืนยัน หมอต้องออกมาพูด ถ้าปกติก็โอเคผมก็ยอมทุกอย่าง แต่ก็ย้อนถามสังคมว่าลูกพูดวันนึงอย่างนึง อีกวันนึงเป็นอีกอย่างนึง เปลี่ยนประเด็นไปเรื่อย พ่อฆ่าแม่ พ่อข่มขืนเนี่ย ถ้าเผื่อว่าปกติ ผมก็ยอมรับว่าสังคมเรามันเป็นแบบนี้ ผมก็ยอมเป็นคนไม่ปกติแล้วกันถ้างั้น”
“มันก็ไม่ใช่ไม่เชื่อตามผลนะ แต่ถ้าหมอออกมาพูดว่าถ้าลูกออกมาพูดอย่างนี้แล้วหมอบอกว่าปกติ ผมก็จะยอมรับว่าผมไม่ปกติไง(หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้นผมก็ยอมรับว่าผมผิดปกติเอง ลูกมาพูดแบบนี้แล้วมันปกติ ผมก็ยอมรับผมไม่ปกติแล้วกัน ก็จบ จะทำยังไงกับผมก็ได้ จะลงโทษผมยังไงก็ได้เอ้า”
โต้ที่ “เพชร” เคยขอให้มาตรวจหมอที่เป็นกลางด้วยกัน ว่าไม่จำเป็น เพราะหมอทุกคนเป็นกลางอยู่แล้ว
“หมอทุกคนเป็นกลางอยู่แล้ว รับรองได้ว่าคุณหมอที่ไหนก็ไม่เอาชื่อเสียงเขามาเสี่ยงหรอก เขาไม่ออกมาเข้าข้างคนนั้นคนนี้หรอก ยิ่งเป็นหมอโรงพยาบาลนะ ขึ้นอยู่กับว่าหมอตรวจแล้วจะออกมาแถลงข่าวให้เขารึเปล่าเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหมอไหน ผมเชื่อใจหมอทุกคนครับ”
“เท่าที่ผมได้ถามคุณหมอมา 4-5 คนนะ ไม่ใช่ผมออกมาพูดพล่อยๆ ตั้งแต่แรก ผมมีหมอหลายคนมาพูดแล้ว การตรวจแต่ละทีต้องตรวจหมด คือทางฝ่ายผม พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ตรวจคนใกล้ชิด ตรวจเพชร ตรวจผม แล้วก็ต้องใช้เวลานาน ใช้เวลาอยู่กับอะไรต่ออะไร คือเขาต้องมีวิธีการน่ะ ไม่ใช่ว่าตรวจ 3-4 ชั่วโมงก็ออกมาบอกว่าปกติ ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นวิธีการของหมอครับ”
“ลองไปถามคุณหมอจิตเวชดู ไม่ต้องเกี่ยวกับกรณีลูกเพชรก็ได้ ว่าการตรวจคนไข้แต่ละคนว่าปกติหรือไม่ปกติ ไม่เหมือนกับหมอเผ่าที่เขาแสดงอาการเด่นชัด เห็นชัดเจนอย่างนั้นก็สรุปได้ แต่ถ้าสับสนแบบเนี้ยมันต้องใช้เวลา ผมถึงบอกไงว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ว่าตรวจปุ๊บรู้ปั๊บไม่ใช่อย่างนั้น ผมเชื่อแน่ว่าเอาเถอะถ้าตรวจถึงขั้นนี้แล้ว ตรวจทั้งหมดแล้วบอกว่าปกตินะ เอาล่ะผมจะยอมทุกอย่างที่เขาต้องการ(หัวเราะ) ถือว่าผมเป็นคนไม่ปกติเองแล้วกัน”
“แต่ถ้าผลออกมาว่าผิดปกติจริง ก็ให้หมอดูแลครับ ผมไม่เข้าไปเกี่ยวนะ ให้หมอรักษาไป ก็เดี๋ยวจะให้ญาติผู้ใหญ่ ปู่ ย่า ตา ยายหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งของสังคมมาดูแลแล้วกัน เพราะว่าเดี๋ยวผมเข้าไปก็จะหาว่าเอาตัวน้องไปเพื่อผลประโยชน์ เพื่ออะไรสารพัดที่เขาจะพูดก็ได้”
“ผมก็จะเคลียร์ตัวเอง ว่าเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในสังคม ลูกพุ่มพวงที่เราต้องดูแลต่อไปเนี่ย ไม่ให้ไอ้พวก 18 มงกุฎมาหลอกลวงหรืออะไรก็ตามให้กลับมาสู่สังคม หรือว่าให้เขากลับมาเป็นคนเดิมของเขา ไม่จำเป็นต้องผมไป ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอของผม ใครก็ได้ ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าหมอตรวจด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
ยืนยันคำเดิมว่าลูกชายไม่ใช่คนเดิม โดนเสี้ยมสอนในสิ่งที่ผิด แต่กระแสจากสังคมมาถึงตนนั้นดีขึ้นมาก
“คือเจตนาหรือความคิดเห็นส่วนตัว หรือว่าความเชื่อส่วนตัว ก็เชื่อว่ามันไม่ใช่ตัวเขา ต้องย้ำสื่ออีกครั้งนึงว่ามันถูกข้อมูลจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาจะพูดอะไรต้องมีข้อมูลใส่ ต้องมีข้อมูลมาป้อนให้ตลอดเวลา เหมือนกับว่าพูดเองไม่เป็นน่ะ จะออกข่าวตอนหลังก็บิดเบือนไปหมดแล้ว กลายเป็นเรื่องใหญ่โต”
“วันนึงอีกประเด็นนึง วันนึงอีกประเด็นนึง คือกลายเป็นประเด็นเยอะแยะไปหมดแล้ว มันต้องมีคนวางแผนให้เขาพูดมากกว่า เพราะฉะนั้นต้องตรวจอย่างเดียวไง ตรวจเพื่ออะไรก็ได้ ให้เขารักษา ให้เขาเหมือนเดิม นี่คือข้อที่ผมคิดไว้เลยว่าถ้าเขาได้รับการรักษาว่ามีหมอมาดูแล เขาจะดีมากคนนึง”
“แต่กระแสสังคมที่ผมได้รับดีครับ ดีในที่นี้หมายความว่าผมความดันอาจจะขึ้นสูง อาจจะปวดหัวจี๊ดยังไงเยอะแยะไปหมด แต่ฟีดแบคกลับมาก็เหมือนกับถึงพ่อจะเป็นคนเลว คือพ่อจะทำยังไงก็ตาม แต่ลูกสมควรมั้ยที่จะมาด่าพ่อขนาดนี้ต่างหาก สังคมเขาเห็นใจผมตรงนี้ พ่ออาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ว่าพ่อรักลูกที่สุด ผมพูดแต่ละครั้งๆ ลูกก็เจ็บ ผมก็เจ็บ แต่ลูกพูดทุกครั้ง ผมยอมรับได้ว่าลูกไม่ได้พูดด้วยตัวเอง แต่พอลูกพูดยิ่งทำให้ตัวลูกตกต่ำลงมันเจ็บตลอดน่ะครับ”
“สังคมเขารู้ คนอื่นอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดผมอาจจะไม่รู้ แต่คนใกล้ชิดผมเขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง ญาติพี่น้องผมเขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง สังคมเพื่อนฝูง เพื่อนคนที่เจอน้องเพชรมาตั้งแต่เด็กๆ เจอน้องเพชรตอนโต สังคมที่อเมริกา สังคมในอาร์เอส สังคมในวงการเพลงก็เหมือนกัน ถ้าได้เจอน้องเพชรกับผมจะรู้ว่าผมเทคแคร์ดูแลลูกยังไง เขารู้ผมก็พอใจแล้ว คนไม่รู้ผมไม่สามารถที่จะไปบอกให้เขาชอบหรือไม่ชอบ เชื่อหรือไม่เชื่อได้ เพราะว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ ผมก็ถือคตินี้อยู่เหมือนกันครับ”
พร้อมเผย เตรียมยื่นฟ้อง “อ้อย ธิดารัตน์ อรรถรัตน์” แฟนสาวของเพชร และแม่ “นางสาวสุปราณี สุประการ” แน่นอนในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมเผยว่าหลักฐานพร้อม แน่นหนา เอาผิดได้แน่
“แน่นอน ผมเอาแน่ เพราะว่าผมเชื่อโดยความบริสุทธิ์ใจ เชื่อโดยที่รู้ตัวว่าผมทำอะไรลงไป เพชรไม่เคยเป็นคนอย่างนี้ พอเพชรมาพูดแบบนี้มันต้องมีอะไร พอคุณหมอหลายคนมาพูดว่าเพชรยิ่งไม่ปกติ ผมก็ยิ่งเชื่อใหญ่ว่าถูกเสี้ยมสอน ถูกครอบงำ ถูกใส่ข้อมูลล้างสมอง แล้วก็เป็นคนมาเปิดประเด็นตลอดจากกรณีหมิ่นประมาทผม เพชรก็ยังบวชอยู่เลย อีสองตัวนี้ออกมาพูดแล้วในรายการช่อง 5 พรหมพรอะไรสักอย่าง ผมก็เก็บเทปไว้หลายครั้ง ผมฟ้องแน่นอน เอาถึงที่สุดครับสองคนนี้”
“ข้อหาหมิ่นประมาทครับ ทำให้ได้รับการเสื่อมเสีย ทำให้เกียรติศักดิ์บุพการี ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลพังพินาศหมด ทำให้สังคมมองเราผิดๆ เดินไปไหนเหมือนกับเป็นตัววิตถาร ซึ่งมันไม่เป็นความจริง”
“หลักฐานก็คือที่เขาออกมาพูดออกสื่อนี่แหละ เชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเขาเสี้ยมสอนน้องเพชร ปรึกษาทนายไปเยอะแล้วครับ รวบรวมข้อมูลอยู่ ผมพยายามจะกันลูกออกมาก่อน ที่ผมพูดออกข่าวว่าผมจะถอนฟ้องลูกเพราะว่าอยากจะเอาลูกออกมาก่อน ยังไงลูกก็คือลูกนั่นแหละ ต่อให้พูดกี่ครั้งกี่หน ฆ่าผมยิ่งกว่านี้ พูดยิ่งกว่านี้ลูกก็คือลูก แต่ว่าไอ้ตัวเสี้ยมสอนมันต้องรับผิดชอบ หลักฐานมัดแน่นแน่นอน”
“ตอนนี้กลุ่มเชียงใหม่อารยะจะมีประธานใหม่เข้ามา เดี๋ยวเขาก็จะดำเนินการฟ้องทางผู้หญิงสองคนเขาก็เอาเต็มที่ ผมก็เอาหลักฐานเดียวกันฟ้องต่อไปอีก ให้สังคมได้รู้ ให้เขาพูดว่าเพชรไม่ได้พูดแบบนั้น เพชรไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ต้องฟ้องให้ไอ้สองคนนี้มันรู้ครับ เราก็ดำเนินการทุกวันนะ แต่อันนี้แค่ผมกับลูก ส่วนเชียงใหม่อารยะถ้าคุณจะทำเพื่อสังคมอะไรคุณก็ไปจัดการกันเอง ถ้าลูกไม่มาอะไรมากมายผมก็จบกับลูก”
ปัดเรื่องที่ “เพชร” จะขอตรวจสอบเรื่องมรดกว่าเพราะลูกมีอาการผิดปกติ จึงพูดอย่างนั้น แต่ถ้าจริงๆ แล้ว ลูกชายไม่มีวันต้องการจะทำอย่างนั้นแน่
“ก็บอกแล้วอีกเหมือนกันว่า นี่ไม่ใช่เป็นความคิดของเขา ไอ้ตัวคนต้องการผลประโยชน์มันอยู่ข้างๆ ไงครับ ก็ไอ้ตัวผลประโยชน์นั่นแหละครับสั่งให้ทำ ผมก็จะเอาเพชรมารักษาให้หาย แล้วเพชรก็จะไม่พูดแน่นอน ถ้าเพชรปกติเขาจะไม่ทำอย่างนี้แน่นอน ผมมั่นใจว่าเขาไม่ปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ล้านเปอร์เซ็นต์ เรื่องเงินเรื่องทองเขาไม่เคยสนใจ ทุกคนจะใช้เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์เพชรเขารู้ดีครับ”
“แต่ว่ามรดกที่เหลือจะมีอะไรบ้าง อันนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมไม่ขอตอบนะ เพราะไอ้สองตัวมันต้องการไง มันต้องการพูดตรงนี้ ทนายบอกว่าอย่าให้ผมพูด ผมปิดปากไม่พูดดีกว่า ก็รอผลตรวจออกมาอย่างเดียวนั่นแหละ เพราะว่าถ้าเขาปกติเขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะเพชรเป็นเด็กดีนะ ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเด็กดีของทุกๆ คนอยู่ ก็ต้องกระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ อาจจะมีมากกว่า 3 ด้วยซ้ำ”
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ “ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์” ได้บันทึกไว้และหลุดออกมาอีกรอบ หลังจากที่หายไปนานกว่า 17 ปี แต่ตอนนี้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง “ปุ้ม ไกรสร” ยืนยัน ว่าไม่คิดจะฟ้องร้องกับใครที่เอาออกมาเผยแพร่อีก แต่ให้คิดเอาเอง ว่ามีหมายศาลห้ามเผยแพร่แล้ว ถ้ายังทำก็ถือว่าขัดต่อหมายศาล
“ก็จะมีอะไรล่ะ เขารู้หมดแล้วว่าเพชรไปฟังจากน้องไก่(จันทร์จวง ดวงจันทร์) น้องไก่ก็เอาให้เพชร พอเพชรบวชอยู่ไอ้พวกเสี้ยมสอนก็บอกเท่านั้นเอง จะมีอะไรล่ะ มันจะมีผลยังไงกลับมา คนที่เขาเกิดรุ่นใหม่อยู่ๆ เขาได้ยินเทปนี้เขาก็นึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน”
“ผมก็พูดไปหลายฉบับแล้ว ผมมีหลักฐานหมายศาลเรียบร้อย ศาลสั่งยึดห้ามเผยแพร่ ผมก็บอกไปแล้ว หมายเลขศาลเรียบร้อยไปหมดแล้ว ทีนี้ผมหาไม่เจอเอง เพราะฉะนั้นเรื่องเก่าที่เล่าใหม่โดยที่นักข่าวใหม่ๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะว่า 17-18 ปีผ่านมาแล้ว ศาลก็สั่งยึดมาตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็จะบอกกับสื่อว่า ที่บอกว่าผมจะฟ้องสื่อ ฟ้องหนังสือพิมพ์ ฟ้องโทรทัศน์อะไรเนี่ย คือผมอยู่วงการนี้มานาน 30 ปีผมไม่เคยคิดอย่างนั้น แต่หมายศาลให้คำสั่งออกมาอย่างนี้คุณไปคิดพิจารณาเอาเองแล้วกัน ว่าคุณจะขัดคำสั่งศาลรึเปล่า”
“ผมไม่ฟ้องอยู่แล้ว ไม่ฟ้องหรอก สื่อผมจะไปฟ้องทำไมเล่า หากินกับสื่อ ผมอยู่กับสื่อมาตั้ง 20-30 ปี แต่ว่าศาลสั่งมาอย่างนี้คุณพิจารณาตัวเองได้มั้ย คุณพิจารณาดูว่าจะขัดคำสั่งศาลรึเปล่า ถามกลับไปนิดนึงเท่านั้นเอง คุณเอามาออกโดยที่คุณเพิ่งเกิดเนี่ย คือนักข่าวใหม่ๆ อาจจะไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมมาบอกแล้วว่าศาลสั่งแบบนี้นะ ช่วยกรุณาพิจารณาด้วยครับเท่านั้นเอง ให้รู้ว่าเรื่องราวมันเกิดมานานแล้ว และศาลสั่งแล้ว จบแล้ว พวกคุณไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้วนะครับ ก็ช่วยพิจารณาหน่อย”
“แต่ก็เพราะคนไม่รู้ คนเกิดมาใหม่ๆ ก็คิดว่าไกรสรเป็นอย่างนี้ๆ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะพูดด้วยเหตุผลอะไรแล้วแต่ เราคุยที่ศาลหรือญาติพี่น้องทุกคนออกมาพูดมันจบไปแล้ว เราก็ไม่อยากจะพูดซ้ำอีกว่าทำไมศาลถึงสั่งมาแบบนั้น เพราะว่าท่านพิจารณาดีแล้วว่ามีข้อเท็จจริงมั่ง ไม่จริงมั่ง แล้วก็ทำให้ผมเสียชื่อเสียง ทำให้ผมอยู่ในสังคมนี้อย่างยากลำบาก ถูกเกลียดชัง ศาลก็สั่งมาก็จบ”
ยืนยันว่ากรณีคลิปเสียงที่หลุดออกมาอีกรอบไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะตนเองกับครอบครัว “พุ่มพวง” ทุกคนก็กลับมามีความรู้สึกที่ดีต่อกันเหมือนเดิมแล้ว
“ความจริงผมก็ดีกันมาก่อนตั้งแต่เพชรจะไปเมืองนอกด้วยซ้ำไป คือไม่ได้ออกสื่อไงครับ ผมก็ไปเยี่ยมเยียน โทรหาน้องๆ พุ่มพวง โทรหาพี่ชายพุ่มพวง โทรหาทุกคน ก็ได้คุยได้พบตามสมควร ก็ต่างคนต่างทำมาหากิน แต่เราก็เอาน่าเรื่องผ่านๆ มาแล้ว และจบทุกอย่างโอเค ผมก็ยังนับถือแม่เป็นแม่อยู่นะ มันก็จบมานานแล้วครับ ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาดีกัน เพียงแต่ผมไม่ได้บอกสื่อไง”
“กับความผิดที่ผ่านมา ถามว่าได้มีการลบล้างยังไง คือโอเคผมก็ยอมรับผิดล่ะ ต่างฝ่ายต่างผิด เขาก็ยอมรับ ต่างฝ่ายต่างยอมรับ สื่อก็มีส่วนมากที่จะเสี้ยมเขาให้ชนกัน ต้องการที่จะจับต้นชนปลาย จับให้มันเป็นข่าว ก็มันปาก มันสื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่สองฝ่าย ผมกับญาติพุ่มพวงเข้าใจดี ว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เราทะเลาะกันมากไป บางทีถ้าเรามาคุยกันตั้งแต่แรก มันก็คงไม่เป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ก็คุยกันมาตลอดครับ ตอนนี้ก็ดีครับ ดีๆ”
ขณะเดียวกัน “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ “เบิ้ม” อดีตมือกลองคนสนิทของ “พุ่มพวง” ที่เคยทำงานคลุกคลีกันยาวนานกว่า 15 ปี ถึงความคิดเห็นเรื่องเทปลับดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าไม่น่าใช่ตัวจริง น่าจะเป็นคนเลียนเสียงมากกว่า
"ไม่เคยได้ฟังนะ แต่รู้ว่ามีเทปอยู่ จริงๆ เทปลับตัวนี้มันก็มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วล่ะ มันหลุดมาตั้งนานแล้ว แต่ไอ้ว่ามันจะจริงหรือไม่จริงเราไม่รู้ ช่วงออกมาครั้งแรกทีเขาบอกกันว่ามีคนทำขึ้นมา แล้วเรื่องของเรื่องตอนนั้นมันก็มีคนพูดเหมือนด้วย ทุกวันนี้ก็มีหลายคนที่สามารถเลียนเสียงพุ่มพวงเหมือน แล้วพี่ปุ้มเองเขาก็ฟ้องไปแล้วตอนปีแรกเลยที่มีปัญหา แล้วเรื่องมันก็เงียบไปแล้ว เขาก็ไปฟ้องร้องคนที่ทำออกมาขาย จริงๆ มันก็เคลียร์จบไปหลายปีแล้ว นี่แกก็ออกมาฟ้องใหม่คนที่ทำก็ถูกดำเนินการแล้ว"
"ใช่ไม่ใช่มันก็พูดลำบาก ลำบากใจเหมือนกันนะ คือจริงๆ แล้วมันมีคนเลียนเสียงพุ่มพวงได้เหมือนหลายคน เหมือนสายันตร์ ยอดรัก ก็มีคนเลียนแบบอยู่หน้าเวที ทุกวันนี้ยังมีเลย บางทีก็มีคนโทรมาถามเป็นยังไงบ้าง(ถามเรื่องไกรสร-พุ่มพวง) เราก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเรื่องของครอบครัวเขา ถ้าเขาดีกันปุ๊บเราจะเป็นอะไรใช่ไหม ให้เขาเคลียร์กันเอง"
"ที่ผ่านมาผมก็เจอแต่ด้านดีๆ นะ ในส่วนของด้านลบ ที่มีข่าวอะไรต่อมีอะไรออกมา ทางคณะ(วงดนตรีของพุ่มพวง)ไม่เคยได้รับรู้เลย ไม่มีใครรับรู้สักคน ก็อย่างที่บอกไงว่าหัวหน้า(พุ่มพวง)เก็บกดเก่ง ที่เราเห็นในฐานะของสามี เขาก็ดูแลปกติ อย่างที่พูดตัวเพชรเองเขาไม่เคยอยู่เมืองไทย หรืออาจจะมีมือที่สามมาคุยรึเปล่าไม่แน่ใจ เราพูดไปก็ไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้ ตัวผมเองกับเพชรก็ไม่เคยได้คุยกันถึงเรื่องตรงนี้นะ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้มันเงียบไปนานแล้วไง แล้วจู่ๆ ก็มาโผล่อีก"
พร้อมกันนี้ อดีตมือกลองคนสนิทยังเผยต่ออีกว่า ช่วงชีวิตที่ “ไกรสร” กับ “พุ่มพวง” ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันทั้งคู่ก็รักใคร่ดูแลกันเป็นอย่างดี โดยไกรสรจะเป็นเหมือนบอดี้การ์ดให้ ส่วนหนึ่งจึงไม่อยากปักใจเชื่อ ว่าจะทำกับภรรยาอันเป็นที่รักแบบที่ในเทประบุได้
"ตอนที่เขาอยู่ด้วยกันดีมากเลยนะ เขาจะไปไหนคู่กัน เขาจะแหย่กันหลังเวทีแต่เขาไม่เสียงดัง ก็จะกุ๊กกิ๊กกัน จี๋เอวกันบ้าง บางทีก็เอามือแหย่ตูดกัน เขาก็จะบอกบ้ามาเล่นอะไรตรงนี้ เขาก็เหมือนพี่น้องกัน เราก็ดูแล้วน่ารักไปอีกแบบนึง"
"เขาก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับคณะ เป็นบอดี้การ์ดดูแลพุ่มพวงอย่างเดียว การเงินการทองพุ่มพวงเขาก็เป็นคนจ่ายเอง เขาจ่ายเองทุกอย่าง เขาจะมีบัญชีไว้หมดทุกอย่าง ไม่ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการวงอะไรเลย เรื่องบัญชีเขาก็อาจจะแค่ถือสมุดเฉยๆ เรื่องงานพี่ปุ้มก็จะไม่ยุ่ง อาจจะดูแลเรื่องการเงินบ้างอะไรบ้างในส่วนตัวของหัวหน้า คือทางพี่ปุ้มเองเข้าก็ไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย เพราะเห็นว่าเราทำกันมานานอยู่แล้ว"
"คือคุณปุ้มเขาไม่ค่อยพูด เขาจะยิ้ม มาเจอเด็กๆ ก็จะสวัสดี เขาก็จะยิ้มอย่างเดียว ครับๆๆ คือแกจะไม่ค่อยพูด เป็นคนเงียบๆ แล้วพูดไม่ค่อยดัง เขาจะเป็นคนพูดเพราะ นิ่มๆ สุภาพ เรียบร้อย พี่ปุ้มเองแกก็เป็นที่รักของลูกน้องในวง ลูกน้องก็รักแกทุกคน เขาก็เป็นคนใช้ได้ แต่ตอนช่วงที่เขาเป็นดาราเขาก็อาจจะมีเที่ยวบ้างอะไรบ้างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต"
ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า “พุ่มพวง” รัก “ไกรสร” มากมายนั่นก็คือการมีลูกด้วยกัน เนื่องจากขณะนั้นชื่อเสียงรวมไปถึงโอกาสด้านหน้าที่การงานต่างๆ ก็อยู่ในช่วงเฟื่องฟูสุดๆ
"ก็คือลูกไง กับแฟนคนแรกเขาไม่เคยมีลูก แต่ครั้งนี้เขายอมปล่อยให้ท้องเลย เขาก็คงคิดว่ามีไว้สักคนเป็นที่พึ่งทางใจ นี่พ่อนะ พี่แม่นะ นี่ลูกนะ 3 คนรวมเป็นครอบครัว เหมือนว่าเขายอมที่จะสร้างครอบครัว เขาไม่ได้คิดว่ามีลูกแล้วกระแสเขาจะตกรึเปล่า เขามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่า เหมือนช่วงนี้ดารานักร้องพอมีลูกมีเต้าเขาก็จะอาย"
"ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องน่าอายตรงไหนเลย เขาคิดอย่างนั้น การมีลูกมีครอบครัวมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เขารักเรา เขาก็ต้องรักลูกเรา รักแฟนเราเขาคิดอย่างนั้นมากกว่า ตอนนั้นออกไปหน้าเวทีปุ๊บกระแสก็ดีมาก ขนาดมีน้องเพชรแฟนๆ ก็ยังแย่งกันกอด เรียกว่าขนาดอุ้มไปร้านค้า ลิปสติกเต็มแก้ม ก็จะเรียกเพชรให้ยายหอมที ให้ป้าหอมที แกก็ยิ้มแกก็ภูมิใจที่เขารักลูกแกด้วย"
"คำว่าครอบครัวนี่สำคัญ ญาติพี่น้องก็ส่วนญาติพี่น้องเขาก็มีภาระส่วนตัวกัน แต่เขาตัวคนเดียว แฟนไม่มีเขาก็ต้องหาคู่ แล้วบังเอิญเขาคิดว่าใช่ ก็เลยเลือกพี่ปุ้มมาเป็นที่ปรึกษา ทำโน่นทำนี่ให้เพราะว่าเขาอ่านหนังสือไม่ออก ก็ได้พี่ปุ้มนี่แหละ มาช่วยดูแลทุกอย่าง เป็นเหมือนทั้งแฟนเป็นเหมือนทั้งผู้จัดการ คือคนเรารักกันแล้ว ก็คงไม่คิดอะไรแล้วล่ะ"
ทั้งนี้อดีตมือกลองคนเดิม เผยสั้นๆ ถึงจุดหักเหที่เป็นชนวนทำให้ “ไกรสร” บาดหมางกับครอบครัวของภรรยา ปะทุตอนที่ราชินีลูกทุ่งเสียชีวิตลง แต่ตอนนี้แผลที่มีก็ถูกสมานเป็นที่เรียบร้อย
“ก่อนหน้านั้นเขาดีกัน รักกัน คือตอนที่แกตายเขาคงจะมีการเข้าใจอะไรผิดกัน ก็คิดว่าพี่ปุ้มไปทำลูกเขาตายรึเปล่า เอ็งให้ความรักลูกข้าไม่พอรึเปล่าก็เลยทะเลาะกัน แต่พี่ปุ้มเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่ามีลูกเสร็จปุ๊บ ลูกโตก็พาไปอยู่เมืองนอก พอกลับมา หลานเพชรก็บอกว่าให้พาไปหายายหน่อย แกก็เลยตัดสินใจพาหหลานไปหายาย คือว่าโตแล้วไง เขาก็เลยเข้าไปขอขมาว่าผิดไปแล้วแล้ว โอ่งพี่ผิดไปแล้ว ไก่พี่ผิดไปแล้ว ก็อโหสิกันแค่นี้เอง”
“ทุกคนแหละ คำว่าลูกให้ได้ทุกอย่าง อย่างที่พี่ปุ้มแกพูดก็ถูก จะชั่วจะดีก็ลูก จะแขนด้วนขาด้วนกลับมาก็ลูก แต่ด้วยบางทีเพชรเองอาจจะยังไม่โต บางทีก็ต้องให้โอกาสเขา อย่างตอนนี้พี่ปุ้มเองเขาก็ให้โอกาสลูก ก็ปล่อยเขาสักวันเดี๋ยวเขาก็จะรู้ ว่าพ่อแม่รักลูกแค่ไหน ผมว่าปัญหาของเพชรกับพ่อตอนนี้ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน แล้วเพชรยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะเพราะยังเด็กด้วย แต่ยังไงซะ ผมเชื่อว่าพ่อลูกตัดกันไม่ขาดหรอก สักวันต้องคุยกันได้ แต่จะเป็นเมื่อไหร่แค่นั้นเอง”
***
(ฟังพุ่มพวงแฉกันจะๆ 2)ตอน "ยอมเพราะรัก"
(ฟังพุ่มพวงแฉกันจะๆ 1) ตอน "กำเนิดเทปลับ"
“เพชร” ท้าพิสูจน์ ไม่ได้บ้า เข้าตรวจสุขภาพจิตแล้ว
“เพชร” เดินหน้าสร้างหุ่นขี้ผึ้งแม่ พร้อมประกาศหามือโพสต์
แฟน “เพชร” เอาจริง! แจ้งความดำเนินคดีกับ เมีย “ไกรสร” ฐานกล่าวหาโดนข่มขืน
“ไกรสร” ร่ำไห้ ยันฟ้อง “เพชร” เพราะปักใจเชื่อลูกจิตไม่ปกติ ซัดเพราะ “อ้อย” ทำให้เพชรเสียคน ด้าน “นที” ยันไกรสรไม่ได้เป็นเกย์
“เพชร” เสียใจพ่อหาว่าบ้า เผย ยอมตรวจแต่พ่อต้องตรวจด้วย เปรยอยากเปลี่ยนนามสกุล
ทนายชี้ "หมอ" ไม่มีสิทธิ์แถลงว่าใครบ้า ส่วน "ไกรสร" ถ้าใช้มรดกหมดเตรียมหามาคืน "เพชร" ได้เลย
“ไกรสร” ร้อง OH MY GOD ยันไม่เคยทำอะไรลูก บอกที่ "เพชร" พูดแบบนั้นเพราะอยากให้คนสงสาร
“เพชร” รับ โดนพ่อกระทำตั้งแต่อายุ 12 เผย "ญาติพุ่มพวง" รู้แต่ไม่เคยช่วยอะไร
แฟน “เพชร” ฉุน เมียใหม่ “ไกรสร” กล่าวหาเป็นหญิงใจแตก ขู่ฟ้องหากไม่ขอโทษ ท้าสาบานถ้าโกหกให้ตายภายในสามวันเจ็ดวัน
17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(3):เขย่าติ้ว เสี่ยงเซียมซี
“เพชร” สึกแล้ว กราบขอโทษครอบครัว วิงวอนขอให้ปล่อยตนไป เผย อยู่กับพ่อไม่ได้จนเคยคิดฆ่าตัวตาย ส่วนสาเหตุเป็นเพราะเรื่องผิดปกติทางเพศของพ่อหรือไม่? ขอไม่ตอบ
17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(2):พิสูจน์รักไกรสร
ฟังกันจะๆ "แฟนพระเพชร" แอบอัดเสียง "น้องพุ่มพวง" กรณีไม่ยอมพูดความจริงว่า หลานหนีไปอยู่ด้วย
17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(1):ย้อนรอยริ้วแห่งอดีต
ญาติ“พุ่มพวง” ร้องไห้ยกบ้าน กราบขอโทษ “พระเพชร” ยันไม่ได้ฆ่าแม่ ด้าน “ไกรสร” ไม่รับไม่ปฏิเสธกรณีลูกชายเตรียมแฉเรื่องความผิดปกติทางเพศ
ศึกวันพุ่มพวง ดูกันแบบเต็มเหนี่ยว “พระเพชร” ก้าวร้าว หรือฆราวาสอาละวาดกันแน่!!
แฟนโต้ เหตุที่เอา “พระเพชร” มาอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะเจ้าตัวรับเรื่องทางเพศของพ่อไม่ได้ แต่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร
ครอบครัวยันไม่ได้ฆ่า “พุ่มพวง” โต้ไม่เคยคิดเกาะ “เพชร” กิน
“ไกรสร” หวั่น “เพชร” โดนของ! สุดช้ำโดนลูกด่า บ่น “ผึ้ง” ก็กตัญญูทำไมลูกเป็นแบบนี้
เปิดเทปลับ ใครกันแน่ที่ฆ่า "พุ่มพวง ดวงจันทร์"?
รำลึก 17 ปี "พุ่มพวง" ลูก-ญาติหวิดฟาดปาก