xs
xsm
sm
md
lg

“ถ้าผมไม่แสดง พวกเขาจะฆ่าผม” สารสุดท้ายจาก “ไมเคิล แจ็กสัน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับเป็นเรื่องที่กดดันและรบกวนจิตใจ “ไมเคิล แจ็กสัน” ราชาเพลงป๊อปผู้จากไปมากทีเดียว กับการที่เขาต้องขึ้นแสดงคอนเสิร์ตครั้งสำคัญยาวนานกว่า 50 รอบ ที่เบื้องหลังแล้วเขาเผยกับเพื่อน ว่า “ถ้าผมไม่แสดงพวกเขาจะฆ่าผม”

ปัญหาเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่ติดตัวเขามายาวนาน จนกระทั่งข่าวคราวการหวนคืนเวทีกลับมาแสดงคอนเสิร์ตอีกครั้ง ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของนักร้องดังแทบแตกสลายจวบจนวันที่เขาเสียชีวิต

การพึ่งพายาต่างๆ ของไมเคิล เริ่มบานปลายมากขึ้น จนยากจะควบคุม ส่งให้นักร้องที่มีโชว์ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกต้องตกเป็นเหยื่อลงไปในหลุมดำมืดบอดที่พาชีวิตเขาไปสู่ประสบการณ์อันเลวร้าย

ร่างกายที่ปกติก็แทบจะแตกสลายอยู่แล้วของไมเคิล ในที่สุดก็ได้หยุดทำงานลงหลังจากที่เขาซ้อมหนักเพื่อเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตการกลับคืนเวทีอีกครั้งของเขาที่กำลังจะจัดขึ้นที่ โอทู อารีนา ในเดือนหน้านี้

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเขาได้กล่าวเมื่อคืนนี้ ว่า “เราค่อนข้างวิตกอย่างมากเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเขาตอนช่วงหลังๆ มานี้ ที่ทำให้เขาเริ่มพบจิตแพทย์บ่อยขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่า ตอนนี้เขาถูกผลักให้จนมุมแล้ว ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลว่าเขาอาจจะตาย หรืออาจถูกฆ่าถ้าหากเขาไม่แสดงคอนเสิร์ตที่ลอนดอน”

“เขายังพูดต่อไปว่า เขาต้องแสดงคอนเสิร์ตนี้ เพราะว่าเขาเป็นหนี้และต้องใช้เงินจำนวนมาก เขาจะพูดแต่เรื่องนี้เสมอ ร่างกายของเขาเริ่มจะหยุดทำงานแล้ว ขณะที่เขาก็ต้องการใช้ยามากขึ้นๆๆ”

“เพื่อนของเขาบอกเลยว่า เขาได้เซ็นใบมรณบัตรไว้เรียบร้อย ทันทีที่เขาจรดปากกาลงไปเพื่อทำสัญญาการแสดงที่กำลังจะจัดขึ้นที่โอทู เขาไม่ยอมแพ้ต่อสภาพร่างกายและจิตใจของตนเองเลย”

ทางด้านผู้ช่วยของเขาเองก็เริ่มที่จะกังวลมากขึ้นในเรื่องอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะคงที่ของไมเคิลก่อนที่เขาจะตายเท่าใดนัก ชั่วขณะหนึ่งเขาทั้งตื่นเต้น, มีพลัง และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แต่ต่อมาเขาก็ลงไปนั่งกับพื้นและก็เริ่มสับสน ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคนรอบข้าง เขาเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับแผลเป็นเล็กๆ จากการผ่าตัดที่หน้าอกจากการศัลยกรรมผิวหนังที่มีเซลล์มะเร็ง และเริ่มท้อแท้เมื่อเขาถูกกำหนดให้ใช้ยาเพิ่มสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเบื้องต้น

เขาบอกกับเหล่าสตาฟ ว่า เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่ามะเร็งจะเป็นตัวฆ่าเขา และนั่นคือ สิ่งที่เขาถูกลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้า แต่เขาไม่บอกเหตุผลว่าทำไม

ความพยายามต่างๆ มากมายเริ่มแสดงออกมาเรื่อยๆ เพื่อที่จะโน้มน้าวเขาให้ใจเย็นลง และบอกให้เลื่อนการแสดงออกไปด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพที่ระบุเพิ่มเติมว่าหูของเขาเองก็ใกล้จะดับเต็มทีแล้ว แต่เขาก็ตอบกลับทันที “ผมเป็นหนี้เขาไปทั่ว พวกเขาจะฆ่าผม ถ้าผมไม่ร้องเพลงที่ลอนดอน”

ทางด้านทนายความของครอบครัวแจ็กสัน ก็ได้ออกมากล่าวตำหนิคนวงในเมื่อวานนี้ ว่า พวกเขากดดันไมเคิลมากเกินไป

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางครอบครัวของแจ็กสันได้กล่าวว่าพวกเขาอยากรู้อย่างมากถึงบทบาทของ AEG และที่ปรึกษาของเขา ว่า ปฏิบัติและให้คำแนะนำกับไมเคิลอย่างไรถึ งทำให้เขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้

ไบรอัน อ็อกซ์แมน ที่คุ้นเคยกับครอบครัวของแจ็กสัน ออกมากล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ผมกลัวมาตลอด และเป็นสิ่งที่ผมคอยเตือนมาหลายครั้งแล้ว”

ทางด้าน ทารัค เบ็น แอมเมอร์ อดีตโปรดิวเซอร์และเพื่อนของแจ็กโก ก็ออกมากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ไมเคิล เคยตกเป็นเหยื่อของ “แพทย์จอมหลอกลวง” มาแล้ว ทำให้เขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา

“มันแน่ชัดสำหรับผมว่า อาชญากรรมในเหตุการณ์นี้ คือ หมอที่ดูแลเขาและคอยดูแลเรื่องงานของเขามาตลอด เป็นผู้ทำลายใบหน้าและให้ยาเขาเพื่อคอยบรรเทาความเจ็บปวด ไมเคิลเป็นเพียงแค่คนที่คิดว่าตนเองป่วย และไม่มีใครเคยรู้จริงๆ เลยว่าเขานั้นป่วยเพราะว่า เขาถูกแวดล้อมไปด้วยหมอจอมหลอกลวงที่คอยแต่จะเรียกเก็บเงินจากเขาเป็นจำนวนนับๆ พันดอลลาร์ เพื่อจ่ายแค่ยาแก้ปวดกับวิตามิน”

ทางด้านแหล่งข่าวอื่นๆ ออกมาระบุว่า “ไมเคิลถูกโน้มน้าวว่าถ้าหากเขาไม่ขึ้นแสดงที่ลอนดอน เขาจะต้องตาย เขาพูดแต่ว่า “พวกเขาจะฆ่าผม” แต่ไม่มีใครเข้าใจจริงๆ ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร เขาเหมือนคนจิตตก”

ทางด้านนายทุนที่จัดคอนเสิร์ตที่โอทู ยืนยันว่า แจ็กโกได้ผ่านการตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญาทำข้อตกลงเมื่อเดือน มี.ค.ที่่ผ่านมานี้แล้ว ไมเคิล หวังเพียงว่าคอนเสิร์ต This Is It จะเป็นการฟื้นและปลุกอาชีพนักร้องของเขาให้กลับมาโชติช่วงขึ้นอีกครั้ง และลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของเขาทิ้งไปได้

ซึ่งตัว ไมเคิล ได้รับการคาดการณ์ว่า เขาจะได้รับเงินเป็นจำนวนถึง 50 ล้านปอนด์ จากการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ ในช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิตเขาอยู่ในภาวะที่เรียกว่าเกือบล้มละลาย และอยู่ได้โดยอาศัยความกรุณาจากบรรดาเพื่อนๆ และความช่วยเหลือจากธนาคารเท่านั้น

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ประเด็นหลักๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับครอบครัวของเขาว่าจะจัดการกับข้อตกลงต่างๆ ทางด้านทรัพย์สินของนักร้องดังอย่างไร

มิสเตอร์ อ็อกซ์แมนกล่าวว่า “ผมคาดว่าการเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน เป็นแค่จุดเริ่มต้นเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมายที่ไม่ใช่เพียงแค่ในตัวเด็กๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ของเขาด้วย”

บัตรคอนเสิร์ตมากกว่า 750,000 ใบถูกขายหมดเกลี้ยง แต่ข้อกังวลต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังจากที่ 4 คอนเสิร์ตแรกของเขาถูกเลื่อนออกไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทางนายทุนผู้จัดคอนเสิร์ตอย่าง AEG LIVE ตอนนี้พวกเขาต้องประสบกับภาวะทางการเงินอย่างหนักกับค่าเสียหายที่มีมูลค่ากว่า 300 ล้านปอนด์ ซึ่งการเสียชีวิตของแจ็กโก ต้องทำให้พวกเขาจ่ายเงินคืนค่าบัตรคอนเสิร์ตเป็นจำนวนถึง 51 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว

ทางด้านปัจจัยอื่นๆ อย่าง ต้นทุนโปรดักชันการผลิต, รายได้ที่คาดว่าจะได้จากแผนทัวร์คอนเสิร์ตในอนาคต และการจ่ายเงินล่วงหน้า ทุกอย่างนั้นได้อันตรธานลอยหายไปในอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ “ไมเคิล แจ็กสัน” และได้มีการสอบสวนไปยังพยานคนสำคัญอย่าง “ดร.คอนราด โรเบิร์ต เมอร์เรย์” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจ ที่เปิดเผยว่า อยู่กับไมเคิลที่บ้านพักของเขา และยังอยู่กับไมเคิลตอนที่หน่วยกู้ชีพมาถึงนั้นผลออกมาไม่พบข้อพิรุธแต่อย่างใด
...
เกิดปัญหาลิขสิทธิ์เพลงบีทเทิลส์ หลังจาก 'ราชาเพลงป๊อป' ล่วงลับ

ความอัปยศตราบาปที่ยากจะลบเลือนในชีวิต"ไมเคิล แจ็กสัน"

ตร.เตรียมสอบหมอส่วนตัว "ไมเคิล แจ็กสัน" หวั่นฉีดมอร์ฟีนให้จนตาย ผลชันสูตรชี้ไม่ใช่ฆาตกรรม

จาก ‘ไมเคิล แจ็กสัน’ ถึง ‘ไมเคิล ก็อปปี้’ อินไทยแลนด์

ไมเคิล แจ็กสัน” จากดวงจันทร์สู่ผืนดิน

ลือแซด "ไมเคิล" อาจหัวใจวายเพราะติดยาแก้ปวด

แฟนเพลงร่วมอาลัย"ราชาเพลงป๊อป"ลาโลก

20 ภาพย้อนรอยทรงจำของ “ไมเคิล แจ็กสัน” ราชาเพลงป็อปผู้ลาลับ

ช็อกโลก! “ไมเคิล แจ็กสัน” หัวใจวาย เสียชีวิตแล้ว!

ช็อกโลก! สื่อมะกันรายงาน “ไมเคิล แจ็กสัน” ตายแล้ว

เผยภาพหูสุดช็อคของ"ไมเคิล แจ็กสัน"หลังเฉือนกระดูกอ่อนไปสร้างจมูกใหม่

"ไมเคิล แจ็กสัน"ยิ้มสู้แม้หมอยันเป็นมะเร็งผิวหนัง

"ราชาเพลงป็อป" ขอเดิมพันด้วยคอนเสิร์ตสุดท้ายที่ลอนดอน

"ไมเคิล แจ็กสัน"แย่อีกทำจมูกใหม่จนติดเชื้อ
แฟนๆแห่ร่วมไว้อาลัยใจกลางกรุงลอนดอน
แฟนคลับที่อยากได้ไมเคิลคืนมา
กำลังโหลดความคิดเห็น