xs
xsm
sm
md
lg

17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(1):ย้อนรอยริ้วแห่งอดีต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




เกร็ดนี้บันทึกไว้ในเรื่อง "พิธีพระราชทานเพลิงศพ และมหกรรมเพลง พุ่มพวง ดวงจันทร์" ในพ็อกเกตบุ๊กชื่อ "เพลงชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์" ของ MAYA PUBLICATIONS PRESENTS ความบางประโยคนั้น ว่า...

** ขบวนรถนำหน้าศพโดย เกสโรภิกขุ (ไกรสร แสงอนันต์) ที่บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับเมียรัก สถานภาพของผู้ทรงศีลไม่อาจจะช่วยให้ ความขัดแย้ง ระหว่างเขากับครอบครัวจิตรหาญดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะทันทีที่เกสโรภิกขุเข้าใกล้รัศมีของคนในครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ทุกคนจะลุกหนีราวกับนัดกันไว้

** เชื่อว่าต่อไปนับจากนี้ มรดก ที่พุ่มพวง ดวงจันทร์ทิ้งไว้จะมีปัญหาระยะยาว และอาจจะนำไปสู่เรื่องราวที่คาดไม่ถึงกับคนชื่อไกรสร ลีละเมฆินทร์ ก็เป็นได้

** ก่อนเสียชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผูกพันอยู่กับความเชื่อเร้นลับฉันใด หลังเสียชีวิต แม่เล็ก จิตรหาญ ก็ทำการสถาปนาลูกสาวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน ประเดิมด้วยการเปิดร้านแม่พุ่มพวงด้วยเหรียญที่ระลึกด้านหน้าเป็นรูปพุ่มพวง ด้านหลังเป็นนางกวัก เหตุผลกำกับสำหรับการสร้างคือ พุ่มพวงมาเข้าฝันวานให้แม่ช่วยสร้างเพื่อเป็นของที่ระลึกจำนวน 1 แสนเหรียญ ชื่อรุ่น "พุ่มพวง บล็อกแตก" ที่เหลือหลังจำหน่ายจะบรรจุพร้อมอัฐิ รอวันกรุแตกในวันหน้า ณ วันที่ขาย 1 เหรียญ 50 บาท แถมเทป 1 ม้วน

หน้า 67 ของหนังสือเล่มนี้ บันทึกว่า
ณ วันที่พุ่มพวง ดวงจันทร์เสียชีวิต มรดกที่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการคือ
- อาคารชุดที่สยามคอนโดมิเนียม ราคา 4 ล้านบาท
- อาคารชุดที่สีลมคอนโดมีเนียม ราคา 5 ล้านบาท
- อาคารชุดที่จุลดิศแมนชั่น ราคา 6 ล้านบาท
- บ้านพักที่ซอยราชครู ราคา 8 ล้านบาท
- บ้านพักที่ อ. สันทราย จ. เชียงใหม่
- ที่ดิน จ. ลำพูน จำนวน 22 ไร่
- ที่ดินรกร้างบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ 22 ไร่
- ที่ดินใน อ. ชะอำ หัวหิน จำนวน 30 ไร่ เพื่อสำหรับทำรีสอร์ต
- เครื่องเพชร – ทอง ในตู้เซฟธนาคารกสิกรไทย สาขาเชียงใหม่

ณ วันนี้ 17 ปีให้หลัง สมบัติเหล่านี้อยู่ที่ไหน ใครดูแลรับผิดชอบอยู่ !! ความหลายประโยคเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ และบอกความนัยบางอย่าง !!…

เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน และตัวละครเปลี่ยน !!

ทีมสกู๊ปข่าวบันเทิง ASTV Manager Online ย้อนรอย "เพลงชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์" เตือนและบันทึกความทรงจำ
...
กว่า "รำพึง จิตรหาญ" จะเป็นดาว
รำพึง จิตรหาญ หรือ น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ หรือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ เกิดเมื่อ 4 สิงหาคม 2504 ณ บ้านดอนตำลึง ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นลูกคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 12 คนของพ่อสำราญ และแม่จรัญ จิตรหาญ

ชื่อเสียงของอำนาจและน้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย สองพี่น้องตระกูลจิตรหาญ แห่งบ้านดอนตำลึงเป็นที่เลื่องลืออในฐานะนักกวาดรางวัลจากเวทีการประกวดร้องเพลง ฝ่ายชายผู้พี่ยึดเงาเสียงของศรคีรี ศรีประจวบ เป็นแบบ ข้างฝ่ายหญิงผู้น้องยึดเงาเสียงของผ่องศรี วรนุช และขวัญจิต ศรีประจันต์ เป็นแบบชิงชัยสะท้านคู่แข่งขันอื่นๆ ในงานประจำปีของวัด

จากระดับหมู่บ้านก้าวไปสู่ระดับอำเภอ และจังหวัดโดยลำดับ แค่นั้นยังไม่สะใจเท่ากับการเข้าแข่งขันข้ามจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ เช่น กาญจนบุรี นครปฐม สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี
...
เพลงชีวิต พุ่มพวง ดวงจันทร์
แทน เทวินทร์ นักจัดรายการชื่อดังของลพบุรี ต้องขอร้องให้พี่น้องคู่นี้งดการแข่งขัน เพราะกวาดรางวัลมากเสียจนคนจำหน้าได้แล้ว

แท้จริงแล้ว "น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย" คือชื่อ รำพึง จิตรหาญ ตั้งขึ้นเพื่อประกวดร้องเพลง ชื่อนั้นมาจากชื่อเล่น ส่วนสกุลนั้นมาจากอาชีพที่ครอบครัวเธอรับจ้างทำอยู่

เคยมีหมอดูโหงวเฮ้งท่านหนึ่งทายทักเธอว่าอนาคตเธอจะโด่งดังเทียบเท่าผ่องศรี วรนุชเชียว แต่เธอไม่เชื่อ

สถานภาพครอบครัวเธอจัดอยู่ในขั้นที่ยากจนมาก เมื่อมีน้องท้องต่อๆ มาที่เรียงต่อจากเธออีก 6 คน ประกอบกับค่านิยมของแม่นั้นเห็นว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนมาก โตขึ้นก็มีครอบครัว ฉะนั้นการศึกษาของเธอจึงอยู่แค่ระดับที่ยังไม่จบชั้นประถม

"ต้องเลี้ยงน้องเลยหยุดเรียนหนังสือ แกว่งเปลน้องไป ร้องเพลงไปทุกวัน นึกเพลงอะไรได้ก็ร้อง ตอนนั้นก็รับจ้างตัดอ้อยไปเรื่อยๆ กลางวันหนูเลี้ยงน้อง พอมีเวลาก็ไปเรียนนิดๆ หน่อยๆ"

โรงเรียนบ้านดอนตำลึงสมัยนั้นเป็นโรงเรียนแบบเล้าไก่ หลังคามุงจากตั้งอยู่กลางสนาม การขาดเรียนบ่อยของเธอทำให้ครูต้องถีบรถจักรยานไปตามถึงไร่อ้อย แต่ปัญหาทางเศรษฐกิจและค่านิยมของครอบครัวนั้น ยากเกินกว่าครูจะเข้าแทรกแซงแก้ไขและแบกรับไหว จึงต้องปล่อยเลยตามเลยในเวลาต่อมา

สภาพของรำพึง จิตรหาญ จึงไม่ต่างจากเด็กชนบทจำนวนมากในสังคมไทยที่ไม่มีโอกาสได้รู้ถึงขั้นอ่านออกเขียนได้ ครูท่านหนึ่งแห่งโรงเรียนบ้านดอนตำลึงยืนยันว่าเธอไม่ได้มาสอบเทอมปลายของชั้น ป.2 นั่นหมายความว่าเธอไม่จบแม้แต่ชั้น ป.2 มิไยต้องพูดถึงระดับการศึกษาภาคบังคับ การขาดคุณสมบัติของชีวิตข้อนี้ได้โยงเข้าสู่ปัญหาอื่นๆ อีกมากมายในชีวิตเธอ

"พอน้องหลับหมดแล้วก็หาของไปขาย เก็บผัก หาบไปขายตามโรงงาน หาดอกไม้ป่าเก็บๆ รวมๆ แล้วมัดเอาไปขาย เขาก็ไม่ซื้อเพราะดอกไม้มันไม่สวยไม่เหมือนดอกไม้เมือง ก็ต้องร้องเพลงให้เขาฟัง พอร้องเพลงให้เขาฟัง เขาก็ถามว่าเท่าไหร่ หนูก็บอกว่ากำละสองบาท เขาบอกว่าเอาไปเลยสามบาท เขาอยากฟังเพลงอะไรก็ร้อง คือหัวสมองนี่ไม่มีการเรียน มีแต่เพลงอย่างเดียวร้องเพลงมีแต่คนสนใจ บางทีกลางคืนหลังจากแม่กลับจากทำงานแล้ว กกน้องนอนให้หลับ โรงงานแถวๆ บ้านก็เรียกไปจุดตะเกียงร้องเพลงให้เขาฟัง เขาพอใจก็ให้สตางค์"
...
จากกรุงเทพฯ ซมซานกลับบ้านนา
หลายคนอาจจะคิดว่าพุ่มพวง ดวงจันทร์ เริ่มต้นเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเมื่ออยู่ในวงไวพจน์ เพชรสุพรรณ แต่ความจริงแล้วหาใช่อย่างนั้นไม่ เพราะก่อนหน้านั้นเธอและอำนาจ พี่ชายเคยเข้ากรุงเทพฯ มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง วงดนตรีวงแรกที่สองคนพี่น้องจิตรหาญเข้าไปพักพิงคือวงดนตรี "ดวง ดนุชา"

เป็นครั้งแรกที่เข้ามาลิ้มรสชาติอันแสนขมขื่นของนักร้องลูกทุ่งซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบาก อดมื้อกินมื้อ ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งโชคชะตาคงจะเข้าข้างชีวิตของเขาและเธอบ้าง ให้กำลังใจกับชีวิตไม่เท่าไหร่ วงดนตรีดวงอนุชาก็ประสบปัญหามากมายในวงจนต้องเลิกวงไปในที่สุด

ทั้งคู่กลับบ้านที่สุพรรณฯ ไปรับจ้างตัดอ้อยเหมือนเดิม

ที่วัดทับกระดาน – มีงานประจำปี และค่ำคืนนั้นมีการแสดงวงดนตรีของไวพจน์ เพชรสุพรรณ เมื่อความใฝ่ฝันของลูกคือการเป็นนักร้อง พ่อจึงตัดสินใจพารำพึง จิตรหาญ เข้าพบหัวหน้าวง และฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกสาวด้วย

ชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนั้นที่วัดทับกระดาน นึกไม่ถึงว่าวาระสุดท้าย งานพระราชทานเพลิงศพของเธอก็กลับไปสู่ที่เดิมอีกครั้ง เรียกว่าทั้งฝากและทั้งฝังบนที่เดียวกัน หากแต่ต่างกันที่วัน – เวลา เท่านั้น

แม้ว่าค่ำคืนนั้นน้ำเสียงหวานปนเศร้าของเธอ นอกเหนือจากเรียกความสนใจจากแฟนเพลงหน้าเวทีแล้ว ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ยังเห็นว่าเด็กคนนี้จะต้องไปไกลในแวดวงลูกทุ่งอย่างแน่นอน

ใช่ว่าการเป็นนักร้องจะเริ่มต้นอย่างง่ายดาย พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้รับคำประณามเหยียดหยามแกมอิจฉาจากรุ่นพี่บางคนในวง ทำหน้าที่ตั้งแต่เก็บชุดหางเครื่อง เต้นหางเครื่อง ต่อมากระทั่งเป็นนักร้องหน้าเวที หรือแม้แต่วันไหนที่ตลกขาด เธอก็ต้องทำหน้าที่นั้น ทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นการสั่งสมประสบการณ์ชั้นเยี่ยมแก่เธอในเวลาต่อมา และคงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ชั้นเยี่ยมบนเวที

"ตอนที่หนูเข้ามายังไม่มีโครงการจะร้องเพลงหรือจะเต้นหางเครื่องเพราะยังเต้นไม่เป็น มาที่บ้านก็ช่วยเขาเลี้ยงลูก ทำกับข้าว ทำทุกอย่างที่จะทำได้และเก็บชุดหางเครื่องด้วย ตอนนั้นตัวยังเล็กอยู่เลยยังเต้นหางเครื่องไม่ได้"

หลังจากการลองเสียงที่วัดทับกระดานแล้ว เธอมีโอกาสปรากฏตัวครั้งที่สองบนเวทีวัดบ่อทอง ซึ่งเธอจำไม่ได้ว่าเป็นจังหวัดอะไร และครั้งที่สามที่ลำนารายณ์ หนนี้เธอมีชุดใหม่ที่เขาจัดซื้อให้ เป็นกระโปรงตัวละ 25 บาท อัดพลีตสีชมพู เธอแต่งตัวตั้งแต่ดนตรียังไม่เล่นเพื่อมิให้ประหม่าตอนขึ้นเวที เธอเล่าว่าคอยจนเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่าวงดนตรีเลิกแล้ว เธอต้องใส่รองเท้านักเรียนและใส่ถุงเท้ายาวเพื่อให้กลืนกันไป เพลงเด่นของไวพจน์ที่เธอเต้นหางเครื่องคือ "แม่แตงร่มใบ" และ "ฟังข่าวทิดแก้ว"

และรำพึง จิตรหาญ ก็ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น "น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ" ด้วยบทเพลงแรกคือ "แก้วรอพี่" โดยอัดเสียงกันที่ห้องอัดเสียงกมล สุโกศล ใช้เวลาในการต่อเพลงเพียงไม่กี่เที่ยวก็ร้องได้ ค่าร้องตอนนั้น 80 บาท เพลง "แก้วรอพี่" ถือเป็นเพลงต่อเนื่องกับคมเพชร แก้วเมืองกาญจน์

เมื่อธีระพล แสนสุข มือแซกโซโฟนของวงไวพจน์ เพชรสุพรรณ ก้าวเข้ามาในชีวิตของพุ่มพวงในฐานะสามี การที่เธอด่วนตัดสินใจมีสามีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมิต้องการอยู่ในความดูแลของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ตลอดชีวิตเฉกเช่นวัฒนธรรมของคนในวงการที่นิยมปฏิบัติสืบต่อกันมา แม้ว่าไวพจน์ เพชรสุพรรณ จะได้ชื่อว่าเป็น "พ่อบุญธรรม" ก็ตาม

อีกด้านหนึ่ง ทั้งรู้ว่าการจากวงไวพจน์นั้นทำให้ชีวิตครอบครัวของทั้ง 2 คนไม่มั่นคงก็ตามสามีได้พาเธอไปเป็นหางเครื่องให้กับวงศรเพชร ศรสุพรรณ และ ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ตามลำดับ
...
กำเนิดชื่อ "พุ่มพวง ดวงจันทร์"
ที่วงดนตรีขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด เธอก็มีโอกาสได้พบกับมนต์ เมืองเหนือ ซึ่งปลื้มในน้ำเสียงของเธอตั้งแต่งานเพลง "แก้วรอพี่" เมื่อขวัญชัยขณะนั้นโด่งดังในเพลง "รักอันตราย" จึงมีการประพันธ์เพลงแก้ให้เธอร้องคือ “รักไม่อันตราย” และมนต์ เมืองเหนือได้เปลี่ยนจากชื่อ "น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ" มาเป็น "พุ่มพวง ดวงจันทร์"

"เขาบอกว่าชื่อน้ำผึ้งมันเชยเปลี่ยนใหม่ดีกว่า เขาเดินคิดไปคิดมาเขาบอกว่า เอาพุ่มพวง เพชรอีสาน ดีกว่า หนูก็บอกว่าหนูไม่ใช่คนอีสานนะ แต่เขาบอกว่าทางอีสานมันดังง่ายนะ เขาก็คิดไปคิดมาแล้วบอกว่า เอาพุ่มพวง ดวงจันทร์ ดีกว่า ร้องไห้ใหญ่เลย พุ่มพวงก็พุ่มพวง คำว่าพุ่มก็ใหญ่ พวงก็ใหญ่ แต่ตัวหนูเท่านี้ แล้วดวงจันทร์อีก พี่คิดดูซิ สะเหร่อจัง"

ย้อนกลับไปถึงชื่อดั้งเดิมคือ รำพึง จิตรหาญ นั้นก็มีที่มาอีกเช่นกัน

"ที่แม่ตั้งชื่อว่า รำพึง เพราะตอนนั้นพ่อเขาไปมีเมียน้อย คลอดหนูแล้วเลี้ยงลูกคนเดียว อยู่ไฟด้วยลำบากมาก เขาถึงได้ตั้งชื่อหนูว่ารำพึง แปลกมากเลย เป็นความผิดของเขา แต่มาตั้งชื่อหนู ชื่อรำพึงนี่ให้พระดู ท่านบอกว่าควรเปลี่ยนซะ ชื่อใหม่ เป็นชื่อที่ค่อนข้างอาภัพเพราะเกิดวันศุกร์ด้วย"

อยู่กับวงดนตรีขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ไม่นานก็โยกย้ายไปอีกด้วยการตระเวนไปกับวงดนตรีรุ่ง โพธาราม ซึ่งแยกกับไวพจน์ เพชรสุพรรณมาตั้งวงเอง ซึ่ง รุ่ง โพธาราม เป็นเพื่อนของธีระพล แสนสุข

ปี 2518 มีการเปิดวงดนตรีพุ่มพวง ดวงจันทร์ ขึ้นเป็นครั้งแรกที่วัดพญาปันแดน ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ วงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ยุคนั้นเป็นวงขนาดเล็ก มีลูกวงเพียง 20 คน เปิดแสดงแถวสุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก แต่สู้ค่าใช้จ่ายในแต่ละคืนไม่ไหว ขณะเดียวกันเพลงของพุ่มพวงก็ยังไม่ได้ติดหูคนฟังเฉกเช่นเพลงในยุคหลังๆ โดยเฉพาะค่าเช่าเครื่องดนตรีที่ได้ไต่ขึ้นจากคืนละ 2 พันบาท เป็น 6 พันบาท ผลจึงทำให้ธุรกิจดังกล่าวต้องปิดตัวเอง
...
เข้าสังกัดบริษัทเทปเจ้าแรก
ระหว่างปี 2522-2524 พุ่มพวง ดวงจันทร์ เริ่มเซ็นสัญญาเข้าสังกัดกับ บริษัทเสกสรรเทปเป็นครั้งแรก แกนหลักของบริษัทนี้มี เอื้อ อารีย์, ประจวบ จำปาทอง, ปรีชา (เสี่ยงู้) อัศวฤกษ์นันท์ และจากผลงานใหม่นี้เองส่งผลให้มีการตั้งวงอีกหนหนึ่ง ซึ่งเวลานั้นบริษัทเทปดังกล่าวมีการตั้งนักร้องไว้ 3 คู่ คือ เสรี รุ่งสว่าง และพุ่มพวง ดวงจันทร์, สุชิน สินส่งเสริม และคัมภีร์ แสงทอง, ชัชฏา ชินรัตน์ และพรชัย พรหมบัญชา แต่ดนตรีทั้งหมดนี้ก็ต้องยุติลงด้วยความล้มเหลวทางธุรกิจ

แต่พุ่มพวง ดวงจันทร์ซึ่งพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างจากเพลง "ทุ่งนางคอย" จึงตัดสินใจเดินสายเอง โดยมีธีระพล แสนสุข อยู่เบื้องหลังในการผลักดัน

ปี 2525 ธีระพล แสนสุข พาพุ่มพวง ดวงจันทร์ ย้ายมาเป็นนักร้องในสังกัดของบริษัท อโซนา โปรโมชั่น ของ ปิติ บุญสูง โดยมี อุดมเดช ชาญชัยศึก เป็นผู้จัดการว่าจ้างให้เธอร้องเพลงในอัตราเพลงละ 3-4 พันบาท ซึ่งช่วงระยะเวลาดังกล่าวถือว่ามีนักร้องลูกทุ่งหญิงในวงการน้อยมาก

จุดเริ่มต้อนของอโซนาฯนั้นได้มีส่วนสร้างนักร้องให้มายืนอยู่ในชั้นแนวหน้าในยุคต่อมาหลายคนไม่ ว่าเป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์, ศิรินทรา นิยากร, รังสี เสรีชัย, กิตติคุณ เชียรสงค์, ไพจิตร อักษรณรงค์, เทียรี่ เมฆวัฒนา ฯลฯ

แรงเสริม 2 ด้านที่ทำให้พุ่มพวง ดวงจันทร์ โด่งดังคือ หนึ่งผลงานการแต่งเพลงของลพ บุรีรัตน์ โดยมี อเนก รุ่งเรือง หรือ ประยงค์ ชื่นเย็น เป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสาน และสอง การที่รายการ "ชุมทางคนเด่น" ของประจวบ จำปาทอง เลือกเอาเพลงของพุ่มพวง อาทิ นางบังเงา, หัวใจถวายวัด, บทเรียนราคาแพง เป็นเพลงแม่แบบ ล้วนแต่ส่งผลแก่ชื่อเสียงเธอทั้งสิ้น

นอกจากนั้นบุคลิกลีลาของเธอถูกเปลี่ยนไปจากความเป็นลูกทุ่งแท้ไปสู่ความเป็นลูกทุ่งพัฒนา ซึ่งไม่อาจจะมีใครกล้าเข้ามาเทียบเคียงรัศมี เธอเป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงคนแรกที่ทำให้วงการลูกทุ่งกลับมาคึกคักอีกครั้ง

"มีลพ บุรีรัตน์ ที่ว่าถูกกันหน่อย แต่งทีไรขายได้หลายๆ แสนม้วน ตอนแรกคนเขาบอกว่า นักร้องลูกทุ่งถ้าออกทีวีจะตาย เพราะว่าบุคลิกนักร้องบางคนใช้ไม่ได้ หน้าตาไม่ดี ไม่รู้จักการเล่นกล้อง มีอะไรหลายอย่างที่เขาวิจารณ์ออกมา แต่ปรากฏว่าพอหนูออกทีวีคนดูกลับชอบ เขาก็เลยมาติดต่อไปเล่นหนัง"

ภาพยนตร์เรื่องแรกของพุ่มพวง ดวงจันทร์ คือสงครามเพลง ของฉลอง ภักดีวิจิตร นอกจากนั้นผลงานอื่นๆ ประกอบด้วย นักร้องนักเลง, รอยไม้เรียว, คุณนายป.4, เสน่ห์นักร้อง, หลงเสียงนาง, ผ่าโลกบันเทิง, สาวนาสั่งแฟน, ขอโทษที ที่รัก, มนต์รักนักเพลง

ปี 2526 ปลายเดือนกันยายน วงดนตรี พุ่มพวง ดวงจันทร์ ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การดูแลของธีระพล แสนสุข ครั้งนี้เป็นวงใหญ่ประกอบด้วยลูกวงราว 200 คน ค่าใช้จ่ายตกประมาณคืนละ 5 หมื่นบาท แต่ค่าจ้างคืนหนึ่งราว 8 หมื่น ถึง 1 แสนบาท

ระหว่างที่พุ่มพวง ดวงจันทร์ เทใจทุ่มกับงานอย่างเต็มที่ ปรากฏว่า ธีระพล แสนสุข เริ่มปันใจให้กับสลักจิต ดวงจันทร์ ความรักของธีระพล แสนสุข กับพุ่มพวง ดวงจันทร์ จึงขาดสะบั้นลง พุ่มพวงตัดสินใจยกวงดนตรีพร้อมสามีให้กับน้องสาว แต่กระนั้นในทางธุรกิจแล้วทั้งสองยังร่วมงานกันอยู่ และในที่สุดปี 2530 ธีระพล แสนสุข ก็ถูกน้องชายพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยิงตาย

แม้ว่าพุ่มพวงจะยกวงดนตรีให้น้องสาวไป ช่วงนี้มีผู้ที่เข้ามาพัวพันกับพุ่มพวง ดวงจันทร์ในทางธุรกิจเพลงถึง 3 ฝ่าย คือ ธีระพล แสนสุข รับผิดชอบทางด้านวงดนตรี โดยพุ่มพวงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวงและรับจ้างร้องเพลง ส่วนไกรสร แสงอนันต์ทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวของพุ่มพวง ดวงจันทร์ หลังการตายของธีระพล แสนสุข ทั้งไกรสรและพุ่มพวงทำวงต่ออยู่พักหนึ่ง

อ่านต่อตอน 2 - พิสูจน์รักไกรสร ลีละเมฆินทร์
...
ฟังกันจะๆ "แฟนพระเพชร" แอบอัดเสียง "น้องพุ่มพวง" กรณีไม่ยอมพูดความจริงว่า หลานหนีไปอยู่ด้วย

ญาติ“พุ่มพวง” ร้องไห้ยกบ้าน กราบขอโทษ “พระเพชร” ยันไม่ได้ฆ่าแม่ ด้าน “ไกรสร” ไม่รับไม่ปฏิเสธกรณีลูกชายเตรียมแฉเรื่องความผิดปกติทางเพศ

ศึกวันพุ่มพวง ดูกันแบบเต็มเหนี่ยว “พระเพชร” ก้าวร้าว หรือฆราวาสอาละวาดกันแน่!!

แฟนโต้ เหตุที่เอา “พระเพชร” มาอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะเจ้าตัวรับเรื่องทางเพศของพ่อไม่ได้ แต่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร

ครอบครัวยันไม่ได้ฆ่า “พุ่มพวง” โต้ไม่เคยคิดเกาะ “เพชร” กิน

“ไกรสร” หวั่น “เพชร” โดนของ! สุดช้ำโดนลูกด่า บ่น “ผึ้ง” ก็กตัญญูทำไมลูกเป็นแบบนี้

เปิดเทปลับ ใครกันแน่ที่ฆ่า "พุ่มพวง ดวงจันทร์"?

รำลึก 17 ปี "พุ่มพวง" ลูก-ญาติหวิดฟาดปาก







กำลังโหลดความคิดเห็น