วิวาห์พังครืน! “แหม่ม วิชุดา” ประกาศเลิก “นก” มา 3 เดือน ตอบไม่เคลียร์ “ปราย” เป็นต้นเหตุหรือเปล่า? อ้างเกี่ยวไม่เกี่ยวก็ไม่อยากเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้ ทิ้งระเบิด ของแบบนี้มันแล้วแต่คนจะตีความ ก่อนโบ้ย อยากให้ฝ่ายชายตอบเองมากกว่า เผย พรุ่งนี้(20 พ.ค.) ออกงานพร้อมกัน แต่ยันไม่ให้สัมภาษณ์คู่
คบหากันมา 3 ปีกว่า จนวางแผนจะแต่งงาน แถมมีการตระเตรียมงานเอาไว้บ้างแล้ว แต่จู่ๆ ดาราสาว “แหม่ม วิชุดา พินดั้ม” ก็ออกมายอมรับ ว่า ตอนนี้ได้เลิกรากับ “นก จิรศักดิ์ โย้จิ้ว” ผู้กำกับซิทคอมยอดฮิตเรื่องเป็นต่อ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว สอบถามถึงสาเหตุแห่งการเลิกรา เจ้าตัวตอบกำกวม โจทก์เก่า “ปราย ธนาอัมพุช” หนึ่งในพิธีกรรายการ “30 ยังแจ๋ว” ที่เคยมีข่าวพัวพันกับหนุ่มนก มีส่วนหรือเปล่า?
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เคยมีเรื่องพิพาทกัน เพราะสาวแหม่มได้ออกมาเปิดโปงสาวปราย ว่า ติดหนี้ค่าหนังสือ 8 พันบาท ไม่ยอมใช้ พร้อมแฉเรื่องที่พิธีกรสาวเล่นแผลงๆ ส่งกางเกงในผู้ชายไปให้หนุ่มนกถึงกองละคร กระทั่งสาวปรายต้องออกมาเคลียร์ ว่า ทั้งสองเรื่องเป็นความผิดพลาด ที่ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะมีมือดีปล่อยคลิปเสียงสนทนาของสองสาว ขณะสาวปรายโทร.ไปทวงขอกางเกงในคืนจากสาวแหม่ม หลุดออกมาประจานความบาดหมางอีกรอบ
ซึ่งกับเรื่องนี้ สาวแหม่มออกตัวปัด เกี่ยวไม่เกี่ยวก็ไม่อยากเอ่ยถึงชื่อนี้ พร้อมบอก ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะพูดอะไร อยากให้ไปถามฝ่ายชายเองจะดีกว่า
“คือมันไม่ได้ทะเลาะกันหรอก มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจที่จะพูดอะไรเยอะมากในส่วนของรายละเอียดจริงๆ การอธิบายเรื่องราวของคนสองคนกับสื่อ หรือการเล่าให้เพื่อนฟัง มันจะไม่เหมือนกัน ตรงที่ถ้าเล่าให้เพื่อนฟังมันเล่าได้เยอะกว่า โดยที่เราไม่ได้คิดอะไรเยอะ คือเหมือนมันเห็นๆ กันอยู่แล้ว มันเข้าใจง่าย แต่ถ้าสมมติถามมาแบบนี้ แหม่มก็ลำบากใจนะ”
“ถ้าเกิดสมมติว่าวันพรุ่งนี้หรือวันไหนที่เราแยกกันไป หรือเราไม่ได้ไปด้วยกันแล้ว คนเริ่มมาถามเราว่าเอ๊ะ พี่นกล่ะอะไรอย่างนี้ หรือถ้าเกิดอะไรที่มันมากมายกว่านั้นแล้ว แหม่มเป็นคนหน้าตาชัดเจนมาก ในการจะแสดงออกว่ามันไม่ปกติ แหม่มก็ลำบากใจอยู่ แต่แหม่มก็ไม่อยากโกหก อย่างที่บอกว่า ถ้ามีใครมาถาม ถ้าเป็นเรื่องของแหม่ม แหม่มจะพูดเรื่องจริง เพราะแหม่มไม่มีความลับน่ะ”
“ถ้าถามแหม่มก็เล่าได้ในเรื่องที่มันเกิดกับชีวิตแหม่ม ทีนี้แหม่มกับพี่นกมันเป็นเหมือน... คือชีวิตคู่ มันเหมือนกับว่า เวลาเราเดินจูงมือกันมาถึงทางตัน มันเหมือนกับแหม่มไม่รู้ว่าจะเอาตัวแหม่มกระโดดกระแทกกำแพงให้มันเจ็บเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่ถ้ากระแทกไป กำแพงมันก็ไม่มีทางให้เราออกไปได้ มันก็คงเหมือนจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย แล้วจะเอายังไงดีล่ะ”
“แต่ว่าที่ผ่านมาตอนที่เราคบกัน(เสียงสั่น) จนถึงวันที่เราตัดสินใจจะบอกใครๆ ว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนั้นเนี่ย มันก็เป็นช่วงเวลาระยะนึง แต่คนที่ตัดสินใจจะบอกใคร ไม่ใช่แหม่ม คือพี่นก พี่นกเขาเป็นคนตัดสินใจว่าโอเค เขาตัดสินใจแล้วนะ ว่าจะบอกใคร แหม่มก็แล้วแต่เขา ยังไงก็ได้ จะบอกหรือไม่บอกแหม่มยังไงก็ได้ เพราะเรารู้กันอยู่ แต่วันนึงถ้ามันถึงจุดที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แหม่มก็ไม่อยากที่จะต้องเป็นคนพูดว่า หรือเป็นคนตัดสินใจว่ามันเปลี่ยนแปลงไปแล้วถึงระดับไหน คือแหม่มก็ยังอยากจะขอให้เป็นพี่นกเหมือนกันแหละ ที่จะเป็นคนบอกคนอื่น แต่แหม่มก็ไม่รู้ว่าพี่นกจะตัดสินใจยังไงนะ”
“แต่ว่าอย่างที่แหม่มบอกคือ ถ้ามันมีการต้องไปไหนแล้วต้องแยกกัน คือมันก็ต้องมีอะไรผิดปกติให้เห็นอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าถามตัวแหม่มก็คงทำหน้าไม่ถูก คงจะตอบไม่ได้ว่าอ๋อ เขาอยู่ตรงนี้เอง หรือเขาไม่ว่างค่ะหรืออะไรอย่างนี้ แหม่มก็ทำไม่เป็นไง แต่ถ้าเกิดมันเป็นตรงนั้นปุ๊บเนี่ย แหม่มว่าน่าจะคุยกับพี่นกหรือถามเขาน่าจะดีกว่า ให้เขาเป็นคนพูดก่อน แล้วที่เหลือถ้าเขาโอเคบอกว่ามันเปลี่ยนแปลง แล้วเขาตัดสินใจโอเค แหม่มก็คงพูดอะไรได้มากกว่านี้ แต่ต่อไปนี้เวลาไปไหนมาไหน มันก็คงจะไม่ได้เป็นแบบที่เราเคยเป็นแล้วล่ะ แต่ว่าถ้าถามทะเลาะมั้ย เราไม่ได้ทะเลาะกัน แหม่มเป็นคนทะเลาะกันน้อยมาก จริงๆ”
เผยเหตุผลที่ห่างกันเพราะเข้ากันไม่ได้
“(นิ่งเงียบ) ปัญหามันคือยังไงดีล่ะ แหม่มก็เบื่อที่จะใช้คำว่า คนเราคิดไม่เหมือนกัน เราเข้ากันไม่ได้อะไรพวกนี้ คำพวกนี้มันเป็นคำที่มันก็คงจะมีส่วนแหละ แต่ว่าแหม่มน้ำท่วมปากน่ะ คือถ้าตอนนี้มันเป็นสิ่งที่แหม่มจะต้องพูดอะไร แหม่มก็คงจะพูดได้เท่านี้จริงๆ ว่ามันถึงขั้นที่เราคงน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้สิ แหม่มว่าน่าจะคุยกับพี่นกดูมั้ย หรือว่ายังไง แต่มันไม่ใช่แบบว่า ลองคุยดูแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาดีกัน แล้วมันไม่ใช่นะ”
“คือแหม่มโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ที่ 3 วันดี 4 วันไข้ แบบออนๆ ออฟๆ อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทะเลาะกัน เกลียดกัน ด่ากัน ไม่มองหน้ากันอะไรอย่างนี้มากกว่า แต่จะให้แหม่มออกมาพูดแหม่มก็กลัวจะออกมาเหมือนคราวที่แล้วอีก พูดอะไรก็เยอะแล้ว ก็ไม่อยากให้มีคนมาเขียนว่าแหม่ม ว่าสาดโคลนใส่ใครหรือว่าแฉใคร แหม่มก็เหนื่อยกับตรงนั้นนะ แหม่มก็พูดลำบากน่ะ แต่ถ้าถามแหม่มแบบนี้ แหม่มก็พูดได้ แหม่มก็เล่าได้ในส่วนของแหม่มนะ แหม่มก็ไม่ได้มีอะไรปิดบัง แหม่มก็ไม่ได้อยากสร้างภาพ ว่ารักกันดูดดื่มแต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่”
ห่างกันมาร่วม 3 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามปรับความเข้าใจ ปรับจูนเข้าหากันตลอด
“น่าจะประมาณ 2-3 เดือน ที่มันเหมือนอย่างที่แหม่มบอก ว่าเหมือนทางตัน คืออย่างแหม่มก็คิดเสมอว่า ถ้าเราถึงทางตัน สิ่งแรกที่บอกก็คือ แหม่มไม่อยากเอาตัวกระแทกกำแพง เพราะมันจะเจ็บเปล่าๆ ทางที่ดีที่สุดก็คือแหม่มคงต้องหยุดคิดก่อน ว่าแหม่มควรจะเอายังไง เพราะแหม่มเชื่อว่าคู่รักทุกคู่ไม่มีใครอยากจะเลิกกัน เพราะการใช้อารมณ์ เพราะเวลาเราใช้อารมณ์ปุ๊บเรื่องเล็กๆ ทุกเรื่องมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่หมด ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันอาจจะดีก็ได้”
“แหม่มก็จะพยายามใช้สติ แล้วก็มองว่ามันคืออะไร แล้วจะทำอะไรกันต่อไปดี แต่แหม่มก็เคยเหมือนกับเป็นคนวิ่งหนีปัญหานะ เจอเหตุการณ์ที่มันถึงทางตันปุ๊บ แหม่มก็วิ่งหนีปัญหาไป แล้วพอถึงเวลาแหม่มก็มาเสียใจทีหลังว่าทำไมเราเป็นคนวิ่งหนีปัญหาก่อน แต่ทีนี้คราวนี้มันเป็นผู้ใหญ่ไง โตขึ้นเยอะแล้ว ทีนี้พอเจอปัญหาเราก็หยุดอยู่กับที่ แล้วรอว่าอะไรมันจะเป็นยังไง เหมือนรอให้ทุกอย่างมันผ่านหน้าเราไป แล้วเราค่อยยืนคิดว่าจะเอายังไงดี แต่แหม่มไม่วิ่งหนีปัญหาเหมือนเมื่อก่อนแล้วไง เท่ากับว่าตอนนี้แหม่มหยุดอยู่กับที่ มันไม่มีการพัฒนาน่ะ”
“เราปรับกันตลอดเลย เพราะว่าอย่างที่รู้เรื่องมันเยอะ เราก็รู้ๆ กันอยู่ ว่ามันมีเรื่องเข้ามาตลอด คือมรสุมที่มันเข้ามา มันทำให้เราพยายามที่จะฝ่าฟัน และก็ช่วยกัน ล้มบ้างลุกบ้าง ช่วยกันพยุงเดินขึ้นต่อ บางทีเจออะไรไม่ดีเราก็ให้กำลังใจกัน ทางที่เป็นหนามทางที่เป็นอะไรไม่ดี แหม่มสู้ได้หมดนะ แต่ถ้ามันเป็นทางตันเนี่ย ทางตันคือทางตันมันสู้ไม่ได้ มันก็เลยเหมือนกับเฮ้ย มันตันว่ะ”
“ตอนนี้มันตันจริงๆ แล้วถ้าจะต้องโทษใครจริงๆ แหม่มว่าก็น่าจะโทษตัวเองมากกว่ามั้ง ที่แบบแหม่มคงไม่ดีพอสำหรับใคร(เสียงเศร้า) คิดอย่างนั้นมากกว่า ช่วงเวลานี้มันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องฝ่าฟันอะไรหลายๆ อย่าง แต่มันเหมือนกับเป็นช่วงที่เราอยู่กับมันน่ะ อยู่กับสิ่งที่เราต้องฝ่าฟัน อยู่กับมันๆ แล้วก็แก้ไขกัน ให้กำลังใจ จนมาถึงจุดนึงปุ๊บจากหนาม จากโคลน จากอะไรก็แล้วแต่ที่เราพยายามกันมา ผ่านมาได้ มันมาเจอทางตันน่ะ มันเลยไม่รู้ว่ามันสะสมหรืออะไรก็ไม่รู้ แต่แหม่มอาจจะพูดได้มากกว่านี้ถ้าหลังจากนี้”
อึกอักที่จะพูดถึง ปราย ธนาอัมพุช ว่าเป็นต้นเหตุหรือเปล่า?
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่นะ จริงๆ แหม่มจะบอกว่า มันเป็นปัญหาใหญ่ที่คนรับรู้ทั้งหมดเลย แทนที่แหม่มไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงในวงการคนไหนหรืออะไรก็ดี แล้วจริงๆ เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องเงินน่ะ มันไม่ได้เกี่ยวเลย แต่พอมันโยงไปโยงมามันก็ไปเข้าเรื่องชู้สาว ซึ่งสุดท้ายเรื่องมันก็เปิดมาว่ามันมีอะไรอีกเยอะที่คนไม่รู้”
“ซึ่งถามแหม่มว่ามันยังไง มันก็เหนื่อยนะ แต่จริงๆ แหม่มขอบอกเลยว่า แหม่มไม่อยากเอ่ยถึงเขา แหม่มไม่อยากเอ่ยถึงเขาเลย เกี่ยวหรือไม่เกี่ยว แหม่มไม่อยากเอ่ยถึงเขาเลยจริงๆ (ถ้าข่าวออกไปแล้วคนไปตีความว่า ความสัมพันธ์จบลงเพราะปราย?) แหม่มว่าของแบบนี้ มันแล้วแต่คนจะตีความดีกว่า แหม่มผ่านอะไรที่มันเลวร้ายมาจนรู้สึกว่า แหม่มเหนื่อยที่จะเจ็บปวดหรือเหนื่อยที่จะแคร์อะไรแล้ว”
“ตอนนี้แหม่มยืนอยู่กับที่มากกว่า คือจริงๆ ชีวิตแหม่มไม่เคยถอยหลังนะ ไม่ว่าจะเวลามีอะไรก็แล้วแต่ อย่างบางคู่บอกว่าเออถอยกันคนละก้าว แต่แหม่มรู้สึกว่าถอยแล้วเสียเวลา ตอนนี้สิ่งที่แหม่มทำคือเดินหน้า หรือหยุดอยู่กับที่ แต่ตอนนี้แหม่มหยุดอยู่กับที่ แต่หยุดจนแหม่มรู้สึกมันหยุดอยู่นานแล้ว มันคงไม่มีทางออก แต่ว่าคนที่ตัดสินใจว่าทางออกจะเป็นยังไงน่าจะเป็นพี่นก อย่างที่บอกคือถ้าถามแหม่มก็ตอบได้เท่าที่ตอบ ว่ามันก็อย่างนั้นนะ”
“เราไม่ได้ตกลงกัน ว่าจะต้องออกมาพูดอะไรยังไง หรือทำอะไรต่อ มันเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นน่ะ คือก็มีหลายคนเริ่มถามแหม่มแล้วเรื่องนี้ แต่มันอาจจะยังไม่ได้เป็นข่าวอะไร เพราะว่ายังไม่ได้มีคนเจอว่าเราแยกกันไปไหน เวลาไปงานหรืออะไรก็ยังไม่เคยเจอว่าเราแยกกัน แต่ถ้าเกิดเห็นว่าแยกกันแล้วมาถามแหม่ม ว่าเออความรักตอนนี้เป็นยังไง หน้าแหม่มก็คงแบบทำหน้าไม่ถูก แล้วแหม่มก็คงจะลำบากใจอยู่ ว่าแหม่มเก็บความรู้สึกไม่อยู่แน่ๆ เลย”
“แต่แหม่มก็ไม่กล้าพูดออกมาจากปากแหม่มว่าเราเลิกกันหรืออะไรนะ เพราะว่าอย่างที่บอกตอนคบกัน ตอนที่ตัดสินใจจะบอกใครๆ พี่นกเขาเป็นคนพูด เพราะฉะนั้นถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แหม่มก็ให้เกียรติให้เขาเถอะ จริงๆ ให้เกียรติเขาดีกว่า แหม่มพูดไม่ได้จริงๆ อย่างที่บอกว่าแหม่มกลัวไปหมดน่ะ กับการที่จะต้องพูดอะไรในเรื่องจริงบางอย่าง แล้วพอมันออกมาอีกทีมันกลายเป็นคำพูดมันรุนแรง แล้วทั้งๆ ที่เราพูดตรง อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้เกลียดกัน แหม่มก็เข้าใจกันนะ”
ตอบเสียงเศร้าว่าความรู้สึกตอนนี้ยังตันอยู่ ยังหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ
“สำหรับตัวแหม่มมันเหมือนยังตันอยู่ แหม่มยังไม่มีทางออก แหม่มยังรู้สึกว่ายืนอยู่ในมุมๆ นึง ที่มันเดินต่อไปไม่ได้แล้ว ยืนอยู่กับที่ มันตันไปหมดบอกตรงๆ มันเลยตอบไม่ได้ว่าควรจะรู้สึกยังไง คือมันตันไปหมด แล้วไม่คิดว่าเราจะยอมแพ้นะ (ร้องไห้บ้างมั้ย?) ไม่บอกดีกว่า ไม่บอก”
ต้องล้มโครงการวิวาห์ทั้งที่ตระเตรียมงานกันไว้พอสมควร
“ถูกต้อง จริงๆ มันก็เตรียมก็อะไรแหละ แต่มันก็ผ่านไปแล้วเนอะ (ที่ว่าเคยตกลงเรื่องงานแต่ง คุยไปถึงขั้นไหนแล้ว?) ลองคุยกับพี่นกดูดีกว่า อย่างที่บอกว่าที่ผ่านมาแหม่มยังไงก็ได้อยู่แล้ว แหม่มก็กลัวว่าตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาพูดอะไรกับเรื่องพวกนั้นแล้ว พูดไปมันก็ไม่ใช่อะไรแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าถามแหม่มก็พูดได้ในระดับนึง มันก็เป็นความรู้สึกของแหม่ม แต่ว่าเราคงไม่เหมือนเดิม(เสียงสั่น) แต่อย่างที่บอกว่าแหม่มกลัวที่จะต้องพูดฟันธงในเรื่องของความสัมพันธ์ แหม่มก็คงต้องให้เกียรติพี่นกพูดดีกว่า ให้เขาเป็นคนตัดสินใจดีกว่า ว่าเขาจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือยังไง”
“ใช่ค่ะ ต้องรอพี่นกอย่างเดียว รอ แหม่มรอ แต่ไม่ได้รอจะกลับมาคบกันนะ(หัวเราะ) แต่รอว่าเขาจะไปยังไง เขาจะเอายังไง เขาจะไปทางไหนอย่างนี้มากกว่า ก็รอนี่แหละ แต่ที่ผ่านมาสำหรับพี่นก แหม่มยังไงก็ได้มาตลอด แล้วแหม่มก็ยัง ยังไงก็ได้จนถึงวันนี้ แต่ยังไงก็ได้นี่หมายถึงให้เขาออกมาพูดว่าตกลงยังไงมากกว่า”
พร้อมย้ำถึงความสัมพันธ์ ว่าคงไม่กลับมาเหมือนเดิมกันอีกแล้ว แต่ลำบากใจที่จะบอกว่าตัดแฟนหนุ่มออกไปจากชีวิต โบ้ย ทุกเรื่องอยากให้รอถามเอากับฝ่ายชายจะดีกว่า
“ใช่ค่ะ คงไม่เหมือนเดิม แต่แหม่มไม่กล้าพูด ว่าแหม่มตัดนะ คือลำบากใจจริงๆ นะ คือการพูดครั้งนี้มันเหมือนกับว่าแหม่มเป็นคนบอกว่า แหม่มเลิกกับพี่นกถูกมั้ย บอกตอนนี้เลยคือแหม่มไม่ได้บอกว่าแหม่มเลิกกับพี่นก แต่ขอให้พี่นกเป็นคนพูดดีกว่า แหม่มไม่ได้บอกว่าแหม่มเลิกกับพี่นก ขอให้พี่นกเป็นคนพูดแล้วกัน พรุ่งนี้(20 พ.ค.)น่าจะได้เจอเขาวันเปิดตัวแม่นาคแน่นอน แต่พรุ่งนี้เราจะไม่ได้ไปด้วยกันไง และพรุ่งนี้มันจะต้องแน่นอน คือไปเจอเขาพรุ่งนี้ก็ถามเขาเลยดีกว่า เพราะพรุ่งนี้เจอเขาแน่ แล้วก็เจอแหม่มด้วย แต่ว่าเราไม่ได้มาด้วยกันไง”
“ถ้าต้องเจอกันก็รับได้ๆ เราไม่ได้ทะเลาะกันเลย แต่ให้สัมภาษณ์คู่กัน คงไม่ดีกว่าค่ะ เพราะแหม่มอาจจะไปเร็วมาก ไปรับบัตร แล้วอาจจะอยู่ตรงไหนก่อนแล้วก็รอเข้าดูเลย แหม่มคงจะไปตั้งแต่ 6 โมงแหละ รับของอะไรเสร็จก็คงจะปลีก แหม่มไม่ได้เลี่ยงไม่อยากเจอนะ เพราะเรายังต้องทำงานด้วยกัน เราก็ยังคุยกัน เพียงแต่ว่ากับสื่อแหม่มอาจจะยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรมากมาย แต่แหม่มแค่อยากให้สื่อ หรือใครๆ รู้ว่า มันมีการเปลี่ยนแปลงมั้ยหรืออะไรอย่างนี้ก็เท่านั้นเอง ไม่อยากให้คนสงสัย พูดง่ายๆ แหม่มเป็นคนที่ไม่อยากให้คนมานั่งสงสัย แล้วพูดกันไปต่างๆ นานา”
“โอกาสรีเทิร์น อืม.. ขอให้พี่นกพูดดีกว่า ตอนนี้แหม่มพูดได้แค่สถานการณ์หรือความรู้สึกของแหม่มเท่านั้นเอง แต่เรื่องอะไรพวกนั้นแหม่มให้เกียรติพี่นกเขาเป็นฝ่ายพูดเองดีกว่า (ครอบครัวทราบเรื่องรึยัง?) อยากจะบอกว่าเขายังไม่รู้หรอก อย่างที่บอกแหละ รอให้พี่นกพูดก่อนอย่างเดียวเลย เพราะทุกคนก็คงจะรู้ตอนที่เขาพูดแหละ แล้วก็ให้เกียรติเขาพูดดีกว่า เพราะเขาก็ผู้ใหญ่แล้ว เขาก็เป็นเจ้านายเราด้วย เราก็จะมาพูดอะไรมากตอนนี้”