แพทย์เผย “เอ อนันต์” เลือดในสมองออก มีอาการตอบสนองบ้าง แต่ยังไม่รู้สึกตัวเต็มที่ ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 7 วัน ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู ด้าน “อ้น ศรีพรรณ” เผย หลังทราบข่าวถึงกับปล่อยโฮด้วยความเป็นห่วง โล่งอกที่สามีปลอดภัย เชื่อต้องหายเป็นปกติ พร้อมฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้
ภายหลังจากที่ “เอ อนันต์ บุนนาค” นักแสดงชื่อดังประสบอุบัติเหตุขับรถกระบะชนกับรถหกล้อที่เพชรบูรณ์ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่เจ้าตัวเดินทางไปทำเรือนกล้วยไม้ที่ บ.กกกะบก ต.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ก่อนที่จะถูกนำตัวมารักษาด่วนที่ในกรุงเทพฯ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดทางแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งประกอบไปด้วย รศ.นพ.ธันย์ สุพันธุ์ ผอ.โรงพยาบาลรามาธิบดี ผศ.นพ.ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ แพทย์เจ้าของไข้ พร้อมด้วย “อ้น ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์” ภรรยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงอาการของนักแสดงรุ่นใหญ่ ว่ายังมีอาการน่าห่วงอยู่เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการเลือดออกในสมอง และต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด และเวลา 13.30 น. วันพรุ่งนี้ จะมีการแถลงความคืบหน้าอาการอีกครั้ง
โดย รศ.นพ.ธันย์ สุพันธุ์ ผอ.โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า ตอนนี้ เอ อนันต์ ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว แต่ยังต้องอยู่ห้องไอซียู และรอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 7 วัน
“คุณอนันต์ได้การรักษาเบื้องต้นจากโรงพยาบาลชุมชนหนองไผ่เป็นโรงพยาบาลแรก แล้วมาโรงพยาบาลพ่อขุนผาเมือง ที่เพชรบูรณ์ แล้วก็ต่อด้วยโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ตามลำดับ โรงพยาบาลเช็คเบื้องต้นมีเลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากกระดูกหักหลายที่ และมีเลือดออกในช่องปอดด้านขาว จากกระดูหน้าอกและกระดูกชายโครงด้านขาวหักหลายแห่ง จึงได้รับการใส่ท่อระบายเลือดจากช่องปอดด้านขาว และดูแลอาการเบื้องต้น จนสามารถรักษาสภาวะทางสมอง สัญญาชีพและการหายใจได้คงที่ รอการส่งตัวด้วยเฮลิคอปเตอร์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ”
“หลังจากโรงพยาบาลกรุงเทพรับตัวผู้ป่วยทางเฮลิคอปเตอร์ ได้รับการประเมินและรักษาเบื้องต้นมาเป็นอย่างดี และญาติได้ติดต่อให้ทางรามาช่วยดูแลต่อ รามาจึงได้ส่งรถพยาบาลพร้อมผู้เชี่ยวชาญไปรอรับ ทางรามาได้ทำการรักษาคุณเอเมื่อเวลาตีสอง พบว่าคุณเอได้รับอุบัติเหตุและบาดเจ็บหลายแห่ง พบว่ามีเลือดออกในสมอง แต่ยังพอรู้สึกตัวได้ อาการบาดเจ็บในสมองตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไร จะเฝ้าดูอาการต่อไป อันที่สองมีเลือดออกในช่องปอดด้านขวา และมีกระดูกหน้าอกได้รับการใส่ท่อระบายเลือดมาแล้ว ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะหน้าอกไปชนกับพวงมาลัย”
“แต่ตอนนี้สามารถควบคุมการออกของเลือดได้ดี อาจไม่ต้องผ่าตัดเพิ่มเติม เราก็จะเฝ้าดูอาการต่อไป แต่เลือดขนาดนี้ยังออกไม่มากยังควบคุมได้ ที่สำคัญคือเบื้องต้นคนไข้มีกระดูกหักหลายที่ มีการดูแขนส่วนต้นข้างขวาหัก และมีแผลเปิดภายนอก กระดูกข้อมือซ้ายหัก หัวเข่าซ้ายแตก และมีกระดูกแขนขวาท่อนล่างหัก แต่บางตำแหน่งมีแผลเปิดภายนอกจึงเสี่ยงกับการติดเชื้อ ตอนนี้ได้รับการผ่าตัดล้างแผลอย่างเร่งด่วน ขณะนี้ใส่เหล็กยึดตรึงภายนอกในส่วนกระดูกหักทั้งหมดแล้ว”
“แนวทางการักษาต่อไปคือ หลังจากผ่าตัดได้ย้ายเข้าหอผู้ป่วยวิกฤตไอซียู เพื่อดูอาการแทรกซ้อนอื่น โดยเฉพาะ 7 วันแรกอาจจะมีอาการทางสมอง และภาวะปอดบวมช้ำได้ รวมทั้งการติดเชื้อแผลผ่าตัด ตอนนี้ทางทีมแพทย์อาจเข้าไปผ่าตัดเพื่อล้างแผล จากกระดูกหักภายใน 75 ชม. เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ เมื่ออาการต่างๆ คงที่แล้ว และไม่มีอาการแทรกซ้อน แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดยึดตรึงกระดูกภายในอีกครั้ง ปัญหาทางสมองจะเฝ้าดูอาการทางสมองร่วมกับการถ่ายภาพรังสีซีทีสแกนที่สมองเป็นระยะๆ”
ผศ.นพ.ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังมีเลือดออกในสมองเล็กน้อย ผู้ป่วยมีอาการตอบสนองบ้างแต่ยังรู้สึกตัวไม่เต็มที่ คาดว่าต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งเดือน
“ภายใน 48 ชม. ยังดูอาการอะไรไม่ได้ ตอนนี้อาการที่น่าเป็นห่วงในส่วนอื่นๆ สามารถควบคุมได้ แต่ในเรื่อของการออกของเลือดในสมองที่ในตอนนี้ยังมีออกอยู่เล็กน้อย ต้องรอดูการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ทางช่องปอดก็เช่นเดียวกัน คงต้องรอดูอาการต่อไป กะโหลกไม่ได้ร้าว แต่ว่ามีเลือดออก ตอนนี้ก็ตอบสมองบ้าง แต่ยังรู้สึกตัวไม่เต็มที่”
“ที่คาดไว้น่าจะต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณหนึ่งเดือนครับ ตอนนี้คนไข้ยังอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติและห้ามเยี่ยม นอกจากญาติ การบาดเจ็บครั้งนี้ มันเป็นหลายที่ กลัวจะมีอะไรมาแทรกซ้อนทำให้ช้ำ ปัญหาต่างๆ อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเฝ้าระวัง ขณะนี้สัญญาณชีพดี แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ แต่เท่าที่ดูแล้วก็ยังรู้สึกตัวดีรู้สึกตัวบ้าง ตอนนี้ถ้าเผื่อผ่านทางสมองและปอดไปได้ ก็จะเหลืออย่างเดียวคือทางกระดูก แต่เชื่อว่าสามารถจะกลับมาเป็นปกติได้”
“แต่ตรงกระดูกหน้าอกกลัวว่าจะมีการบวมช้ำเกิดขึ้น ก็รอการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ดู ก็รูสึกว่ายังอยู่ในภาวะที่สามารถดูอาการได้ แต่ก็ยังถือว่ายังไม่ปลอดภัย เพราะเพิ่งจะแค่ 48 ชม.ก็ต้องรอดูอาการต่อไป”
ด้าน “อ้น ศรีพรรณ” ภรรยา เผย เป็นคนติดต่อไปยังโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อขอให้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับสามีที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
อ้น “ทราบข่าวเมื่อวานเดินซื้อของอยู่ แล้วพี่กิ๊ก(ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ)โทร.มา บอกว่าอ้นพี่เอรถชน อ้นยังบอกกับพี่กิ๊กเลยว่าอ้นซื้อของอยู่ อย่ามาล้อเล่นได้มั้ย พี่เขาก็บอกว่า อ้นจริงๆ พี่เอรถชน ก็คือสงสัยว่าคงจะเป็นมูลนิธิขอบพี่ไทด์(เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์) ประสานกันแล้วคงจะโทรมาบอกพี่กิ๊ก”
“อย่างแรกก็คือก็ต้องไป ไปให้ถึงตัวพี่เอ พอคุยกับคุณหมอที่โรงพยาบาลหนองไผ่แล้ว ก็ตกใจเพราะคุณหมอบอกเหมือนว่า มีเลือดออกทางสมอง ก็เลยตัดสินใจว่าจะยังไงดี แต่พอคุยไปคุยมา ว่าจะมีอะไรที่เร็วกว่ารถมั้ย เพราะจากกรุงเทพไปหนองไผ่ก็ 2-3 ชม. แม้กระทั่ง 2-3 ชม.เราก็รอไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เร็วที่สุดที่นึกได้ก็คือเฮลิคอปเตอร์ แล้วก็เลยให้พี่สาวประสานไปว่าที่ไหนมีบ้าง แล้วก็ติดต่อไปได้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ พี่เอประสบอุบัติเหตุตอนบ่าย2 บ่าย3 และทางโรงพยาบาลกรุงเทพได้รับการติดต่อไปตอน 5 โมงเย็น และคิดว่าสองทุ่มไม่เกินสามทุ่มอ้นก็น่าจะได้เจอพี่เอ แต่ว่าเวลามันก็ผ่านไปเรื่อยๆๆ อ้นได้เจอพี่เอตอนเที่ยงคืนสี่สิบห้า แต่อ้นคิดว่าอ้นเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว”
“เราก็โทร.หาคุณหมอทุกที่ที่ได้รักษาไป เพราะว่าก็ร้อนใจ เพราะเราก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขนาดนี้ แต่ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว เราก็ได้เจอพี่เอใกล้ๆ ตีหนึ่ง และทางพี่ดู๋ สัญญา ก็ได้ติดต่อมาทางโรงพยาบาลรามา อยากให้พี่ดู๋หาอาจารย์หมอที่รักษาและเก่งที่สุด และพี่ดู๋ก็แนะนำว่ามาที่รามามั้ย เพราะมีคุณหมอที่เชี่ยวชาญและดีที่สุดก็เลยได้มาที่นี่ค่ะ และได้เข้ารับการรักษาที่นี่ประมาณตีสอง แต่ที่ยังไม่ได้บอกพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนเพราะอ้นก็ยังไม่รู้ว่าสามีอ้นจะได้ไปอยู่ที่ไหน ได้ก้าวขาไปในเฮลิคอปเตอร์ตอนเที่ยงคืนสี่สิบห้า และนำตัวพี่เอลงมาที่นี่ ก็รู้สึกเบาใจทางครอบครัวก็เบาใจขึ้นมากๆ เพราะได้เจอคุณหมอแล้ว”
“ตอนแรกที่เห็นพี่เอ คือมีคนส่งรูปรถมาใ้ห้ดู อ้นก็สึกใจไม่ดีแล้ว เพราะดูจากสภาพรถแล้วก็ไม่น่าจะเบา อ้นก็บอกว่าอ้นอยู่ข้างๆ พี่เอแล้วนะ ใจแรกที่เห็นรูปอ้นอยากจะไปหาเขาแล้ว ก็ยังโทรคุยกันตลอด อ้นก็บอกว่าพี่เออ้นส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับพี่เอแล้วนะ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ามันช้าขนาดนี้ขับรถไปเองแล้วค่ะ จะดีกว่า”
“พอมาถึงอ้นก็เรียกพี่เอๆ จำอ้นได้มั้ย อ้นก็ปลุกเขา นี่อ้นนะอ้นมาถึงแล้ว พี่เอก็บอกเออจำได้ คำแรกที่เขาพูดกับอ้นคือพี่เจ็บ และพี่ต้องผ่าตัด เขาคงได้ยินหมอพูดเขาก็เลยมาพูดกับอ้นว่าตัวเองต้องผ่าตัด และบอกว่าปวดแผล อ้นก็บอกว่าอยู่กับอ้นแล้วไม่ปวด ตอนแรกก็คุยได้ดีมาตลอด พ่อเดินเข้าไปทักแม่เดินเข้าไปทักก็จำได้ทุกคนเลย กอล์ฟ เบญจพล เดินเข้าไปทัก เขายังปล่อยมุขอยู่เลย แต่ตอนนี้เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ก็ยังพูดอะไรมากไม่ได้ ยังต้องพักก่อน ออกจากห้องผ่าตัดมาแล้ว ตอนที่เจอก็พยายามปลุกเขา ก็ได้เข้าไปคุยกับเขาว่าพี่เอเป็นยังไง เขาก็บอกว่าเขาปวด ขยับตัวไม่ได้เพราะบล็อกคอมา และก็บอกว่าอยากจะกลับบ้าน อ้นก็เลยบอกว่ายังกลับไม่ได้ๆ อ้นก็บอกแบบนี้กับเขาตลอด ”
“ตอนนี้ก็ต้องเคลียร์งานของตัวเอง เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ เขาก่อน ตอนนี้ก็คือรายการคันปาก สามีเป็นอย่างนี้จะให้ไปนั่งเม้าท์กระจายมันก็คงไม่ใช่เรื่อง งานตอนนี้ที่สนุกดี๊ด๊าอ้นก็ยังไม่ทำ แต่จริงๆ งานไม่ขำก็อยากจะงดด้วย แต่ภายในสองวันนี้อยากจะอยู่ใกล้ๆ ลุง(เรียกเอว่าลุง)ให้มากที่สุด พอเวลาเขาลืมตามาจะได้เห็นเรา เหมือนเวลาที่เราไม่สบาย เวลาที่เขาลืมตามาก็คงอยากจะเห็นพ่อเห็นแม่ เห็นเรา เพราะฉะนั้นสองสามวันนี้อ้นก็ยังไม่อยากไปไหน แต่ในใจลึกๆ ก็อยากจะไปขอบคุณพี่ดู๋”
“ที่พี่เอไปเพชรบูรณ์เพราะจะไปทำเรือนกล้วยไม้ ที่อำเภอน้ำหนาว เพราะพี่เอเขาชอบธรรมชาติ ถ้าเสร็จจากงานละครแล้วสองสามวันเขาก็จะขับรถไป แต่วันนี้อ้นติดงานก็เลยไม่ได้ไป แต่ปกติก็คือตามไป แต่ด้วยงานทำให้อ้นหยุดได้ไม่มาก จริงๆ แล้วเย็นนี้อ้นต้องเดินทางไปหาพี่เอเพราะเรานัดกันไว้ เพราะพี่เอเพิ่งขับรถไปเมื่อวาน แล้วเย็นวันนี้อ้นต้องนั่งเครื่องไปลงที่ขอนแก่น และให้พี่เอมารับ และคิดว่าจะไปดูที่ทาง และอยู่สักวันหนึ่งถึงจะกลับ โดยระหว่างไปแกก็เอาขวดกล้วยไม้ไปประมาณ 6 ลังไว้หลังรถ และตอนนี้ก็ได้คนเอากลับไปปลูกแล้ว”
“สาเหตุของอุบัติเหตุอ้นยังไม่ได้คุยอะไรเลย เพราะว่าอ้นต้องเอาลุงรอดไว้ก่อนตอนแรก แต่ถ้าพี่เอดีขึ้นอ้นก็คงตจะถามกับเขา เพราะสภาพตอนนี้เขาก็ยังไม่พร้อมจะเล่า ส่วนคู่กรณีอ้นยังไม่รู้เลยค่ะ ตอนนี้ให้ญาติประสานอยู่
หลังทราบข่าวก็ร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงสามี เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ที่ไปรับล่าช้าจนใจไม่ดี
“ก็ร้องตลอด แต่ก็คือว่าเดี่ยวก็คงได้เจอแล้ว เมื่อวานร้องไห้ประมาณ 4 รอบค่ะ ร้องไห้เพราะรอแล้วรออีก โทร.ไปก็ยังไม่มาๆ อีกก็เลยร้องๆๆ จนกระทั่งตีหนึ่งก็เลยเจอพี่เอ อ้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดการผิดพลาดตรงไหนที่เฮลิคอปเตอร์ไปช้า ไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดความผิดพลาดๆได้ยังไง แต่ก็ตัดสินใจดีที่สุดแล้ว วินาทีนั้นคิดอย่างเดียวว่าเอาลุงรอดๆ ไว้ก่อน”
“ตอนนี้หายห่วงค่ะ เพราะเข้าซีทีสแกนแล้ว และตอนตีสามถึงหกโมง ต้องเข้ารับการรักษา ก็เลยต้องกลับบ้านไปก่อน เพิ่งกลับมาเยี่ยมตอนหกโมงเช้า พี่เออยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่ตีสามถึงหกโมงเช้าถึงได้ออกมา ซึ่งคุณหมอก็น่ารักมาโทร.บอกตลอด บอกกำลังจะผ่าตัดแล้วนะ คุณอ้นไม่ต้องเป็นห่วง รายงานอาการตลอด พอกำลังจะออกจากห้องผ่าตัดก็โทร.มาบอก ว่าจะไปที่ห้องไอซียูแล้ว เราก็เลยหายห่วง”
“พี่เอเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อกี้ ยังบอกว่าพี่เออ้นมาแล้วนะ เขาก็ขยับมือได้นิดๆ เหมือนว่ารู้แล้วว่าเรามา ตอนนี้ห่วงตามที่คุณหมอแถลงไป ถ้าห่วงมากก็ไม่ได้ห่วงเพราะอยู่ในมือหมอแล้ว เชื่ว่าพี่เอคงกลับมาแข็งแรง เพราะพี่เอเขาสู้กำลังใจเขาดี และโดยปกติเขาก็แข็งแรง เชื่อว่าเขาจะต้องกลับมาฟื้นเร็ว ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือกำลังใจ”
“ก่อนหน้านี้ไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย ยังคุยกับพี่เออยู่เลย มาดูโทรศัพท์เวลาที่โทร.ตอนเที่ยงสิบเก้า ยังคุยกันอยู่เลย พอผ่านไปชม.กว่าๆ ก็รู้เรื่อง ตอนที่คุยกันเขายังบอกว่าให้ซื้อเจ๊กเก๊ตทหารและรองเท้าให้ด้วย เพราะเขาชอบธรรมชาติก็เลยสั่งซื้อเสื้อลายทหาร เขายังโทรบอกคุณแม่เขาอยู่เลยว่าเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ เรื่องที่จะไปปลูกเรือนกล้วยไม้”
“ปกติทำบุญตักบาตรเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าบุญที่ทำน่าจะส่งผลให้พี่เอไม่เป็นอะไร อ้นไม่ได้ไปต่อชะตาอะไร คงปกติใส่บาตรอย่างที่เคยทำ ตอนนี้ยังนึกไม่ออกให้พี่เอรอดไว้ก่อน”
ส่วนละครของเอที่รับไว้หนึ่งเรื่อง เจ้าตัวบอกว่า หากทีมงานรีบเปิดกล้องก็คงต้องมีการเปลี่ยนตัว พร้อมขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงและส่งกำลังใจมาให้อย่างล้นหลาม
“มีอยู่เรื่องนึงที่กำลังรอเปิดกล้องอยู่ ถ้าเขารีบเปิดกล้องก็คงต้องมีการเปลี่ยนตัว เรื่องหอหญิงปิดไปแล้ว แต่เรื่องที่ยังมีถ่ายอยู่ก็ของทีวีธันเดอร์ เรื่องหัวใจไร้มลพิษ ก็คงต้องให้พี่ไทด์ไปแสดงแทนในช่วงท้าย(หัวเราะ)”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้อ้นอยากจะขอขอบคุณเพื่อนพี่เอในวงการที่เยอะมาก ที่ส่งเอสเอ็มเอสมา ที่ส่งกำลังใจให้ รวมไปถึงพี่ๆ นักข่าวทุกคนที่ส่งเอสเอ็มเอสมา ไม่โทรมาถามว่าพี่เออยู่ที่ไหนเพื่อที่จะไปทำข่าว อ้นต้องขอบคุณจริงๆ รวมไปถึงพี่นีโน่ พี่ไทด์ ตุ๊กตา อินทิรา พี่ดู๋ สัญญา ที่ติดต่อโรงพยาบาลนี้ พี่ใหม่ ณัฐฐา ลอยด์ เราก็เลยทยอยส่งเอสเอ็มเอสไปขอบคุณ เพราะว่าลุงเป็นคนที่น่ารักเลยมีคนมาให้กำลังใจเยอะ และก็อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง และก็เชื่อว่าเวลาที่เกิดอะไรขึ้นอย่างนี้มันต้องการกำลังใจจริงๆ ขอบคุณนะคะ”