“นีโน่” โร่เคลียร์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบทำร้าย “ต่อพงษ์” บก.บันเทิงASTV ผู้จัดการรายวัน บอกเป็นคนมีการศึกษา ไม่ใช่กุ๊ย ก่อนอ้างไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ยอมรับเคยโทร.เคลียร์จริง ไม่ได้ข่มขู่แค่แช่งคนเขียน ยินดีหากตำรวจเรียกไปให้ปากคำ ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ยกให้ทนายจัดการ
ออกแถลงข่าวชี้แจงทันควัน สำหรับพิธีกรชื่อดัง “นีโน่ เมทนี บูรณะศิริ” หลังมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณี “ต่อพงษ์ เศวตามร์” บก.บันเทิง ASTV ผู้จัดการรายวัน ถูกลอบทำร้ายจนศีรษะแตกเย็บ 5 เข็ม จากการตั้งข้อสงสัยของผู้เสียหายที่ยืนยันว่าไม่มีศัตรูที่ไหน จะมีก็แต่ก่อนเกิดเหตุพิธีกรคนดังได้โทรศัพท์เข้ามาคุกคามหลายครั้ง เนื่องจากไม่พอใจการนำเสนอข่าว ที่เข้าใจว่ากล่าวพาดพิงถึงตนเอง
งานนี้เป็นเหตุให้นีโน่เปิดแถลงข่าวทันควัน ที่บริษัท ทีวีธันเดอร์ โดยมี “ม.ร.ว.บวรฉัตร ฉัตรชัย” ทนายความเดินทางมาร่วมด้วย ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนจะมีการแถลงข่าว พิธีกรคนดังได้ขอดูเทปให้สัมภาษณ์ของนายต่อพงษ์ก่อน หลังจากนั้นจึงออกมาชี้แจง พร้อมกับยืนยันตนบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
“อันนี้ก็คงจะต้องกล่าวปฏิเสธก่อนอย่างแรกนะครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วถ้าจะให้พูดไป ผมคงบอกอะไรมากไม่ได้นะครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันไม่มีเหตุมีผลที่ผมจะต้องไปทำอะไรใครแบบนั้น ที่เขาพาดพิงมาก็คงต้องมีสิทธิ์แหละครับ เขาก็คงต้องให้ปากคำกับตำรวจตามที่เขาคิด ตามที่เขาคิดว่ามันน่าจะเกิดกับอะไร”
“ซึ่งจริงๆ แล้วผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยจริงๆ แล้วผมก็เพิ่งมารู้ข่าวตอนที่เข้ามาทำงานประมาณบ่าย 2 กว่า ลูกน้องบอกว่าเอาแล้วพี่โน่ บก.โดนตีหัวบอกพาดพิงถึงพี่โน่ ผมก็บอกเอาแล้ว เอาอีกแล้วงานเข้าอีกแล้ว ต้นปีเลยเอาอีกแล้วนะครับ ก็คงต้องบอกครับว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอะไรแบบนี้แน่ๆ”
“เรื่องโทร.อันนี้โทร.จริงๆ ครับ แต่ว่าผมไม่เคยโทร.ไปข่มขู่ ผมโทร.ไปแจกแจงเรื่องของความเป็นจริง คือเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว กับคอลัมน์หนึ่งของเว็บไซต์หนึ่งที่ไม่ได้อ้างถึงชื่อผม แต่ว่าเขียนทุกอย่างเป็นผมหมด และกระทู้ที่ยิงเข้าไปก็กลายเป็นผม ซึ่งเพื่อนๆ สื่อมวลชนหลายคนก็มาสัมภาษณ์ผมถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ผมก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะว่าข้อมูลที่มีอยู่นั้นมันไม่ได้มีความเป็นจริงอะไรเลย”
“แต่พอดีมีคนบอกผมมาว่า คุณอะไรนะ ต่อพงษ์เนี่ยเป็นผู้ดูแลเรื่องซ้อเจ็ด ผมก็โทร.ไปคุยกับเขา แต่การคุยของผมไม่ได้มีการขู่อะไร ผมบอกว่า ผมไม่ทราบว่าคุณเขียนหรือไม่เขียน แต่ว่าใครก็แล้วแต่ที่เป็นคนเขียนกรุณาหาข้อมูลที่เป็นจริง อย่ามาป้ายสีกันแบบนี้เพราะว่าผมมีครอบครัว แล้วผมมีตำแหน่งหน้าที่การงาน ซึ่งการทำอย่างนี้มันคือการทำลายชื่อเสียงกัน ผมก็พูดแค่นั้นเอง ว่าช่วยหาข้อมูลให้มันตรง”
“แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นเขาจะมาแก้ข่าวอะไรให้ผมเลยสักอย่างหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็คือเท่านั้นเอง แล้วก็โทร.ไปอีกทีเขาก็มีลงอีกว่ามีคนโทร.มาขู่เขาปีใหม่ ผมก็โทร.ไปหาเขาอีกที เขาก็ไม่รับสายผมแล้ว เขาก็เขียนว่าเออไม่ใช่กะเทยแล้วจะมาตบทำไมอะไรอย่างนี้ เป็นทำนองนั้น คือลงในเว็บนะครับ แต่เป็นประโยคสั้นๆ สองประโยค ผมก็บอกโอ้โหอะไรกัน เออเอาก็เอา แต่คือนิสัยผมตั้งแต่ไหนแต่ไร คือผมเป็นคนพูดจะพูดให้สื่อที่ผมมีอยู่พูด”
“แล้วการที่ผมจะมาจ้างใครให้ตีหัว มันไม่ใช่นิสัยผมอยู่แล้ว แล้วประกอบกันสอง ตัวผมก็ทำงานให้กับศาลอาญา ผมรู้กฎหมาย ผมรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดอะไรควรอะไรไม่ควร สามผมจบจากสถาบันที่ให้การศึกษาผมอย่างดีคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมเรียนรัฐศาสตร์เป็นนักปกครอง การที่ผมจะไปทำอะไรใครด้วยวิธีการแบบนี้ มันไม่ใช่วิสัยของผม”
“อันนี้ผมยืนยันได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วประวัติผมไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้นการออกมาพูดก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่เขาอยากจะพูดก็พูดไป และในฐานะที่ผมเป็นพิธีกรแล้วอยู่ในวงการนี้มานาน ตลอดเวลามีคนให้ความสนใจผม ผมก็อยากบอกว่าอะไรที่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือกันก็อย่าทำเลย เพราะว่าผมไม่มีเหตุที่จะต้องไปทำอะไรเขา ถ้าผมมีเหตุที่จะต้องทำอะไรเขา ผมคงไม่ออกมาพูดตอบคำถามสื่อ”
“แล้วที่บอกว่าผมเที่ยวไปบอกสื่อต่างๆ ว่าให้ระวังตัว ผมไม่เคยพูด ผมเคยแต่แช่ง และผมไม่ได้แช่งเขาด้วยนะ ผมบอกว่าใครที่เขียนผม และผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขียนขอให้ครอบครัวคุณบรรลัยอันนั้นผมยอมรับ แต่ว่าการที่ผมจะไปขู่เขาว่า ให้ระวังตัวผมไม่เคยพูดไม่เคย ไม่ได้อยู่ในวิสัยผมและผมไม่ใช่กุ๊ย ไม่ใช่คนที่จะไปทำอะไรแบบนั้น ก็เลยอยากจะบอกเขาให้รู้ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ”
จะฟ้องกลับหรือไม่ให้เป็นเรื่องของทนาย พิจารณาดูว่าข่าวดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้แค่ไหน ส่วนตัวเป็นคนให้อภัยอยู่แล้ว ยันร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบทำร้ายดังกล่าว
“เรื่องจะฟ้องกลับหรือเปล่านั้น อันนี้เป็นเรื่องของทางกฎหมาย ซึ่งคุณชายบวรฉัตร(ทนาย) จะเป็นคนดูแลเองตรงนี้ ถ้าเห็นว่ามันสมควรและเสื่อมเสีย โทษนะครับทั้งตัวเอง ครอบครัวผม และนามสกุลของผม อันนี้ก็คงจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ว่าเขาจะว่ายังไง คงต้องว่ากันอีกที เมื่อกี้คุยกันคร่าวๆ เท่านั้นเองครับว่าเหตุมันเป็นอย่างไร มันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ แล้วมันจะเป็นอย่างไร แล้วเมื่อเอ่ยถึงผม ผมก็ต้องมาแถลงข่าวตรงนี้ ให้ออกมาชัดเจนนะครับ ไม่อย่างนั้นตรงนี้ชื่อเสียงตลอด 20 ปีที่ผมทำมามันเสียหาย”
“คือจริงๆ ผมยังไม่ตอบอะไรครับ และอะไรที่ผมให้อภัยได้ผมก็จะให้อภัย เขาจะคบเราเป็นเพื่อนหรือไม่เขาจะคบเราในสังคมนี้หรือไม่ อันนี้ก็สุดแท้แล้วแต่เขา แต่อย่างที่บอกว่า ผมเองผมไม่ใช่คนที่เป็นนักเลงหัวไม้ เป็นกุ๊ยอันธพาลข้างถนน ที่จะเอานู่นเอานี้ไปตีใคร เคยตีอยู่คนเดียวในเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ คือคุณโอ วรุฒแล้วก็ใช้ถาดตีในละคร ไม่ได้ตั้งใจด้วย อันนั้นก็ยังรู้สึกผิดเลย ชีวิตทรัพย์สินความเป็นส่วนตัวของคน ผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตัดใจจากผมได้เลย ว่าผมบริสุทธิ์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”
“คงไม่โทร.แล้วครับ อย่างที่บอกว่าเขารับสายผมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และผมไม่ได้เคยโทร.หาเขาเป็นสิบหน เท่าที่ฟังมามีสื่อมวลชนมาบอกผม ว่าผมโทร.หาเขาเป็นสิบหน ประมาณสามหน แล้วอีกสองครั้งหลังเขาไม่รับสายผมแล้ว”
หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปให้ปากคำ ก็ยินดีให้ความร่วมมือ พร้อมยอมรับหากใครจะมองร้อนตัว
“ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาครับ แต่พร้อมครับ พร้อมที่จะให้การ คือบริสุทธิ์อย่างไรก็ ให้การกับตำรวจอยู่แล้ว ก็สุดแท้แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ผู้พิพากษา ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ท่านจะเรียกเราไปเมื่อไหร่ แต่เราก็ยินดีให้การครับ”
“โทษนะครับ ยังไม่เห็นหน้าเขาเลยครับ ยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไง เคยรู้จักแต่ชื่อเท่านั้นเอง แล้วก็รู้ว่าเป็นอย่าไร มาทำงานตรงนี้ได้อย่างไร รู้แค่ว่าจัดรายการวิทยุเท่านั้นเอง เราก็เลยโทรไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆ มาเจตนาอะไรถึงผม ซึ่งระบุชื่อผมคนเดียวเลย ซึ่งมันไม่แฟร์นะ มันไม่แฟร์ผมก็เลยต้องแถลงข่าว”
“คำแรกเลยที่คุยกับลูกน้อง คือเอาอีกแล้วนีโน่ ผมยังไม่รู้เลย ลูกน้องบอกพี่โน่เขามีแถลงข่าวแล้วนะบก.ของผู้จัดการโดนตีหัว โทษนะผมยังไม่รู้เลยว่า คุณต่อพงษ์เนี่ยเขาเป็นบก. พูดด้วยความสัตย์จริง ว่าผมไม่รู้จริงๆ นะว่าเขาเป็นบก.ผมรู้แต่เพียงว่า เออน่าจะเป็นคนนี้เขียน ผมก็เลยโทรไปคุย แล้วผมก็คุยกับเขาดีด้วยนะ”
“แล้วทุกคนคิดว่าผมร้อนตัวอะไรก็แล้วแต่ ในข้อมูลนั้นๆ นะครับ ที่ลงในเว็บคือมันไม่ร้อน มันก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าทุกคนระบุในกระทู้ว่าเป็นผมหมด เพราะฉะนั้นผมโดนตรงนี้เต็มๆ อยู่แล้ว ผมก็ต้องมาแจง ผมไม่มีหนทางอะไรจะสู้ ผมไม่มีปากกา ผมไม่มีอะไร เวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ผม ผมก็จะพูดออกไป”
“ตอนนี้ภรรยาทราบเรื่องหมดแล้ว คือทราบตั้งแต่เว็บไซต์แล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้ผมโดนเพื่อนโทรมาถามกันเยอะมาก โดนถามเยอะมาก และผมต้องตอบคำถามไปตามนั้น”
ยืนยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายบก.บันเทิงเอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน บอกถ้าอยู่เบื้องหลังจริงๆ คงไม่ออกมาแถลงตอบโต้
“ไม่ฝากครับ จะฝากอะไรเขาเป็นคนมีสิทธิ์เขาเป็นคนโดนทำร้าย แต่ก็บอกเขาไปเท่านั้นเอง ว่าจริงๆ แล้วผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรตรงนี้นะ ด้วยความบริสุทธิ์ใจของผม และผมเป็นคนที่ออกมาเปิดเผยอยู่คนเดียว เขาจะไปว่าใคร หรือคอลัมน์นี้จะไปว่าใครบ้างมันมีเป็นร้อยๆ คน ถ้าผมจะทำ ผมคงไม่ออกมาเปิดเผยตัวอย่างนี้ หรือจะออกมาพูดอะไรตรงนี้ ผมคงไม่พูดอะไรให้มันเสียฟอร์มผมหรอกนะ อันนี้ผมก็บอกให้ตรงๆ ว่าก็ไม่เป็นไรผมเป็นคนให้อภัยคนอยู่แล้ว”
“หลังจากนี้ก็แล้วแต่ครับ ก็อยู่ที่ว่าเขาจะดำเนินการอย่างไง เขาแจ้งความผมอะไรอย่างไรเป็นเรื่องของกฎหมายแล้วครับ”
ทนายเผย ขอดูรายละเอียดก่อนค่อยตจัดสินใจเรื่องฟ้องกลับหรือไม่
“คือในเบื้องต้นผมต้องศึกษารายละเอียดก่อน ว่าเจตนาเขาต้องการอะไร แล้วเดี๋ยวเราต้องคุยกับคุณโน่กันว่า เราต้องดูเจตนาเขาก่อน ว่าเขามีเจตนาร้ายหรือเจตนาอะไร เรื่องนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครับ ฟังเบื้องต้นก็รู้สึกว่ายังวิเคราะห์ไม่ได้ดีกว่าครับ เพราะเรื่องแบบนี้เราเป็นคนป้อนข้อมูลให้กับมีผู้ตัดสินอีกที”
***
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ประณามมือมืดทำร้าย "ต่อพงษ์" คุกคามสื่อฯ
“ต่อพงษ์” แฉ “นีโน่” โทร.คุกคามก่อนถูกตีหัวแตก