xs
xsm
sm
md
lg

แค่แจกจตุคามตกรุ่น “ลักษณ์ ธงหัก” ชิ่งสวมเสื้อแดง หลังขึ้นเวทีด่าผู้มีบารมีฯ จัญไร!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หมอลักษณ์” ปฏิเสธอยู่ข้าง นปช. ทั้งที่ไปแจกจตุคามฯ แถมขึ้นปราศรัยด่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญว่าทำตัวจัญไร พร้อมร่วมปลุกมวลชนก่อนเสื้อแดงจะบ้าคลั่งก่อจลาจลเมืองหลวง ธงหักบอกที่ไม่ร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะดูแล้วไร้เหตุนองเลือดทั้งที่ตาย-เจ็บเพียบ พร้อมลั่นไม่สนใครจะรัก-เกลียด เพราะไม่มีใครทำอะไรตนได้เหตุทำแต่ความดี

เป็นที่สนใจไม่น้อยเลยสำหรับการปรากฏตัวของหมอดูหมอเดา “ลักษณ์ เรขานิเทศ” หลังไปแจกจตุคามให้กับกลุ่ม นปช. และขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พร้อมทำพิธีปลุกเสกองค์สมเด็จพระนเรศวรที่นำไปด้วย ก่อนที่ทางผู้ชุมนุมจะก่อจลาจลขึ้นในเมืองหลวง ทั้งรุมทำร้ายนายกรัฐมนตรี, เผารถเมล์-ตู้เอทีเอ็ม, ยึดรถแก๊ส, ไล่ยิงชาวบ้านย่านตลาดนางเล้ง ฯลฯ

แต่ถึงแม้จะเปิดตัวเต็มที่ ทว่าเมื่อสอบถามไปยังเจ้าตัว หมอดูจอมฟันธงกลับบอกว่าตนไม่ได้เข้าข้างคนเสื้อแดง และที่ไปในวันนั้น (12 เมษายน) ก็เพื่อที่จะไปแจกจตุคามฯ ที่ตนเองสร้างขึ้นมาซึ่งมีเหลือเยอะเนื่องจากขายไม่ออกเพราะกระแสตกเท่านั้น

“พอผมแจกมันก็เป็นข่าว เป็นข่าวว่าผมเอาไปแจก ผมก็ได้ส่งมอบให้กับสารวัตรซึ่งมีนายตำรวจที่ตั้งแถวอยู่ ผมจำได้ว่ามีตำรวจชุดหนึ่งอยู่ตรงพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งผมก็ได้ส่งไปชุดละ 500 องค์ เป็นลังๆ ไป และเสร็จแล้วพวกนปช.ก็มารับเองส่วนหนึ่งสัก 4-5 ร้อยคน และมีคนมาบอกผมว่าอยากให้อาจารย์ไปส่งมอบที่บนเวที เขาก็เปิดทางให้

ผมก็ไม่ได้รู้จักใครทั้งสิ้น มีแกนนำอยู่คนหนึ่ง ผมก็ไม่รู้เขาบอกว่าเขาเป็นแกนนำบอกผมว่าอยากให้อาจารย์ขึ้นเวทีให้พูดเกี่ยวกับเรื่องดวงเมืองบนเวที ผมก็พูดไป คือหนึ่งจะเกิดการนองเลือด อย่าให้ทหารฆ่าประชาชน ให้ใช้วิธีการอย่างละมุนละม่อม และให้นำสิ่งที่ผมตั้งใจสร้างมาเพื่อคุ้มครองตัว รุ่นนี้ผมสร้างมาด้วยใจที่บริสุทธิ์แต่บังเอิญสร้างนานมาหน่อย พอสร้างออกมากระแสตก เลยเก็บไว้แจกอย่างเดียว”

เล่นลิ้นไม่ได้เป็นเสื้อแดง แต่บอกว่าตนมีหัวใจสีแดง
“แน่นอน ไปยืนบนเวทีเสื้อแดงคนก็คิดว่าเป็นเสื้อแดงไป แต่ความจริงผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมบอกด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้คิดว่าผมไปอยู่เสื้อแดงแล้วจะเกลียดเสื้อเหลือง ผมคิดว่าผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ทนเห็น เอาง่ายๆ ผมมีชื่อเสียงขึ้นมาในประเทศนี้ ผมจะยืนอยู่กลางๆ อันนี้ผมไม่ได้พูดอย่างดัดจริตนะ ผมพูดกับคุณตรงๆ ผมจะยืนอย่างกลางๆ แทงกั๊กไปวันๆ หนึ่ง โดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรขึ้นมาเลย ผมอยู่ไม่ได้ว่ะ”

“ผมอยู่กลางๆ ก็ได้ ไม่ได้ต้องทำอะไร ก็ดีไป แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีหัวใจสีแดง เลือดในหัวใจผมสีแดง หมายถึงว่าเลือดผมก็เข้มข้น แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปเห็นชอบด้วยกับการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดงที่ไปเผานู้นเผานี้ หรือเสื้อเหลืองที่ประท้วงแล้วไปปิดสนามบิน ผมไม่เห็นด้วย แต่ผมเห็นว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดในแบบของแต่ละคน”

“เช่น พันธมิตรฯ เขามีสิทธิในการที่จะตรวจสอบรัฐบาล ผมก็คิดว่ากลไกแห่งการตรวจสอบจะเข้มข้นขึ้นถ้าพันธมิตรฯ เปิดทางให้อย่างนี้แล้ว แต่อะไรที่ผิดกฎหมายผมรับไม่ได้เหมือนกัน”

ส่วนเรื่องที่เจ้าตัวขึ้นไปกล่าวพาดพิงถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งอดีตนายกฯ “แม้ว ทักษิณ ชินวัตร” ระบุว่าเป็นประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างจะรุนแรงอย่างเสียๆ หายๆ ว่าจัญไร เป็นคนแก่กะโหลกกะลาที่คิดร้ายต่อประเทศ แต่ทำตัวเป็นผู้ดีโดยหวังเพียงเพื่อจะสร้างอำนาจให้กับตนเองเท่านั้น เรื่องนี้เจ้าตัวบอกว่า...

“ผมพูดในส่วนที่ผมคิดเห็น ผมพูดถึงเรื่ององคมนตรี ผมพูดเลยว่าอันนี้ไม่ใช่เรื่องดวงแต่เป็นความคิดเห็นที่สืบเนื่องจากในขณะนี้ดาวพฤหัสบดีในดวงเมืองมันเสื่อม มันก็สามารถวิเคาระห์ได้หลายอย่าง อาจจะเป็นวงการพระสงฆ์อาจจะอ่อนแรงหมดกำลังก็ได้ หรือข้อกฎหมายอาจจะหมดแรงอ่อนกำลังก็ได้ มันตีความหมายได้มากมาย

อาจจะเป็นการปกครองประเทศที่หลายๆ ฝ่ายอาจจะมีการอยุติธรรมหรือหลายๆ อย่าง ทีนี้วันนี้บ้านเมืองกำลังอ้าง หมายถึงว่ากำลังดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือเอาสถาบันลงมาเล่น ผมไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกัน สมมติว่ามีองคมนตรีไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือไม่ได้รับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือทำโดยส่วนตัว”

“สมมติว่าองคมนตรีไปเป็นที่ปรึกษาของแบงค์กรุงเทพ แล้วมีการเอื้อผลประโยชน์ แบบนี้เห็นว่าสมควรไหม ผมพูดจากใจ ไม่ได้ยึดหลักโหราศาสตร์ คือผมพูดว่าจัญไรแบบนี้ ทำแบบเนี้ยมันไม่ดี ตัวเองไม่ได้เป็นแค่ที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตัวเองไปทำอะไรที่นอกเหนือที่เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ซึ่งไปเอื้อในวงการธุรกิจมันเป็นเรื่องที่ไม่งาม”

“ผมพูดแค่เรื่องดวงเมืองและดวงคุณอภิสิทธิ์ แล้วผมก็ลงมาและไม่ได้ขึ้นเวทีอีก และไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวข้องกับใคร ไม่มีใครชี้นำ”



สอบถามถึงคำว่า ทรราช ที่พูดถึงตอนขึ้นเวทีเสื้อแดง หมายถึงใคร หมอลักษณ์รีบออกตัว บอกใครที่สั่งฆ่าประชาชนเป็นทรราชทั้งนั้น
“คำว่า ทรราช ที่พูดไปบนเวที คือคนที่สั่งให้ฆ่าประชาชน คำว่าทรราชคือคนที่ฆ่าประชาชน หมายความว่า นายกฯ สั่งการมันก็จะมีทหาร ตำรวจ ที่บางกลุ่มบางฝ่ายบางคนไม่ยอมใช้วิธีละมุมละม่อม แต่ใช้ตามอารมณ์ของตัวเอง อย่างพฤษภาทมิฬมันมีตัวอย่าง ที่คนสั่งและคนรับคำสั่งบ้าดีเดือด ผมหมายถึงอย่างนั้น ถ้าเกิดว่ามีเหตุอย่างนั้นก็แสดงว่าคนสั่งเป็นทรราช แต่ถ้าไม่มีก็แปลว่าไม่มีอะไร แค่นั้นเอง”

หมอดูชื่อดังยังพูดให้งงๆ ด้วยการย้ำว่า วัตถุประสงค์ที่ตนไปก็จะเพื่อแจกจตุคามฯ จริงๆ ก่อนลั่นสาบานถ้าไม่จริงก็ขอให้ตนเองวิบัติฉิบหาย แต่กลับบอกว่าที่ต้องออกไปก็เพราะรับไม่ได้กับการมีสองมาตรฐานของสังคมไทย?

“ที่ผมออกมาผมเห็นแล้วทนไม่ได้คือ ระบบนี้มีสองสามมาตรฐานที่ไม่สามารถบอกได้ แต่เอาเถิดยกตัวอย่างให้ฟัง ทางกลุ่มเสื้อแดงเขามี D-STATION ซึ่งผมก็ไม่เคยดูนะครับ และในขณะนั้นพันธมิตรฯ ก็มี ASTV ในขณะที่ ASTV ถ่ายทอดความเป็นจริง ถ่ายทอดการชุมนุมได้ แต่ทาง D-STATION ถูกปิด ผมคิดว่าทำไมอยู่ประเทศเดียวกันถึงเป็นแบบนี้

คุณกษิต ภิรมย์ นำแกนนำไปประท้วงปิดสนามบินผิด คุณอริสมันต์ผิด ผมไม่ได้ว่าคุณอริสมันต์ไม่ผิด ผิดแล้วก็ถูกดำเนินการอย่างหนัก แต่ทำไมคุณกษิต ภิรมย์ ยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ อันนี้เป็นข้อหนึ่ง ผมเห็นว่ายังมีอีกหลายเรื่องหลายประการที่เป็นเรื่องลึกๆ ที่ผมไม่สามารถพูดได้

ผมไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายไหน แต่ทำไมมันถึงมีความอยุติธรรมอย่างนี้ ผมเห็นว่าทำไมคุณไม่จัดให้มันมีมาตรฐานเดียวกันละ อย่าเอาใจว่าเรารักเราชอบ เรามาพูดกันด้วยข้อกฎหมายมันยังมีอีกมากมายแต่มันคงเป็นเวลาของบ้านเมืองที่จะเป็นอย่างนี้เอง”

โวถ้าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีเหตุรุนแรงหรือโดนทำร้ายตนไปร่วมด้วยแน่ ส่วนเหตุการณ์ที่มีการสลายประชาชนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นั้นเจ้าตัวบอกดูแล้วไม่ถือว่ารุนแรงสาหัสเลยไม่ไป แถมยังแขวะเสื้อเหลืองว่ามีแต่เรื่องเอนเตอร์เทนฯ และคนที่ไปก็เพื่อที่จะไปสร้างกระแสให้กับตนเอง

“ผมยอมรับว่าคนอาจจะมองว่าเป็นคนดัง ผมพูดในเวทีเลยว่าชาตินี้ผมไม่เล่นการเมืองก็แปลว่าผมไม่ต้องการให้คนมารักหรือมาเกลียดผมหรอก แต่ผมมีการรักชาติรักแผ่นดินไม่ต่างจากคนอื่นหรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้คนไทยฆ่ากัน

ซึ่งก็อาจจะมีคำถามตามมาว่า เอ้า อาจารย์ การที่พันธมิตรฯ โดนล้อมคราวนั้นทำไมอาจารย์ถึงไม่ไปแจก เพราะผมดูแล้วว่าตอนที่พันธมิตรประท้วงตอนนั้นมันจะไม่มีการรุนแรงแบบสาหัส เพราะว่าผมดูแล้ว แต่คราวนี้มันมีจุดของดาวอังคารกับดาวเสาร์และใกล้กับดาวเนปจูนคือดางแห่งความตาย ถ้าเกิดมีการปราบในวันที่ 14 จริงแล้วไม่ยอมกัน ผมว่ามันจะมีการนองเลือดที่มากมายมหาศาล

พูดตรงๆ ถ้าวันนั้นมีการไปล้อบกรอบทางพันธมิตรฯ ผมก็คงต้องไป แต่คนที่ไปเวทีพันธมิตรเขาจะไปเพื่อเอ็นเตอร์เทน คนต่างๆ ที่ไปขึ้นก็เพื่อไปหากระแส ซึ่งผมคิดว่ามันต้องมีบางคนที่ไปใช้กระแสของพันธมิตรฯ แล้วถ้าพันธมิตรฯ มีอีก แล้วถ้าเกิดอันตรายกับทางพันธมิตรฯ ผมจะขึ้นเวทีเลย จะไปแจม ถ้าเขาทำในสิ่งที่ถูกกฎหมายนะ ผมบอกไว้เลย”

ฟันธงดวงนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กำลังตก ลั่นต้องออกไปเท่านั้นปัญหาถึงจะจบ...“นายกฯ ต้องออกไปครับ ใช่ แล้วต้องมีการเลือกตั้งใหม่ หรือจะมีองค์การรักษาการแทนอะไรก็ตามที จริงๆ คุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ตั้งใจทำงานนะ แต่ในช่วงนี้ดวงตกอย่างมาก อยู่ในบ้านเมืองที่ไม่ปลอดภัย อยู่ในบ้านเมืองที่ถูกทุบถูกตี ซึ่งแสดงถึงภาวะที่หมดวาสนาบารมี”

“วันนี้คุณอภิสิทธิ์ไม่ได้ชนะหรอก แพ้ เพราะตอนนี้ถูกเสื้อแดงเกลียดแล้ว จะไปไหนได้ แล้วตัวเองเป็นนายกฯ คนที่เป็นนายกต้องเป็นคนที่สร้างความสมานฉันท์ วันนี้ผมอยากจะแนะนำนายกให้ฟังสักเรื่องหนึ่งว่า ถ้ายังอยู่ได้หลังวันที่ 20 ตามที่ผมทายไว้ จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วม”

ลั่นไม่สนใครจะมารักหรือเกลียด และใครก็ทำอะไรตนไม่ได้ เพราะตนมีความดีเป็นที่ตั้ง
“คนจะเกลียดหรือรักผมก็เรื่องของเขา เพราะว่าผมไม่ได้ยังชีพเพราะเขา ผมจะต้องยอมรับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ได้ ผมมีวัตตุประสงค์อะไรผมรู้แก่ใจตัว ถ้ามัวแต่ไปคิดว่าคนนู้นคิดอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็คงไม่ต้องมีหลักของผมแล้ว

และผมไม่ใช่แกนนำที่ไปปลุกระดม ถ้าเขาหึกเหิมในทางที่ดีต่อประเทศชาติซึ่งทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดง เขาก็มีการรักชาติเหมือนกันในบางกลุ่มบางคน มันก็เป็นเรื่องที่เป็นมงคล ที่ผมบอกไปถ้าคนไม่ดีขอให้กลายเป็นหินทรายไป ใครที่คิดชั่วคิดไม่ดีให้กลายเป็นอย่างนั้นไป

ผมไม่รู้ว่าจะไปพูดให้คนมารักผมทำไม เพราะว่าผมก็ไม่ได้ไปเล่นการเมือง แต่ผมรู้ในใจอยู่ว่าที่ผมอย่างนี้ผมรู้อยู่แก่ใจว่าผมทำดี เพราะฉะนั้นถ้ามีวันหนึ่งเกิดเหตุในภายภาดหน้า และมีเสื้อเหลืองได้รับอันตรายผมจะไปยืนโดยที่อาจจะมีเสื้อแดงมาเกลียดผม ก็เชิญเกลียดไป เพราะผมรู้สึกว่าผมผ่านความทุกข์ของคนที่มาดูดวงกับผมเยอะ ทำให้คนสงสารคนไทย ไม่ได้ไปทำเพื่ออะไรก็ไม่รู้ พวกอย่างนั้นมันบ้า เพราะตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้

ถามว่าผมดูดวงไหม ผมไม่ดูหรอก เพราะว่าผมทำอะไรไปก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ทำ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการ เราอาจจะทำผิดข้อกฎหมายก็ได้นะ แต่สิ่งที่ทำลายผมได้คือคุณธรรม มีกรอบศีล กรอบธรรม คือไม่มีมีอะไรมาทำลายผมได้เลย”
กำลังโหลดความคิดเห็น