“ต๋อย ไตรภพ” คืนรังช่อง 3 เสียบแทน “จับเข่าคุย” ด้าน“ประวิทย์ มาลีนนท์” แถลงข่าวต้อนรับอย่างอบอุ่นหักหน้า “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” อย่างจัง
หลังจากที่ย้ายออกจากช่อง 3 ไปตั้งรกรากกับไอทีวีได้พักใหญ่ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไอทีวีจอดำจนต้องย้ายไปทำรายการ “คลับเซเว่น” ให้กับช่อง 7 แต่ล่าสุดก็ถูกช่อง 7 สั่งเด้งฟ้าผ่าย้ายเวลาจากวันอังคารไปเป็นวันพุธ ส่งผลให้ “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ตัดสินใจโบกมือลาช่อง 7 ทันที
ความคืบหน้าล่าสุดพิธีกรคนดังได้ตัดสินใจเข้าไปคุยกับ “ประวิทย์ มาลีนนท์” นายเก่าบอสใหญ่ช่อง 3 ทำให้ได้เวลามาทำรายการใหม่ และได้เปิดแถลงข่าวรายการ “ทูไนท์โชว์” ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้(8/เม.ย./52) ซึ่งรายการดังกล่าวจะออกอากาศแทนรายการ “จับเข่าคุย” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดย “ต๋อย ไตรภพ” ได้เปิดใจถึงสาเหตุและที่มาที่ไปของการทิ้งช่อง 7 กลับคืนรังช่อง 3 ว่า....
“จริงๆ ถ้าสังเกตเรื่องนี้มันเกิดขึ้นค่อนข้างฉุกละหุกมาก และเล่าความเป็นจริงมันฉุกละหุกจริงๆ มันเกิดขึ้นจากการที่ช่อง 7 สีปรับเวลา เปลี่ยนเราจากวันอังคารไปเป็นวันพุธ ทีนี้พอเปลี่ยนไปวันพุธจะเปลี่ยนไปเป็นวันพุธเดือนหนึ่ง คือเดือนเมษายน หลังจากนั้นคือเดือนพฤษภาคม ก็จะย้ายไปอยู่ 5 ทุ่ม เพราะว่าทาง 7 สีจะทำข่าวเหมือนกันกับที่ช่อง 3 ทำนะครับ”
“พอมันเป็นอย่างนั้นขึ้นมา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็มีความรู้สึกว่าเราโดนย้ายเวลาอันที่หนึ่งก่อน อันที่สองคือเอ๊ะเราจะต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ แล้วเราก็กำลังต่อสู้ดีๆ อยู่ในความรู้สึกนะครับ เรากำลังมันกับงานกับสิ่งที่ทำอยู่ แล้วเราก็โดนสั่งย้าย ไม่ได้รู้อะไรเลย สั่งย้ายโดยกะทันหัน”
“พออย่างนั้นปุ๊บผมเองก็มานั่งคิดว่า อย่างนี้มันงงๆ กับผม กับชีวิตของผม ผมก็เลยตัดสินใจลาออก พอผมตัดสินใจลาออก ผมก็ไปบอกกับทางสถานี แล้วสถานีก็ถามว่าคุณต้องการอะไรยังไงไหม เป็นข้อต่อรองหรืออะไรยังไงไหม หรือไอ้นั่นไอ้นี่ไหม ผมบอกผมไม่ได้ต้องการ ผมต้องการลาออก เพราะถามเหตุผลผม ผมก็ให้เหตุผลไปข้อสองข้อ ซึ่งผู้ใหญ่คุยกันนะครับ”
“แล้วผมก็บอกว่ามาพูดนี่ไม่ใช่มาเป็นข้อต่อรอง ไม่ได้ขอต่อรอง ขอลาออกเลย ก็บอกสถานีไปแล้วว่าลาออกไปแล้วผมจะทำต่อให้หนึ่งเดือนถ้าทางสถานีต้องการ หมายถึงในเดือนเมษายนนี้นะครับ แล้วเขาก็บอกมาอีกทีอาทิตย์หนึ่งต่อมาว่าไม่ต้อง ไม่ต้องก็ไม่ต้อง ผมก็ไม่ได้ถาม”
“แต่จริงๆ เขาให้ความกรุณามาก เขาก็คุยอย่างดีว่าเราต้องการอะไรเหรอ อะไรยังไงก็พูดกันดี แต่ว่ารายละเอียดของการคุยขออนุญาตนะครับ แต่ถามว่าเขากรุณาไหม กรุณามาก แต่บังเอิญสิ่งที่เขาทำกับสิ่งที่เราคิดมันเป็นความแตกต่าง ทีนี้พอมันแตกต่างปุ๊บ ถามว่าเราจะไปเปลี่ยนนโยบายสถานีเขา หรือไปเปลี่ยนสิ่งที่เขาทำจนเสร็จแล้วผมว่ามันตลก มันไม่ใช่เรื่อง ผมก็เลยบอกว่าที่มาพูดทั้งหมดไม่ได้เป็นข้อต่อรอง ไม่ได้เป็นข้ออะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าขอออกจริงๆ ก็ออกก็ลาออกแค่นั้นครับ”
โต้ไม่ได้ทะเลาะกับช่อง 7 สี ไม่เคยน้อยใจ และยืนยันไม่ได้มีที่รองรับก่อนแล้วค่อยลาออก
“ออกมาแบบไม่ได้ทะเลาะอะไรเลย เขาก็งงด้วยซ้ำว่าออก ส่วนเรื่องน้อยใจไม่ใช่ครับ เราโตแล้ว อย่าเขียนคำนี้กับผมเลย ผมเป็นนักธุรกิจ ผมทำงานมาขนาดนี้ ถามว่าน้อยใจไหมไม่มีอยู่ในสาระบบ เพียงแต่ว่าผมคิดอย่างที่พูดทั้งหมด ว่าทั้งหมดเวลาเขาคิด เขาคิดเสร็จแล้ว แล้วบอกเรา คิดเสร็จแล้วนะครับ”
“ไม่ได้ถามว่าจะทำอะไรนะ เมื่อเขาคิดเสร็จแล้ว แล้วบอกเรา แล้วเราจะไปบอกเขาว่าที่คุณคิดมันไม่ตรงกับผม แล้วผมเป็นใคร คนๆ เดียวจะไปปรับผังโน่นผังนี่เพื่อจะวางเนี่ยนะแล้วไปบอกเขาว่าคุณแก้ให้เถอะ คุณตัดสินใจใหม่เถอะ มันตลกขนาดไหนในความรู้สึกผมที่จะไปบอกเขา”
“มันก็เหลือช่องทางอยู่สองช่องทาง คือหนึ่งยอมรับได้ไหม กับอีกช่องทางหนึ่งคือไม่ยอมรับ มันก็จบว่าผมไม่ไปพูดไอ้เรื่องอะไรอย่างนั้นแน่นอน ผมก็คือถ้ามันอย่างนี้ผมก็ลาออกดีกว่าก็แค่นั้นจริงๆ ก็เลยลาออก แต่ตอนลาออกไม่ได้หาที่ใหม่ ไม่มี โธ่คุณเรื่องนี้มันเกิดเมื่อกี่อาทิตย์นี่เอง จะไปหาที่ไหนทัน”
“พอผมตัดสินใจลาออกเสร็จปั๊บ ก็กลับมาพูดกับพี่น้องที่บริษัทว่าเรื่องเป็นอย่างนี้นะ ผมสู้มา 6 เดือนคือว่างงานนะ ผมสู้กับคุณมา 6 เดือนนะ มาทำที่นี่ 9 เดือนนะ แล้วเรื่องเป็นอย่างนี้นะ ผมตัดสินใจเลิกนะ ผมก็บอกลูกน้องผม ลูกน้องเขาก็ดีอย่างเขาก็เห็นใจผม เพราะผมสู้เยอะไง ผมสู้มานานจนเขาเห็นว่าผมไม่ใช่ไม่สู้นะ สู้จนขนาดนี้แล้ว ผมก็บอกเขาผมเลิกแล้วนะ เขาก็โอเค คือเลิกเลย ผมก็บอกว่าเลิกแล้ว พอแล้ว”
“ไม่ได้คิดว่าจะพักผ่อนหรอก มันเลิกแล้ว มันไม่ไหว มันไม่ใช่ท้อ คุณต้องนึกภาพตอนที่ผมเลิกคือ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ไม่มีใครจัดผังใหม่ถูกต้องไหมครับ ไม่ได้มีการไปขอรายการล่วงหน้าไว้ 3 เดือน 6 เดือน แล้วอยู่ๆ จะบอกว่าจะได้งานจะได้จากไหนล่ะใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นก็พูดความจริงกับลูกน้อง ลูกน้องก็หยุดมา 6 เดือนรู้แล้วนี่ รู้ว่าในความเป็นจริงของทีวีมันคืออะไร รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง ผมก็บอกเขาอย่างนี้แล้วทุกคนก็โอเค”
“พอโอเคเสร็จผมก็เลยนึกถึงนายขึ้นมาได้ ผมจะไปกราบนาย ไปกราบลานะครับ ผมก็ขอนัดเข้ามาเจอนาย ก็ขอเข้ามากราบนาย ก็ได้เวลานายก็ให้เข้าพบ ก็เข้ามากราบลานาย เล่าให้นายฟังว่าผมอย่างนี้ ผมเลิกแล้ว ผมไม่ทำแล้วทีวี ผมลานายแล้ว นอกเสียจากว่านายจะให้ผมทำ นี่คือคำพูดจริงๆ นะครับ”
“นายก็บอกว่าต๋อยอย่าเลิกเลย ต๋อยทำไปก่อน หมายถึงว่าให้ทำที่เดิม ให้ทำไปเถอะต๋อยทนหน่อยสู้หน่อย ต๋อยอย่าเลิกเลยอะไรอย่างนี้ ผมก็บอกนายว่าไม่ได้ ผมทำไม่ได้ ผมทำไม่ได้จริงๆ แล้วผมได้บอกเขาแล้วว่าผมเลิก แล้วอยู่ๆ วันนี้นายบอกผมอย่างนี้แล้วจะให้ผมเดินกลับไปบอกเขาบอกผมไม่เลิกแล้วนะมันไม่ได้ ผมเลิกแล้วผมก็บอกเขา”
“นายก็บอกต๋อยใจเย็นๆ ผมก็บอกว่าผมไม่ได้ทำด้วยความใจร้อน มันไม่เกี่ยวกับว่าใจร้อนใจเย็น มันทำเพราะว่ามันต้องทำ ผมเป็นผมมันทำเพราะว่ามันต้องทำ บอกอย่างนี้เสร็จนายก็บอกว่าต๋อยแต่ถ้าย้ายมาอยู่ช่อง 3 ก็ 5 ทุ่มเหมือนกันนะ นายพูดอย่างนี้ครับ ผมบอกมันไม่เหมือนกัน ผมก็พูดกับนายแค่นี้ และนี่คือคำพูดวันนั้นที่คุยกันจริงๆ”
“แล้วผมไม่ได้พูดกับนายด้วยว่าผมจะขอเวลานาย ผมไม่ได้พูด ผมพูดว่าผมเลิกแล้ว แต่ถ้านายอยากจะให้ผมทำนายต้องเป็นคนดูเอง นี่คือคำพูดจริงๆ นายบอกโอเคงั้นขอสองวัน พอวันที่สามนายก็ตอบว่าได้เวลาแล้ว แต่เดี๋ยวผมไปจัดการทางผมก่อน นายพูดอย่างนี้ แล้วก็เรียกเข้ามาคุย ในที่สุดก็จบมาเป็นวันจันทร์ แล้วที่ได้คือได้อย่างนี้จริงๆ นี่ผมพูดตรงๆ เลยนะ มันไม่ใช่คำสวยหรู ได้เพราะเขาช่วยจริงๆ”
“แล้ววันจันทร์ที่ได้คือเดือนพฤษภาคมได้แค่ชั่วโมงเดียว เพราะมันยังติดฟุตบอลอยู่ครึ่งชั่วโมงตอนกลางคืน แต่พอพฤษภาคมเสร็จไปแล้วถึงจะได้มิถุนายนชั่วโมงครึ่ง นั่นก็คือทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนกว่านี้ จริงๆ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะบอกหรอก แต่บอกตรงๆ คือพี่น้อง(สื่อมวลชน)ทั้งนั้น เห็นหน้าเห็นตากัน ยังไงพวกคุณก็ถาม”
“ถามว่าทะเลาะกันไหม ไม่ได้ทะเลาะกันเลย ไม่เคยทะเลาะ ถามว่าช่อง 7 สีกรุณาไหม กรุณา เขามีความกรุณามาตลอด แต่ถามว่านโยบายของเขาถูกต้องหรือผิด ผมไม่มีหน้าที่ ผมเป็นลูกน้องต้องรับนโยบาย รับไม่ได้ ไป ก็แค่นั้น”
“คนจะมองว่าย้ายไปย้ายมา นั่นแหละครับชีวิต มันเป็นเรื่องความละหกละเหินของชีวิตของผม แล้วอย่างที่เรียนแล้วผมทำทั้งหมดอย่างที่นายพูด ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอีกแล้ว ผมไม่ได้มีความลำบากถ้าผมไม่ทำงาน แต่อีกหลายชีวิตจะลำบากถ้าผมไม่ทำงาน อีกหลายชีวิตจะลำบากผมต้องทำนั่นอันที่หนึ่ง อันที่สองตั้งแต่ผมออกจากนี่ไปแล้วไปอยู่ไอทีวี คนทั่วๆ ไปจะเข้าใจอย่างนั้น เข้าใจว่านายกับผมมีเรื่องกันโกรธกันทะเลาะกันหรืออะไร ผมไม่เคยทะเลาะกับนายไม่เคยโกรธกัน ตลอดเวลาผมยังไปมาหาสู่กับนายตลอด”
“แล้วไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนคุณจะได้ยินผมพูดเสมอว่า นายประวิทย์คือนายผมตลอดไป นั่นคือความจริงก็ไปมาหาสู่กัน แต่ไม่เคยขอเวลานาย ออกไปจากไอทีวีแล้วไม่เคยเดินกลับมาขอเวลานาย ไม่เคย เพราะฉะนั้นตลอดเวลาที่เห็นผมไปอยู่ที่โน่นแล้วผมทำ เพราะผมได้เวลาที่โน่นอยู่ แต่ผมไม่ได้มาขอเวลานาย แล้วมาครั้งนี้ที่มาก็ตั้งใจมาลา แต่พูดกับนายเพราะนายเป็นนาย นอกจากนายอยากจะให้ทำก็จะทำเท่านั้น แล้วนายก็ดี ถามว่าหยุดที่นี่ไหม คือชีวิตผมมันค่อนข้างเยอะพอสมควรแล้วนะ ผมว่าพอแล้ว นอกจากนายสั่งให้ไปทำอะไรอีกเรื่องหนึ่ง”
การกลับคืนรังช่อง 3 ครั้งนี้ของ “ต๋อย ไตรภพ” ค่อนข้างฮือฮาเพราะเป็นการมาแทนที่รายการ “จับเข่าคุย” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” เลยทีเดียว ทำให้เกิดกระแสข่าวเกาเหล่ากันของทั้งคู่ พร้อมโต้ข่าวถูกช่อง 7 ย้ายเวลารายการ “คลับเซเว่น” เพราะเรตติ้งแพ้รายการ “ตีสิบ”
“กับคุณสรยุทธ์การันตีได้ว่าไม่มีอะไร ไม่มี การันตีได้ว่าผมกับคุณสรยุทธ์ไม่มีปัญหากัน การันตีได้ว่าผมรักคุณสรยุทธ์เท่าที่คุณสรยุทธ์รักผม ผมการันตีได้ ไปถามเขาได้เลย แต่ยังไม่ได้เจอกันเลย คือนายเป็นคนเคลียร์ครับ แต่เราก็เคลียร์กันอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น การันตีได้ คุณถามได้เลย”
“ส่วนเรื่องคลับเซเว่นหลุดผัง อันนี้คุณต้องถามช่อง 7 สีดีกว่า แต่ถ้าถามผม ผมตอบว่ามันไม่จริง ตลอดเวลาที่ทำมาตั้งแต่เปลี่ยนมาเมื่อปีใหม่ที่เป็นอเมซิ่งต่างแดนที่เป็นทอล์คโชว์อย่างที่คุณเห็นที่ทำเรื่องราวต่างๆ ที่มันประหลาดพิสดารเรตติ้งเราขึ้นอย่างมหาศาล คุณเช็คจาก ASIA NEILSON เช็คได้ว่าผมพูดเป็นความจริงรึเปล่า”
“แล้วเรตติ้งผมแพ้ใครหรือเปล่า เช็คดูซะก่อนนะครับว่าการย้ายไม่ได้ย้ายเพราะเรตติ้งแพ้นะครับ แล้วผมการันตีได้ว่าที่มีข่าวออกมาว่าผมเรตติ้งสู้ตีสิบไม่ได้เขาเลยย้ายเวลา ผมการันตีคุณได้ว่าช่อง 7 สีไม่ได้เป็นคนให้ข่าวนะครับ แล้วมันไม่ใช่ด้วย มันไม่ใช่ เขาไม่ได้ย้ายผมเพราะเหตุผลนั้น เขาย้ายผมเพราะเหตุผลอะไรคุณน่าจะรู้”
เผยมีการปรับรูปแบบรายการใหม่แน่นอน แต่รอเวลาให้คงที่ก่อน แอบุคยว่าเรื่องครั้งนี้ยังแค่ขี้ๆ ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับชีวิต เพราะเจอมาเยอะกว่านี้
“รูปแบบรายการคงมีอะไรใหม่แน่นอนครับ รูปแบบตรงนี้สำหรับตรงนี้เป็นอย่างนี้แน่นอนก่อน เป็นอเมซิ่งต่างแดนแล้วเป็นทอล์คโชว์ แต่ว่าด้วยเวลาที่มันหนึ่งชั่วโมง พอมันเป็นชั่วโมงครึ่ง เดี๋ยวมันจะต้องมีอะไรเสริมเข้ามาแน่ครับ”
“ความเจ็บปวดในชีวิตเหรอ ไม่เป็นเลย จะไปเป็นอะไร อู้หู....เมื่อก่อนไม่หนักกว่านี้อีกเหรอ แค่นี้ขี้ๆ ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต แต่มันดีตรงที่ว่าเขาเป็นนายจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่รู้จะเอาคำพูดไหนมาพูดได้ มันไม่ได้พูดกันทีเป็นชั่วโมง มันไม่ได้มานั่งขอ ไม่ได้นั่งหว่านล้อม มันพูดอย่างที่เท่าพูดเมื่อกี้ นั่นคือคำพูด”
“ไม่ได้นั่งคุยกันนานเป็นไม่รู้เท่าไหร่ มันไม่ได้โทรศัพท์คุยกันหลังจากนั้นหาเหตุหาผลกันมันไม่ใช่เลย แล้วเขามีเวลาอย่างที่คุณเห็น เขาเป็นคนแบบนี้ เขาลงมานี่ได้เที่ยงครึ่งเป๊ง พอเสร็จเรียบร้อยนี่เขาวิ่งขึ้นไปอีกแล้ว เพราะมีแถลงข่าวอีกหนึ่งแถลงข่าว แล้วเขาก็เป็นอย่างนี้ทั้งวัน เพราะที่กลับมานี่มันเหมือนกลับบ้าน เพราะเขากรุณา”
สำหรับการทำงานกับช่อง 3 เป็นที่รู้กันดีว่า จะมีการวัดผลเรตติ้งรายการทุก 3 เดือนและ 6 เดือน ถ้าเรตติ้งไม่ดีก็อาจจะหลุดผัง เรื่องนี้ “ต๋อย ไตรภพ” บอกว่า....
“โปร 3 เดือน 6 เดือนหรือครับ ไม่มีครับ ทำด้วยใจ ตอนไหนๆ ก็อย่างนั้นแหละครับ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเพิ่มรายการอะไร ตอนนี้คือทำตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้เขาเห็นฝีมือก่อนครับ”